№ 549 มอมเหล้า
“อืม” ซู่ซีขานรับ เผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งให้เขา จากนั้นถึงจะเดินไปด้านใน
ครั้นเห็นนางเดินไปข้างใน เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเรียกองครักษ์ลับมาถามไถ่สักพัก จึงรู้ว่านางออกไปหาผู้เฒ่าเฟิ่งคนนั้น ทั้งสองกลับกลับมาโดยคนหนึ่งนำหน้าอีกคนตามหลัง
“สั่งห้องครัวทำกับแกล้มเหล้ามาสองอย่าง นอกจากนี้หยิบเหล้าวิญญาณที่ข้าเก็บไว้ออกมาด้วย ข้าจะดื่มกับท่านอาเฟิ่งสักสองสามแก้ว” เขายิ้มๆ ให้สัญญาณทหารอารักขาไปหยิบเหล้าที่เรือนของเขามา
ไม่นานนักทหารอารักขาก็นำเหล้ามาให้ แล้วจึงเขาถือเหล้าเดินไปยังเขตเรือนของผู้เฒ่าเฟิ่ง
ผู้เฒ่าเฟิ่งยามนี้กำลังนั่งดื่มเหล้าตรงลานบ้าน มองแสงจันทร์เหนือหัว คิดว่าเขาถูกพาตัวมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าแม่หนูเฟิ่งจะร้อนใจเพียงใด? แม้ตอนนี้เรื่องทางนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่คนของพี่ชายร่วมสาบานเขาคงไม่ได้บอกเฟิ่งเซียวกับแม่หนูเฟิ่งว่าเขาอยู่ที่นี่
“เฮ้อ!”
“ท่านอาเฟิ่ง ถอนหายใจทำไม?” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ยิ้มมองผู้เฒ่าเฟิ่งที่นั่งอยู่ตรงลานบ้าน
“เฉิงจื้อนี่เอง! เจ้ามาได้อย่างไร?” ผู้เฒ่าเฟิ่งเห็นว่าผู้มาใหม่คือบุตรชายคนโตของพี่ชายร่วมสาบาน จึงทำท่าเชื้อเชิญพลางบอก “นั่งสิ”
“ข้าได้ยินคนเฝ้าประตูบอกว่าท่านเพิ่งกลับมา จึงอยากเข้ามาดื่มกับท่านเสียหน่อย ท่านดูสิ ข้ารู้ว่าท่านชื่นชอบเหล้ารสเลิศ แม้แต่เหล้าวิญญาณที่เก็บไว้ยังนำมาด้วยเลย” เขาหัวเราะร่า พลางถือไหเหล้ามานั่งลงตรงโต๊ะ
เมื่อได้ยินว่ามีเหล้ารสเลิศ ผู้เฒ่าเฟิ่งมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย “เจ้าเก็บไว้หรือ ครั้งก่อนพ่อก็เจ้านำมาให้ข้าไหหนึ่ง จิ๊ๆ เหล้านั้นกลมกล่อมจนตอนนี้ข้านึกถึงยังน้ำลายไหล เหล้าชั้นเลิศที่นี่มีมากมายดังคาด!”
“ของข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าของท่านพ่อหรอก ไม่เชื่อท่านลองชิมดู” เขาหยิบแก้วมา รินให้อีกฝ่ายไม่ถึงครึ่งแก้ว
ผู้เฒ่าเฟิ่งเห็นว่ามีเพียงไม่ถึงครึ่งแก้วจึงหรี่ตา “เจ้าหนูนี่ขี้เหนียวกว่าบิดาเสียอีก น้อยเพียงนี้จะชิมรู้รสได้อย่างไร?”
ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฉิงจื้อส่ายหน้าหลุดยิ้มทันควัน “เหอะๆ ท่านอาเฟิ่ง ท่านยังไม่ได้กินอะไรเลยกระมัง? ท้องว่างดื่มเหล้าไม่ดี ชิมเพียงน้อยๆ ก่อน ข้าสั่งคนเตรียมกับแกล้มเหล้าสองสามอย่าง ประเดี๋ยวจะยกเข้ามาแล้ว”
ขณะกำลังพูด ก็เห็นสาวใช้สองสามคนยกอะไรบางอย่างเข้ามา กลับไม่ใช่กับแกล้มเหล้าที่เขาสั่ง แต่เป็นอาหารเย็นที่ซู่ซีสั่งห้องครัวเตรียมมาให้
“ท่านน้าสั่งห้องครัวเตรียมมาให้เจ้าค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งบอก แล้วถอยออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ภายในจวนตระกูลหลิน ทุกคนต่างเรียกซู่ซีว่าท่านน้า
“เหอะๆ ท่านอาเฟิ่ง ท่านกินก่อนเถอะ อย่ากินอิ่มเกินไปเล่า มิอย่างนั้นเดี๋ยวจะดื่มได้ไม่เท่าไร” เขายิ้มๆ ตบไหเหล้าพลางบอก “เหล้าไหนี้ข้าหยิบมาแล้ว ไม่คิดจะนำกลับไป”
“ฮ่าๆๆ ดี! เจ้ารอไปก่อน คืนนี้ข้าจะดื่มกับเจ้าไม่เมาไม่เลิก!” ผู้เฒ่าเฟิ่งหัวเราะเสียงดัง กินอาหารก่อนเสียหน่อย เห็นกับแกล้มเหล้ายกมาจึงค่อยยกอาหารเย็นพวกนั้นออกไป และเริ่มดื่มเหล้ากับหลินเฉิงจื้อ
ช่วงนี้ผู้เฒ่าห่างบ้าน ในใจจึงมีความกังวล อีกทั้งยังติดพันกับซู่ซีอยู่ที่จวนตระกูลหลินนี้ ความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดและยุ่งวุ่นวายทำให้เขาทุกข์ใจไม่สิ้นสุด คืนนี้ดื่มเหล้าจึงปล่อยใจให้สบาย จากแก้วเล็กแรกสุดจนแก้วสุดท้าย ทั้งสองคนดื่มกันตลอดจนดึกดื่น
อันที่จริง หลินเฉิงจื้อดื่มไปไม่เท่าไร แต่ผู้เฒ่าเฟิ่งดื่มเยอะมาก ยามนี้เห็นผู้เฒ่าเฟิ่งเมาหนักมากแล้ว หลินเฉิงจื้อถึงเผยรอยยิ้มออกมา ชำเลืองมองท่านน้าที่มองอยู่ตรงมุมมืดตลอดไม่ยอมเดินเข้ามา ถามว่า “ท่านอาเฟิ่ง ในใจท่านมีท่านน้าข้าอยู่บ้างหรือไม่?”
…………………………………….