Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 759

№ 759 ทะเลาะเบาะแว้ง

“หากไม่ตะโกนเรียกเยี่ยจิงคนงามไหนเลยจะได้ยิน หากไม่ตะโกนเจ้าช่วยข้าออกไปได้หรือ?” เหล่าไป๋กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ หันมาถลึงมองอสูรกลืนเมฆาข้างๆ กัน

“คนมากันแล้วยังจะตะโกนอีก เจ้าไม่อายแต่ข้าอาย!”

“เจ้าก้อนเนื้อน้อยจะมีอะไรให้น่าอายกัน?”

“เจ้าก้อนเนื้อน้อยอะไร? เจ้าอยากหาเรื่องหรือไร?”

“มาก็มาสิ ใครจะกลัวเจ้า?”

เยี่ยจิงตาค้าง นักเรียนสิบคนที่ออกตามหามาด้วยกันก็เช่นกัน เมื่อพวกเขาเปิดค่ายกล สิ่งที่เห็นคือม้าประหลาดเหล่าไป๋กับสัตว์เลี้ยงนามอสูรกลืนเมฆากำลังทะเลาะกันตรงนั้น…

อืม ฟังไม่ผิดและมองไม่พลาด ทะเลาะ สัตว์อสูรสองตัวกำลังทะเลาะกัน ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว

พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าสัตว์อสูรที่ไม่ใช่สัตว์เทวะจะพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย หนำซ้ำยังเจอครั้งเดียวสองตัว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? อย่าบอกพวกเขาเชียวว่าเหล่าไป๋ที่หื่นกามเป็นนิสัยตัวนี้เป็นสัตว์เทวะ ซ้อมพวกเขาให้ตายยังไม่เชื่อเลย

อย่าบอกนะว่าเจ้าก้อนเนื้อเล็กนั่นเป็นสัตว์เทวะ อย่างมากก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่ทำไมถึงพูดได้ล่ะ?

เหล่าไป๋กำลังถลึงตาแหกปากทะเลาะกับอสูรกลืนเมฆา จู่ๆ เห็นมันเงียบลงแล้วหันหัวมองไปด้านหน้า จึงหันหน้าตามไป เมื่อเห็นเยี่ยจิงคนงามปรากฏตัวเบื้องหน้า ดวงตาก็เป็นประกายในทันใด

“เยี่ยจิงคนงาม เจ้ามาช่วยข้าแล้ว”

สิ้นเสียงประหลาดใจระคนยินดี มันก็โผไปทางนางทันควัน เยี่ยจิงตกใจจนต้องรีบใช้สองแขนขวางหน้ามันที่พุ่งเข้ามาไว้พลางถามว่า “เหล่าไป๋ ทะ ทำไมพวกเจ้าถึงพูดได้?”

นางไปอาศรมนั้นไม่ใช่แค่รอบสองรอบ ยังไม่ได้ยินเหล่าไป๋พูดเลย!

เหล่าไป๋ได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ ยามนี้ถึงค่อยนึกถึงคำเตือนนายท่าน และอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม “วันนั้นข้ากินของผิดไปโดยไม่ระวัง ถึงพูดได้แล้ว”

แย่ละ นายท่านคงไม่ทำให้มันพูดไม่ได้ตลอดไปจริงๆ หรอกใช่ไหม?

นึกถึงตรงนี้ ความเบิกบานที่ได้รับความช่วยเหลือก็หายไปทันใด มันคลอเคลียข้างกายเยี่ยจิง บอกว่า “เยี่ยจิงคนงาม นายท่านไม่ให้ข้าพูด ซ้ำยังใช้เชือกผ้ามัดปากข้าไว้ กลัวว่าข้าจะทำให้คนตกใจ ตอนนี้พวกเจ้าได้ยินแล้ว กลับไปเจ้าช่วยขอร้องนางหน่อยได้หรือไม่ จริงด้วย นายท่านคงไม่เป็นไรกระมัง?”

เยี่ยจิงจ้องมองเหล่าไป๋ มองไม่ออกว่ามีอะไรแปลกไป นางนึกประหลาดใจ แต่ยังคงกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ นางไม่เป็นไร แต่ได้รับบาดเจ็บตอนนี้พักฟื้นอยู่ในอาศรม พอเห็นพวกเจ้าหายไป ถึงให้พวกเราออกมาตามหา”

“ได้รับบาดเจ็บ? เช่นนั้นพวกเราต้องกลับไปเร็วหน่อย” เหล่าไป๋ได้ยินก็เครียดขึ้นมา “ใบหน้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่?”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้มุมปากก็กระตุก ไม่รู้จริงๆ ว่าเหล่าไป๋ตัวนี้เป็นห่วงว่านายจะบาดเจ็บ หรือเป็นห่วงว่าจะบาดเจ็บโดนใบหน้า?

เยี่ยจิงยิ้ม “กลับไปเห็นเจ้าก็รู้เอง” นางบอกนักเรียนด้านหลังว่า “พวกเจ้าตะโกนบอกพวกเขาทีว่าหาเจอแล้ว”

“ได้” พวกนักเรียนขานรับ แจ้งบอกกลุ่มกวนสีหลิ่น จากนั้นมุ่งไปยังสำนักศึกษาพร้อมกัน

ทว่าเมื่อกลับถึงสำนักศึกษา ข่าวว่าสองสัตว์อสูรพูดได้ก็แพร่ไปในสำนักศึกษาอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่เหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาก็แทบจะกลายเป็นขวัญใจตัวใหม่ของสำนักศึกษา แต่ละคนต่างไปยังอาศรมของเฟิ่งจิ่วบนยอดเขาสำนักยาเซียนเป็นพิเศษเพื่อดูเสียหน่อยว่าสองสัตว์อสูรมีอะไรแตกต่างกันแน่…

เทียบกับความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนแล้ว เนี่ยเถิงกลับรู้อยู่แก่ใจ

เขาไม่รู้ว่าม้าประหลาดตัวนั้นอยู่ระดับใด แต่เขารู้จักเจ้าก้อนเนื้อน้อยนั่น ตอนแรกวิญญาณต้นของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งถูกมันกลืนกินไป เช่นนั้นคงเป็นสัตว์เทวะ ใช่สัตว์เลี้ยงตัวน้อยอะไรเสียที่ไหน?

เขาเห็นเหล่านักเรียนไปเยี่ยมเฟิ่งจิ่ว ตนเองกลับได้แต่มองอยู่ไกลๆ…

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!