№ 604 หลุมพรางแสนลึก
ช่างมัน? ช่างมันอะไรกัน?
เมื่อพวกเขาเฝ้ารอจะประชันฝีมือกับนางอย่างตื่นเต้นเสียเต็มประดา กลับได้ยินนางบอกว่าช่างเถอะ? จะช่างมันได้อย่างไร?
บริเวณรอบๆ พลันเงียบลง พวกเขาแต่ละคนเบิกตาจ้องนางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ปากที่เปิดอ้าเล็กน้อยเพราะความอึ้งแทบจะยัดไข่เป็ดลงไปได้ทั้งใบ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางนางมีสีหน้าลำบากใจ ลังเล และมั่นใจในชัยชนะ ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธจัด
หงส์ไฟน้อยที่เฟิ่งจิ่วจูงมือไว้กลอกตามองบน รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะหลอกล่อคน ประชันฝีมือกับนางหรือ? เจ้าโง่ตรงหน้าพวกนี้ถือว่าปรี่เข้ามาให้นางซ้อมโดยแท้
“องค์หญิงคิดว่าตนเองเก่งกว่าพวกเรา ด้วยเหตุนี้ถึงกล้ากระมัง?”
“จริงด้วย องค์หญิงจะดูถูกพวกเราเกินไปแล้ว หากพวกเราฝึกซ้อมแพ้ท่าน จะไปต่อว่ากับเสด็จพ่อพวกเราหรือ?”
“แลกเปลี่ยนฝีมือกันแค่เล็กน้อยคงไม่บาดเจ็บถึงชีวิต เช่นนี้ก็ไม่เสียหายถึงความสัมพันธ์ของสองแคว้น เรื่องนี้องค์หญิงวางใจได้”
“ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะแพ้? ฝึกซ้อมผลัดกันรุกผลัดกันรับ พวกเราอาจจะทำร้ายองค์หญิงโดยไม่ตั้งใจก็ได้?”
เห็นทุกคนพูดคนละหนึ่งประโยค องค์ชายโฉมงามข้างๆ กลับไม่ปริปาก เพียงใช้ดวงตาคู่นั้นพินิจมองเฟิ่งจิ่ว เนิ่นนานถึงจะเอ่ยว่า “หากองค์หญิงเป็นกังวลจริง ไม่สู้พวกเราลงนามหนังสือรับประกันการฝึกซ้อมไว้ ไม่ว่าองค์หญิงหรือพวกเราล้วนฝึกซ้อมโดยสมัครใจ แค่ฝึกซ้อมเพียงเล็กน้อย แม้พลาดบาดเจ็บก็จะไม่เอาความ เป็นอย่างไร?”
“อืม ข้าคิดว่าความคิดนี้ดียิ่งนัก”
“ไม่เลว ข้าตกลงด้วย”
“จริงด้วย ลงนามหนังสือรับประกัน เป็นเช่นนี้ก็ยิ่งสะดวกสบาย”
ได้ยินว่าพวกเขาแต่ละคนต่างเห็นด้วย ดวงตาทุกคู่จ้องมองมา รอให้เธอเอ่ยปาก เฟิ่งจิ่วจึงหัวเราะ เผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้พิษสงออกมา “แน่นอน เป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เมื่อเธอกล่าวจบ เหลิ่งซวงหยิบพู่กัน หมึก แท่นฝนหมึก และกระดาษมาจากห้วงมิติ สองมือยกมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วถือพู่กันเขียนข้อบังคับรับประกันการฝึกซ้อมอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งหมดล้วนเป็นความสมัครใจทั้งสองฝ่าย หากพลาดบาดเจ็บจะไม่เอาความ และจะไม่เสียหายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น สุดท้ายเธอลงนามว่าเฟิ่งชิงเกอ พร้อมทั้งให้สัญญาณพวกเขาทุกคนมาลงนามด้วย
ทุกคนเดินเข้ามาอ่านทีละคน คิดว่าใช้ได้แล้ว จึงพากันลงนามชื่อตนเอง
หลังจากเฟิ่งจิ่วเก็บกระดาษแผ่นนั้นไป ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้ม มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วพาทุกคนไปยังลานฝึกประลองยุทธ์
ยามนี้เหล่าองค์ชายทั้งเจ็ดแปดคน ในใจทั้งตื่นเต้นและเฝ้ารอ คิดจะเอาเปรียบนางระหว่างฝึกซ้อม เชิดชูศักดิ์ศรีของตนเอง กลับไม่รู้ว่าตนตกหลุมพรางที่เฟิ่งจิ่วขุดไว้ให้พวกเขาอย่างดี…
เพราะภายในพระราชวังมีคนจากแต่ละแคว้นมารวมตัวกัน องครักษ์กับทหารอารักขาต่างเพิ่มกำลังลาดตระเวน ลานฝึกประลองยุทธ์ที่แต่ก่อนอย่างไรก็มีคนมาฝึกซ้อมกันไม่น้อยจึงว่างโล่ง
เห็นว่าโดยรอบลานฝึกประลองยุทธ์มีเพียงทหารอารักขาสิบกว่าคน องค์ชายรูปงามคนนั้นจึงมองไปทางเฟิ่งจิ่ว ถามว่า “ไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องการฝึกซ้อมเช่นไร?”
เฟิ่งจิ่วมองเขา ให้สัญญาณหงส์ไฟน้อยตามไปข้างกายเหลิ่งซวงและอย่าวิ่งเพ่นพ่าน ก่อนจะเดินขึ้นเวทีประลองไป ยืนอยู่ด้านบนพลางมององค์ชายพวกนั้นด้านล่าง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังมีธุระอีก และไม่มีเวลาให้ประวิงนานนัก เข้ามาทีละคนต้องใช้เวลามาก เอาเช่นนี้แล้วกัน! พวกท่านเข้ามาพร้อมกันเลย ทั้งง่าย สะดวก ซ้ำยังรวดเร็วด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ องค์ชายเจ็ดแปดคนด้านล่างแต่ละคนก็โกรธขึ้นมา หนึ่งสู้แปด? นางช่างกล้าพูดจริงๆ!
หนึ่งคนในนั้นกระโดดขึ้นเวทีอย่างทนไม่ไหว แค่นเสียงเย็นเอ่ย “ให้ข้าประชันฝีมือกับองค์หญิงก่อนแล้วกัน!”
………………………………….