№ 772 ความโกลาหล
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ไม่พูดอะไร เพียงฟังไปเงียบๆ เจ้าสำนักคงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เรื่องที่เธอมีกระบี่คมพยับ วันนั้นพวกเขาเห็นกันหมด แต่ทุกคนต่างเลือกที่จะไม่พูด ไม่แพร่งพรายข่าวแม้แต่น้อย ยามนี้เอ่ยถึงหลังจากผ่านไปสองสามเดือน ต้องเกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ขึ้นแน่ๆ
“วังกำเนิดสวรรค์รวบรวมลูกศิษย์ที่สังหารคนนับไม่ถ้วนและชั่วช้าอย่างที่สุดไว้ เหล่าผู้ฝึกตนไร้สำนักซึ่งถูกขับไล่จากวิถีทางที่ถูกต้องล้วนกลายเป็นคนของวังกำเนิดสวรรค์ ทว่าหลังจากปีนั้นที่ที่อยู่ฉู่ป้าเทียนกลายเป็นปริศนา ฝูงมังกรไร้ผู้นำ คนในวังกำเนิดสวรรค์จึงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป”
“เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนี้ ทุกที่มีข่าวลือว่าคนวังกำเนิดสวรรค์มารวมตัวกัน เพราะแบ่งเป็นสองฝ่ายแย่งชิงตำแหน่งเจ้าวัง จึงก่อให้เกิดเรื่องเข่นฆ่าแก่งแย่งอาณาเขต ทางพวกเราได้รับข่าวมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่ที่อื่นๆ ยังมีคนที่ได้รับข่าวมากกว่า”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาเว้นจังหวะ ก่อนกล่าวว่า “ฉู่ป้าเทียนเป็นคนมุทะลุ เมื่อปีนั้นที่เขาบัญชาการวังกำเนิดสวรรค์ ก็ควบคุมคนใต้อาณัติได้ดีมาก ยามนี้วังกำเนิดสวรรค์กำลังขาดผู้บังคับบัญชา ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้าของกระบี่คมพยับ ข้าจึงอยากถามว่าเรื่องนี้เจ้ามีแผนอะไรหรือไม่?”
“หมายความว่าท่านเจ้าสำนักหวังให้ข้าจัดการปัญหานี้?” เธอยิ้มเล็กน้อย มองยังเขาพลางเอ่ยถาม
“เหอะๆ ไม่ได้พูดเช่นนี้ วังกำเนิดสวรรค์เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ กำลังต่อสู้ของผู้ฝึกตนทุกคนภายในพูดได้เลยว่าไม่แพ้อาจารย์สำนักศึกษาเรา นี่เป็นความโกลาหลไม่ผิด แต่ก็เป็นเนื้อติดมันชิ้นใหญ่เช่นกัน ข้ากังวลว่านานไปเนื้อชิ้นนี้จะโดนกลุ่มอำนาจทั้งหลายเพ่งเล็งและครองไว้เสียเอง ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดปัญหาที่จัดการไม่ได้แน่”
“ข้าเคยรับปากท่านอาจารย์ว่าจะรวบรวมวังกำเนิดสวรรค์ขึ้นใหม่ แต่ข้ารู้เรื่องวังกำเนิดสวรรค์น้อยมาก ยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอำนาจมาต่อสู้กันอย่างลับๆ” เธอยิ้มๆ “ข้ารับช่วงต่อแน่นอน แต่ต้องขอคนคนหนึ่งจากท่านเจ้าสำนัก”
“ต้องการคน? ใครกัน?” เจ้าสำนักตกใจ แม้แต่รองเจ้าสำนักข้างๆ ยังประหลาดใจไปด้วย
“ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยชื่อนี้ออกไป
“ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา?” ทั้งสองตกใจ บอกว่า “พวกเราไม่รู้จักคนคนนี้ แล้วเจ้าจะขอกับพวกเราได้อย่างไร?”
มุมปากเฟิ่งจิ่วยกขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารู้จักก็พอ” เธอยิ้มพลางลุกขึ้นยืน “ข้าไปก่อนนะขอรับ ต้องกลับไปเตรียมตัวเสียหน่อย” ฝีเท้าก้าวออกไป พลันหยุดลงและเดินกลับมาอีก
“ท่านเจ้าสำนัก ช่วงนี้ไม่เห็นคุณชายโม่เฉินเทพจุติคนนั้นเลย!”
ทั้งสองคนได้ยินก็ตกใจ “เขามีธุระต้องกลับไป อีกสักพักจะกลับมาอีก”
“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน! ข้ามีของบางอย่างต้องรบกวนเจ้าสำนักส่งให้เขา บอกแค่ว่าข้าชดใช้ให้เขา” ระหว่างพูด เธอหยิบชุดไหมสวรรค์ที่ห่อไว้อย่างดีจากห้วงมิติออกมาวางบนโต๊ะ
“ได้สิ” เจ้าสำนักพยักหน้า ในใจนึกสงสัย หรือว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อน?
เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วที่หลับจนตื่นมาตามปกติเก็บของ ปล่อยเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาไว้บนยอดเขาสำนักยาเซียน ส่วนตนเองออกจากสำนักศึกษาไป คิดจะไปสถานที่นั้นที่ทุกคนในสำนักศึกษาไปฝึกวิชาก่อนเพื่อพาเซี่ยงหวาออกมา
การออกไปของเฟิ่งจิ่วแทบจะไม่ทำให้ใครแตกตื่น แม้แต่เนี่ยเถิงที่สังเกตอยู่ตลอด หลังจากเฟิ่งจิ่วออกไปหลายวันถึงจะรู้ว่าเธอไม่อยู่ในสำนักศึกษาแล้ว
หลายวันต่อมา ภายในป่าแห่งหนึ่งนอกเขตเมือง เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงกำลังเอนกายพักผ่อนบนต้นไม้ มีเสียงเบาๆ ลอยแว่วเข้าหู…
…………………