Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 620

№ 620 โดนเหล่าไป๋แกล้งเสียแล้ว

ยามนี้หญิงผู้งดงามในชุดกระโปรงสีขาวเร่งฝีเท้าเดินลงมาจากโรงเหล้า มายังเบื้องหน้าเยี่ยจิงและเอ่ยด้วยคำพูดตำหนิติเตียน “อาจิง เจ้าทำข้าตกใจแทบตาย ทำไมเจ้าโดดลงจากชั้นสองเช่นนั้น รถลากสัตว์วิญญาณแล่นเร็วถึงเพียงนั้น หนำซ้ำยังมาพร้อมสัตว์วิญญาณสี่ตัว หากเจ้าช้าไปครึ่งก้าวจนโดนชนจะทำเช่นไร?”

เยี่ยจิงเผยรอยยิ้มจางๆ ที่อ่อนโยน “ไม่หรอก ข้าเห็นว่าช่วยได้ถึงโดดลงมาจากชั้นสอง ข้ารู้ขีดจำกัดตนเองดีจะไม่บาดเจ็บแน่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นสถานการณ์เด็กคนนั้นก็อันตราย”

“ได้ๆๆ เจ้าเอาแต่ห่วงคนอื่นโดยไม่สนใจตนเอง ทำให้ข้าตกใจเสียจนเหงื่อออกไปหมดแล้ว” หญิงชุดขาวกล่าวตำหนิต่อไป พร้อมพินิจมองนางจากบนลงล่าง บอกว่า “ไม่บาดเจ็บจริงหรือ?”

เยี่ยจิงส่ายหน้าเบาๆ พลางยิ้มน้อยๆ “ข้าไม่ได้บาดเจ็บ”

“ไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว เจ้าดูสิ พอออกมานอกสำนักวิชาก็ได้อวดฝีไม้ลายมือเสียยกใหญ่ สมกับเป็นเยี่ยจิง หนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษาเราจริงๆ” หญิงชุดขาวพูดอย่างหยอกล้อ

เยี่ยจิงยิ้มๆ บอกว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”

“ได้สิ” หญิงชุดขาวขานรับ ก่อนจะจับมือกับนางและจากไปพร้อมๆ กันท่ามกลางสายตาทุกคน

เฟิ่งจิ่วลูบคางมองร่างสาวงามค่อยๆ เดินไกลออกไป ในสายตาเธอ เยี่ยจิงคนนั้นช่างเป็นสาวงามที่เห็นได้ยากจริงๆ ท่ากายที่โดดลงจากชั้นสองนั้นยิ่งยอดเยี่ยม เห็นได้เลยว่าไม่ใช่แค่รูปโฉมโดดเด่นแม้แต่วรยุทธ์ยังไม่เลว

สิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษาหมอกดารา? อืม ช่างทำให้คนตั้งตารอเสียจริง!

“อ๊ะ! นั่นเยี่ยจิง นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นนางที่นี่ นางเป็นเทพธิดาของข้า!”

หนุ่มน้อยผิวคล้ำที่จูงเหล่าไป๋มองสาวงามที่เดินไปไกลด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะความตื่นเต้นจึงไม่รู้ว่าเชือกที่จูงไว้คลายออก

เฟิ่งไม่ได้สังเกต เห็นท่าทางตื่นเต้นของหนุ่มน้อยผิวคล้ำก็หลุดยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ กำลังคิดจะใช้หญ้าหางสุนัขในมือเรียกสติเขากลับมา ก็เห็นจมูกเหล่าไป๋ด้านล่างพ่นล้มหายใจออกมา กระทืบกีบม้าอย่างตื่นตาตื่นใจ แล้วสับขาไล่ตามสาวงามเยี่ยจิงด้านหน้าไป

“เหล่าไป๋? เจ้าทำอะไรเนี่ย?”

เฟิ่งจิ่วสีหน้าตื่นตระหนก เดิมทีขาขัดสมาธิไว้ข้างหนึ่งพอเหล่าไป๋วิ่งเตลิดก็แทบจะตกลงมาจากหลังม้า ยังดีที่เธอรีบปรับท่านั่งดีๆ สองขาหนีบท้องเหล่าไป๋ไว้แน่น แม้เป็นเช่นนี้ ภายใต้การวิ่งเตลิดที่ลิงโลดราวกับกินยากระตุ้น เธอที่ได้แต่อาศัยสองขาซึ่งหนีบท้องเหล่าไป๋ไว้แน่นเพื่อให้นั่งอย่างมั่นคงก็ยังเสี่ยงถูกเหวี่ยงทิ้งหลายต่อหลายครั้ง

“เหล่าไป๋ รีบหยุดสิ!” เธอตะโกนไป เชือกม้าที่อยู่ตรงหน้ามือก็เริ่มคว้าไว้ไม่ไหว ประกอบกับเหล่าไป๋วิ่งพลางกระโดดโลดเต้นและบิดสะโพกอย่างตื่นเต้นเสียเต็มที่ ตะโกนอย่างไรก็ไม่หยุด เหล่าไป๋ที่กระโดดส่ายขยับวุ่นวายสั่นสะเทือนเสียจนบั้นท้ายเธอเจ็บไปหมด ขณะกำลังโน้มตัวลงเล็กน้อยและลองไปดึงเชือกไว้ก็เห็นว่าเหล่าไป๋ที่วิ่งพล่านหยุดลงทันใด

มันหยุดลงอย่างไม่สนใจ ขณะที่มันหยุดกำลังและความรุนแรงจากการวิ่งนั้นกลับทำให้ร่างเธอพลันพุ่งออกไปข้างหน้า…

เยี่ยจิงกับหญิงชุดขาวคนนั้นที่ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังหยุดฝีเท้าหันกลับไปมองพร้อมๆ กัน เห็นเช่นนี้สองคนก็ตกใจโดยฉับพลัน เมื่อเห็นม้าขาวตัวนั้นบ้างกระโดดโลดเต้นบ้างขยับส่ายสะโพก หนุ่มน้อยชุดแดงที่นั่งบนหลังม้ายิ่งสะเทือนเสียจนโงนเงนและเกือบตกลงมาหลายต่อหลายครั้ง ภาพอันน่าขันนั้นทำให้เยี่ยจิงที่ไม่เคยเห็นม้าประหลาดเช่นนี้มาก่อนเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ และในเวลานี้เองม้าตัวนั้นพลันหยุดกีบม้า ปากอ้าเล็กน้อยมีน้ำลายไหลออกมา แล้วหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้นก็โดนเหวี่ยงพุ่งตรงมาทางนาง….

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!