№ 778 อย่าได้ถือโทษ
“ให้เจ้าหนูสองคนนี้มาพบพี่ใหญ่? ดูอย่างกับไก่อ่อน ต้าซาน เจ้าพาใครไม่รู้มาที่นี่ได้อย่างไร?”
ชายร่างสูงใหญ่ที่พูดคนนั้นลุกยืนขึ้น ล้อมเฟิ่งจิ่วกับไป๋เสี่ยวไว้พลางพินิจมอง สายตาเผยความสนใจมองผ่านจากบนร่างไป๋เสี่ยว แล้วหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงแพรวพราว
“เจ้าหนู เจ้าเป็นโจรเก็บดอกไม้ รูปร่างเจ้านี้ไปเก็บคนอื่นหรือว่าถูกคนเก็บ? ฮ่าๆๆๆๆ…”
ทุกคนรอบๆ ได้ยินเช่นนี้ แต่ละคนต่างหัวเราะร่าขึ้นมา ดวงตาแต่ละคู่หยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วพลางเดินมองเพลินๆ อย่างคิดลึก
“พวกจะ พวกเจ้าอย่ารังแกกันเกินไปนัก!” ไป๋เสี่ยวตะโกนอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย กำหมัดพลางถลึงมองพวกเขา กลับยังหดตัวอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วอย่างขลาดกลัวไปบ้าง
“รังแกพวกเจ้าแล้วอย่างไร? ไม่รู้หรือว่าคนมาใหม่ล้วนต้องถูกรังแก?” ชายร่างใหญ่คนนั้นชายตามองทั้งสอง พลันยื่นมือออกไปเชยคางเฟิ่งจิ่ว “หรือว่าเก็บดอกไม่มามากแล้ว พวกเจ้าดูสิ แม้แต่ใบหน้านี้ยังงามกว่าผู้หญิง… ซี๊ดอ๊าก!”
ยังไม่ทันคำพูดหยอกล้อ ก็สูดลมหายใจกรีดร้อง ทุกคนรอบข้างพลันตกใจ ต่างพากันลุกขึ้นยืน
เพียงเห็นเฟิ่งจิ่วเล่นกริชในมือ เช็ดคราบเลือดบนหน้าไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน และใต้เท้าเธอ ชิ้นส่วนนิ้วมือเปื้อนเลือดที่โดนตัดก็ถูกเธอเหยียบไว้ตรงนั้น
“จะพูดก็พูดไป อย่าใช้มือสกปรกมาชี้ข้า ดูซะ หากไม่ระวังจะทำให้นิ้วหายไปเสียหมด” เธอกล่าวอย่างเฉยเมย แล้วเลิกคิ้วชายตาเบาๆ ชายตามองชายฉกรรจ์คนนั้น
“เจ้าหนู เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ชายร่างใหญ่คนนั้นตะโกนเกรี้ยวกราด ฝืนทนความเจ็บที่โดนตัดนิ้วมือและใช้มืออีกข้างกำหมัดชกไปทางเฟิ่งจิ่ว ความเร็วว่องไว พร้อมด้วยเสียงชกฝ่าสายลม รุนแรงไม่น้อยเลย
หลังผลักไป๋เสี่ยวข้างกาย เฟิ่งจิ่วยกขาถีบกระเด็นออกไป ร่างสีแดงแวบผ่าน เพียงเห็นประกายหนาวเย็นวาดผ่าน แล้วชายฉกรรจ์คนนั้นก็ล้มลงพื้นทันใด
เพียงเห็นตรงคอมีเลือดไหลออก ร่างกายเขาชักดิ้นบนพื้น สายตาจ้องนิ่งยังเฟิ่งจิ่ว อยากจะพูดแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่หายใจ ร่างเหยียดตรงแข็งทื่อตายไปบนพื้น
เห็นหนุ่มน้อยแค่ลงมือก็สังหารชายฉกรรจ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไปคนหนึ่ง คนพวกนั้นที่เดิมทีคิดจะเข้าไปลังเลสักพักโดยฉับพลัน สายตาพินิจมองเขาอย่างระวัง
ทุกคนรอบข้างที่เคยหัวเราะเยาะก็เงียบลงเช่นกัน สายตาแต่ละคนหยุดลงบนร่างเขา มีความประหลาดใจและเข้าใจชัดเจน
ส่วนชายร่างใหญ่พวกนั้นที่พาพวกเฟิ่งจิ่วสองคนเข้ามาก็นิ่งไป ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา ร่างถอยหลังไปอย่างอดไม่ได้ เพื่อทิ้งระยะห่างจากพวกเขาสองคน
“ไม่ต้องกลัว ใครไม่ผิดใจข้า ข้าไม่ผิดใจใคร”
เธอเช็ดกริช พร้อมยิ้มด้วยสีหน้าไร้พิษสง “เรื่องต่อสู้ฆ่าแกงเช่นนี้ อันที่จริงข้าไม่ชอบนัก แต่บางครั้งพูดไปไม่มีใครฟัง ได้แต่ลงมือทันที พวกเจ้าอย่าได้ถือโทษ”
รอบข้างเงียบกริบ ใครก็ไม่ตอบรับเขา แค่ใช้สายตาราวกับมองสัตว์ประหลาดจ้องมองหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น พวกเขาล้วนเป็นคนชั่วร้าย เรื่องฆ่าคนเช่นนี้ยังทำมาไม่น้อย
เวลานี้พวกเขารู้ลึกๆ ว่า สำหรับคนที่คร่าชีวิตคนได้ทั้งรอยยิ้มอ่อนๆ ความน่ากลัวของเขายังสูงส่งห่างไกลจากทุกคน ณ ที่นี้เสียอีก
ขณะที่ทุกคนครุ่นคิด บรรยากาศในอากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งและกดดัน ประตูไม้บานพับบานนั้นภายในบ้านต้นไม้ก็เปิดออกเสียงดัง
เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงประตูไม้เปิดออก เงยหน้ามองไปยังบ้านต้นไม้ เมื่อเห็นร่างนั้นที่เดินออกมา ในดวงตาก็ฉายแววแปลกใจ
……………………