№ 550 คืนนี้คือโอกาส
ซู่ซีตรงมุมมืดได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็อดหวั่นๆ ขึ้นมาไม่ได้ มองคนที่เมามายหน้าแดงก่ำอย่างแอบประหม่า
“อะ อะไรนะ?” ผู้เฒ่าเฟิ่งเมาจนมึน จึงได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร
เห็นเช่นนี้ ในดวงตาเขาฉายแววยิ้มเยาะ ถามต่อไปว่า “ท่านอาเฟิ่ง ในใจท่านมีท่านน้าข้าอยู่กระมัง?”
“น้าเจ้า?” ผู้เฒ่าเฟิ่งสะอึกเหล้า ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง มือข้างหนึ่งค้ำศีรษะไว้ขณะโงนเงนคล้ายจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“ใช่ ท่านน้าข้า ซู่ซี”
“ซู่ซี ซู่ซีก็แค่ผู้หญิงโง่เขลา เจ้าว่าทำไมนางต้องหลงรักตาแก่เช่นข้าด้วย? ข้าเป็นเพียงตาเฒ่าคนหนึ่ง ไม่ ไม่คู่ควรกับนางหรอก” เขาพูดพลางโบกๆ มือ
“แต่ท่านคงรู้ว่าท่านน้าข้าไม่สนใจ”
“แต่ข้าสน!”
จู่ๆ เขาเหมือนจะโกรธขึ้นมาเล็กน้อย กระแทกชามเหล้าในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง เหล้าครึ่งชามจึงกระฉอกออกมา ได้ยินเขาพูดอีกว่า “ในใจมีนางแล้วอย่างไร? หากรักนางก็ควรมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นาง ข้าให้ไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งถึงผลักไสนางไป ตะ…แต่หญิงโง่คนนั้นโผเข้ามาแต่ละครั้ง ก็ถูกข้าทำร้ายจิตใจทุกครั้งไป เจ้าว่า เจ้าว่านางโง่หรือไม่? โง่ใช่ไหม?”
“ข้าอยากหนี วันนี้ตอนบ่ายข้าก็คิดจะหนี!” เขาเอ่ยทันทีอย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วถือชามเหล้ากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง เวลาต่อมากลับขมวดคิ้ว สีหน้าลำบากใจ “แต่คิดอีกที หากข้าหนีไปนางจะรอข้าอีก เช่นนั้นข้าก็มีความผิดใหญ่หลวงแล้วจริงๆ ข้าคิดมาตลอดบ่ายยังคิดหาทางออกไปไม่ได้ เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไร?”
เขายกชามเหล้าขึ้นดื่มถึงจะรู้ว่าเหล้าในชามหกหมดแล้ว จึงตะโกนเสียงดัง “รินเหล้า!”
หลินเฉิงจื้อสะดุ้งตกใจทันที มองผู้เฒ่าด้วยสายตาแปลกๆ แวบบหนึ่ง ก่อนจะรีบร้อนรินเหล้าให้เขา “เช่นนั้นก็แต่งกับนางเสียเลยสิ! ความจริงนี่ไม่ใช่ปัญหาอะไรที่ไม่มีทางแก้ อย่างไรเสียท่านน้าก็ชอบพอท่าน ไม่สนใจเรื่องที่ท่านแก่กว่านางหรอก” เขาเองก็ดื่มเหล้าอึกหนึ่ง สงบหัวใจที่ตื่นตกใจจนเต้นรัว
“ไม่ได้! หนังข้าเหี่ยวย่นหมดแล้ว จะทำลายเกียรติของซู่ซีได้อย่างไร? ไม่ได้ๆ”
“พรวด! แค่กๆ!”
หลินเฉิงจื้อได้ยินคำพูดเขาก็สำลักเหล้าทันใด ดวงตาเบิกกว้าง รู้สึกว่าความคิดกับวิธีพูดจาของท่านอาเฟิ่งช่างยากเกินคาดเดา แม้แต่คำว่าหนังเหี่ยวย่นเช่นนี้ยังเอ่ยออกมาได้ ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
“มาๆ ท่านอาเฟิ่ง ดื่มอีกสิ” เขายิ้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ พลางรินเหล้าให้อีกฝ่ายอีก
ทว่าหลังจากดื่มเหล้าไปสองชาม ในที่สุดผู้เฒ่าเฟิ่งก็เมาจนไม่ไหว ฟุบลงกับโต๊ะทันที ปากยังกระซิบตลอดว่า “ไม่ได้…ไม่ได้…”
“ท่านอาเฟิ่ง? ท่านอาเฟิ่ง?” หลินเฉิงจื้อเรียกถึงสองครั้ง เห็นผู้เฒ่าไม่ตอบจึงมองไปยังมุมมืด เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านน้า ท่านอาเฟิ่งเมาแล้ว”
ซู่ซีเดินออกมาจากมุมมืด เคลื่อนฝีเท้ามาตรงโต๊ะเบาๆ ครั้นเห็นว่าผู้เฒ่าเฟิ่งเมาจนหมดสติไม่รับรู้อะไร จึงยิ้มกล่าว “ทำไมเจ้าถึงคิดจะดื่มเหล้ากับเขาล่ะ?”
“ฮี่ๆ ท่านน้า ข้ารู้จักท่านอาเฟิ่งตั้งแต่เขามาเมื่อหลายสิบปีก่อน ช่วงนี้ไม่มีเวลารำลึกความหลังกับเขา คืนนี้มีเวลาพอดี จึงถือเหล้าเข้ามาดื่มและคุยเล่นกับท่านอาเฟิ่งเสียหน่อย”
ระหว่างพูดเขาลุกขึ้นยืน มองท่านน้าพร้อมเผยรอยยิ้มที่ค่อนข้างมีเลศนัย “ท่านน้า วิธีของท่านกับท่านพ่อข้ายังอ่อนเกินไป จะปล่อยท่านอาเฟิ่งไปเช่นนี้ไม่ได้ เขาไม่กล้าก้าวไปถึงขั้นนั้น หากท่านน้าตัดสินใจแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับใครอื่นจริง เช่นนั้นคืนนี้ก็เป็นโอกาสแล้ว”