№ 746 ข้าไม่ไป
กระทั่งเวลานั้น ชีวิตของผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นสิ้นลง สามคนที่เหลือถึงจะได้สติกลับมาด้วยความตะลึงอย่างยิ่ง รู้สึกยากจะเชื่อ และไม่กล้าเชื่อว่าผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งจะ…จะตายอยู่ในกำมือผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณคนหนึ่งเช่นนี้…
แม้ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณคนนี้เป็นร่างเทพประทับ แม้ว่าสัตว์พันธสัญญาณคู่ชีวิตนางเป็นสัตว์เทวะในตำนาน และถึงแม้ว่าร่างนางมีแรงกดดันในตำนาน แต่นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณเชียว! เป็นผู้แข็งแกร่งที่แม้กายเนื้อตายไป ก็ใช้วิญญาณต้นหนีเอาตัวรอดได้! จะ…จะตายเช่นนี้ได้อย่างไร…
เพราะไม่มีทางเชื่อ ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งในนั้นจึงบินพุ่งเข้าไปประคองระดับกำเนิดวิญญาณที่ตายไปคนนั้นขึ้นมา เช่นนี้ถึงจะเห็นว่ากระบี่นั้นแทงเข้าจุดตันเถียนพอดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีวิญญาณต้นอยู่ กระบี่หักส่วนนั้นเสียบทะลุร่างเขาเช่นนั้นโดยไม่มีการเตือน เผยให้เห็นเพียงปลายกระบี่เล็กน้อยตรงเสื้อคลุมตัวนอกที่เปรอะสีเลือดไปหมด
เวลานี้เอง ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่เดิมทีหน้าตายังวัยกลางคน เมื่อชีวิตสิ้นไป วิญญาณต้นดับสูญ รูปลักษณ์หน้าตาเขาก็แห้งเหี่ยวแก่ลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นชายชราที่ทั้งผอมแห้งและแก่ชราเสียจนดูไม่ได้
บรรยากาศคล้ายจะถูกแช่แข็งไปในเวลานี้ กลิ่นอายที่ทั้งกดดันและมืดมนนั้นแผ่ออกมาจากร่างผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสามคนที่เหลือนั้น จิตสังหารชั่วร้ายเอ่อล้นอยู่กลางอากาศ ก่อตัวกลายเป็นกระแสลมล้อมรอบบริเวณที่พวกเขาอยู่ ราวกับจะตัดการเชื่อมต่อระหว่างที่นี่กับโลกภายนอก ไม่เพียงแยกจากกัน ซ้ำยังปิดกั้นมุมมองจากภายนอก
พวกเจ้าสำนักยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรู้สึกว่าเลือดลมพุ่งพล่านฝีเท้ายากจะขยับ คนอื่นที่อยู่ระดับกำเนิดวิญญาณเหมือนกันยังดีอยู่ แต่อาจารย์พวกนั้นก็ค่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากพวกเจ้าสำนัก แม้อยากก้าวไปข้างหน้า กลับยังคงไม่มีทางเข้าใกล้เช่นเคย
นี่เป็นความแตกต่างของพละกำลัง ห่างกันหนึ่งระดับ ความต่างก็ไม่ใช่แค่เล็กน้อย
“เฟิ่งจิ่ว! ตายเสียเถอะ!”
น้ำเสียงเย็นเยียบที่แฝงด้วยจิตสังหารมากล้นดังออกมาจากด้านใน ขณะที่ทุกคนภายนอกแนวกั้นกระแสลมยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เฟิ่งจิ่วยังมีชีวิตหรือ? ภายใต้เงื้อมมือผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณยังยืนหยัดได้นานเพียงนี้เชียว?
“เสี่ยวจิ่ว! เสี่ยวจิ่ว!”
กวนสีหลิ่นกังวลเสียจนตาแดงก่ำ แม้เขาอยู่ระดับบรรพชนนักรบ แต่ในเวลานี้ต่อให้เขาอยากจะกระโจนเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต แล้วพุ่งเข้าไปด้านในแนวกั้นกระแสลมนั้น ก็ยังไม่มีทางเคลื่อนเข้าไปได้อีกสักก้าว
ภายใต้แรงกดดันและกระแสลมทรงพลังที่กระจายไปในอากาศ ทุกก้าวของเขาเหมือนมีน้ำหนักเป็นพันชั่ง ทุกครั้งที่ลากเข้าไปใกล้หนึ่งก้าว เลือดลมในร่างต่างกำลังเดือดพล่านและปั่นป่วน คล้ายจะกระอักออกมาจากอก
เซียวอี้หานก็เหมือนกันกับเขา แม้เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน แต่ยามนี้ภายใต้แรงกดดันมหาศาลแค่ก้าวเดียวยังยากเลย ยิ่งเดินลำบากยิ่งตกตะลึง ขนาดพวกเขายังเคลื่อนไหวเช่นนี้ ด้วยวรยุทธ์เฟิ่งจิ่วจะทนอยู่ที่นี่นานเพียงนี้ได้เช่นไร?
“พวกเจ้าถอยไปข้างหลังก่อน แรงกดดันและกระแสลมที่นี่แข็งแกร่งเกินไป พวกเจ้ารับไม่ไหวหรอก” รองเจ้าสำนักกล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วใช้แรงส่งทั้งสองคนออกไปไกลมากกว่าสามจั้ง
ทว่าขณะกำลังจะส่งเนี่ยเถิงออกไป กลับเห็นสายตาเย็นชาพร้อมด้วยไอหนาวเย็นน่าสะพรึงจ้องมองมา ทำให้เขาตกใจไปชั่วขณะ ทำไมเขาถึงตามมาด้วย? รู้ว่าต้องตามออกมาเสี่ยงอันตรายแท้ๆ หรือว่าเขาจะรู้จักกับเฟิ่งจิ่ว?
“ข้าไม่ไป!”
เนี่ยเถิงเอ่ยเสียงเข้ม หลังจากมองรองเจ้าสำนัก สายตาก็หยุดลงบริเวณกระแสลมเบื้องหน้า ยามได้ยินเสียงต่อสู้ที่ลอยมาจากด้านใน หัวใจเขาคร่ำเครียด ทันใดนั้นก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากห้วงมิติออกมา
……………………