№ 524 อยากเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์หรือไม่?
ได้ยินเขาเปลี่ยนจากสหายน้อยกลายเป็นน้องเฟิ่งทันควัน เฟิ่งจิ่วมีท่าทีกดดันอย่างมากกับการนับเป็นพี่เป็นน้องกับชายชราที่ไม่รู้ว่าอายุกี่ร้อยปีแล้ว
แต่โชคยังดี ความรู้สึกที่อวี๋เหล่ามอบให้เธอไม่ได้เลวร้าย คิดๆ แล้วก็โล่งใจ คนเขาเรียกเธอน้องชายถือว่าให้ความสำคัญ ถึงอย่างไรการที่เขาเรียกน้องชายเช่นนี้ต่อไป ก็เป็นการปฏิบัติกับเธอเฉกเช่นคนรุ่นเดียวกัน
เพียงแต่เธอเป็นผู้หญิง? น้องชายคำนี้รู้สึกว่าจะไม่ค่อยเหมาะกับเธอเลย!
ดังนั้นเธอจึงยิ้มๆ บอกว่า “อวี๋เหล่าเรียกข้าเสี่ยวจิ่วก็ได้ขอรับ”
“ฮ่าๆๆ ได้ๆๆ เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าเสี่ยวจิ่ว” เขาหัวเราะลั่น ยิ่งมองอีกฝ่ายยิ่งพอใจ พลางบอกว่า “เสี่ยวจิ่ว พวกเราไปคุยกันอย่างละเอียดที่โถงใหญ่เถอะ เชิญ”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนจะสาวก้าวเดินออกไปพร้อมกับเขา
อาจารย์คุมสอบสามคนนั้นตกใจ อึ้งไปพักใหญ่ถึงจะได้สติกลับมา สามคนมองหน้ากัน แล้วรีบร้อนตามออกไป ยกงานสอบประเมินให้นักปรุงยาของสมาคมสามคนอื่น…
เมื่อผู้ที่รออยู่ด้านนอกเสียเนิ่นนานเห็นอวี๋เหล่ากับหนุ่มน้อยชุดแดงเดินออกมาพลางพูดคุยยิ้มหัว แต่ละคนต่างเบิกตาโต รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่พวกเขาเข้าใกล้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงมองสามสี่คนนั้นค่อยๆ เดินไกลออกไป
“หนุ่มน้อยนั่นเป็นใครกัน?”
“เด็กหนุ่มนั่นเป็นคนแรกที่เข้าไปสอบประเมิน ดูท่าทางจะสอบผ่านแล้ว?”
“ต่อให้สอบผ่าน อวี๋เหล่ากับอาจารย์คุมสอบสามคนนั้นก็ไม่มีเหตุผลจะต้องมีท่าทีเช่นนั้นกระมัง? หรือว่าบ้านเด็กคนนั้นจะมีทรัพย์สินมากมาย?”
ครั้นเอ่ยเช่นนี้ พลันนำมาซึ่งสายตาเกลียดชังจากผู้คนโดยรอบ “ต่อให้บ้านมีทรัพย์สินมากกว่านี้ ก็ไม่อยู่ในสายตาของนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์อวี๋หรอก ต้องรู้ไว้ว่าแม้แต่คนจากราชวงศ์พวกนั้นก็ยังต้องประจบประแจงเขา ไหนเลยเขาต้องไปประจบประแจงคนอื่นด้วย?”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า ถูกต้อง ไม่ว่านักปรุงยาหรือนักเล่นแร่แปรธาตุล้วนเป็นคนที่ฐานะสูงส่ง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่มีวรยุทธ์แกร่งกล้า ตลอดชีวิตยังห่างจากนักปรุงยาหรือนักเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้ ถึงขั้นแม้เป็นผู้แข็งแกร่งวรยุทธ์แกร่งกล้ากว่านี้ ปกติก็จะไม่จงเกลียดจงชังนักปรุงยาหรือนักเล่นแร่แปรธาตุ
ห้องโถงใหญ่ของสมาคมเป็นสถานที่รับรองแขก พวกนักปรุงยาที่เข้ามาสอบประเมินไม่อาจเหยียบย่างเข้ามา ยามนี้เฟิ่งจิ่วกลับมาถึงที่นี่ภายใต้การนำทางของอวี๋เหล่าตรงหน้า
เหล่าผู้เรียนปรุงยาอาศัยตอนส่งน้ำชากับขนมอบให้แอบพินิจมองเฟิ่งจิ่ว อยากรู้ว่าทำไมอวี๋เหล่าถึงให้ความสำคัญกับหนุ่มน้อยชุดแดงเช่นนี้ แต่พวกเขาไม่กล้าหยุดอยู่ต่อ หลังจากส่งน้ำชากับขนมอบก็ถอยออกไป
“มิน่าแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดยังสนใจเจ้า เหอะๆ พรสวรรค์เช่นนี้หายากจริงๆ คิดดูแล้ว เจ้าต้องมาจากตระกูลหมอยาเป็นแน่?” อวี๋เหล่าลูบๆ เคราพลางหยีตายิ้มมองเฟิ่งจิ่ว ในใจวางแผนว่าจะดึงตัวเด็กหนุ่มไว้อย่างไรดี หากเขากลายเป็นขุนนางคนต่างแคว้นของสมาคมนักปรุงยาได้ เช่นนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อสมาคมทีเดียว
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ไม่ได้วางแผนอย่างละเอียด เพียงถามว่า “อวี๋เหล่า การสอบประเมินครั้งนี้ถือว่าสำเร็จแล้วกระมัง?”
“การสอบประเมินเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากรับเหรียญตราแค่ต้องหยดเลือดเจ้าลงไปรับรองก็พอ” อวี๋เหล่ากล่าวพลางหัวเราะ เสียงชะงักไป ก่อนเอ่ยอีก “เสี่ยวจิ่ว ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษากับเจ้าเสียหน่อย”
“เชิญอวี๋เหล่าพูดมาเถอะขอรับ” เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบน้ำชาเบาๆ
“ยาน้ำที่เจ้าปรุงกลั่นออกมา ไม่ทราบว่าต้องการขายหรือไม่ ข้าจะเป็นตัวแทนสมาคมซื้อขายกับเจ้า ให้ราคาที่น่าพอใจได้แน่นอน”
เขายิ้มๆ สายตาหยุดลงที่เฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “หนำซ้ำข้ายังอยากเชิญเจ้ามาเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมเรา ไม่ทราบว่าเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
……………………