Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 806

№ 806 หวันเหยียนเชียนหวา

ขณะเฟิ่งจิ่วพินิจมองหญิงคนนั้น นางก็พินิจมองเฟิ่งจิ่วเช่นกัน ตนเองก็ชอบสวมชุดแดง ซ้ำยังเคยเห็นคนสวมชุดแดงมาไม่น้อย แต่คนที่สวมชุดแดงอย่างมีรสนิยมเช่นนี้กลับไม่มาก ส่วนหนุ่มน้อยตรงหน้านี้เหมือนจะเป็นคนหนึ่ง

รูปโฉมโดดเด่นและท่าทางชั่วร้าย แต่ดันมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่มาแต่กำเนิด ภายในท่าทางและคำพูดสบายๆ ยังมีความเกียจคร้านและสง่างาม ไม่พูดไม่ได้ว่าเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ครั้งแรกก็รู้สึก… ถูกชะตานัก

ถูกชะตาจนมีแรงกระตุ้นที่อยากจะเก็บเขามาอยู่ด้วยกัน

“หวันเหยีนเชียนหัว เจ้าล่ะ?”

วิญญาณผู้ฝึกตนที่คอยข้างๆ นั้นเห็นนางเอ่ยชื่อออกไปจริงๆ พลันแปลกใจเล็กน้อย มองไปทางนางเห็นนางมองเด็กหนุ่มชุดแดงนั้นด้วยสีหน้าสนใจ ก็ยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ

“ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว”

เธอยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินเข้าไปลากเก้าอี้ออกมานั่ง “เดิมนึกว่าเจ้าของภูเขาร้อยปีนี้จะเป็นตาเฒ่าตัวร้าย นึกไม่ถึงว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามน่าดึงดูดเช่นพี่สาว เห็นพี่สาวงามราวดอกไม้ ทำให้ความโกรธในใจข้าหายไปไม่น้อย”

“เหอะๆๆ… ปากเจ้านี้อย่างกับน้ำผึ้ง หน้าก็พี่สาวหลังยังพี่สาว เรียกเสียจนพี่สาวอย่างข้าจิตใจเบิกบานนัก” นางปิดริมฝีปากแดงหัวเราะเบาๆ นิ้วมือเรียวชี้ไป ดวงตางามขยิบลง เหมือนทั้งยิ้มทั้งโกรธ น่าเย้ายวนยิ่งนัก

“ข้าเรียกใครว่าพี่สาวน้อยนัก พี่สาวเป็นคนแรกเลย ใครให้พี่สาวถูกตาข้ากันเล่า!”

“เฮ้อ ข้ายิ่งมองเจ้ายิ่งรู้สึกน่ามอง ไม่ได้เจอคนน่าสนใจอย่างเจ้ามาตั้งนานแล้ว” นางมองเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตางามมีรอยยิ้ม “ไม่เพียงท่าทางหน้าตาโดดเด่น หนำซ้ำยังกล้าหาญเกินใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือน่าสนใจสำหรับข้า”

เซี่ยงหวากับตู้ฝานรวมถึงวิญญาณผู้ฝึกตนดวงนั้นเห็นทั้งสองสนิทสนมกัน พูดคุยบ้างพูดบ้างหัวเราะ ก็มองหน้ากันทันที ทั้งตะลึงและไม่เข้าใจอยู่บ้าง

ทำไมเรื่องไม่ค่อยเหมือนอย่างที่คิดไว้เลย? สองคนนี้คงเจอหน้ากันครั้งแรกกระมัง? แล้วทำไมสถานการณ์นี้กลับเหมือนพี่น้องที่ไม่เจอหน้ากันนาน?

พวกเขายืนข้างๆ มองทั้งสองคุยกันตรงนั้นราวกับข้างๆ ไม่มีใครอื่น ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ บ่อยครั้ง ภาพที่อยู่ด้วยกันดูอย่างไรล้วนรักใครกลมเกลียวกันนัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น

สำหรับสามคนที่ยืนข้างๆ กลับคิดว่าภาพเช่นนั้นน่าแปลกใจยิ่ง เพราะสองคนนั้นเดิมทีนิสัยแปลกๆ ไปบ้าง สองคนที่นิสัยแปลกนี้เพียงพบหน้าก็เข้ากันได้ดี

“โอ้? พูดเช่นนี้ พี่สาวให้ข้าเข้ามาเพราะรู้ว่ากระบี่คมพยับอยู่กับข้านี้หรือ?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วชำเลืองมองเซี่ยงหวาข้างๆ นั้น ดูท่าทางเขาต้องหลุดปากบอกคนพวกนั้นแน่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะรู้ได้อย่างไร?

“ถูกต้อง กระบี่คมพยับเดิมที่เป็นกระบี่เทวะในตำนาน เล่ากันว่าฟันผียังคล่องแคล่วนัก ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่?” นางเอ่ยถามอย่างสนใจนัก

“อืม จริงแน่นอน” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ระหว่างพูดก็หยิบคมพยับมาวางบนโต๊ะ แล้วยื่นไปตรงหน้านาง “พี่สาวจะลองเสียหน่อยหรือไม่?”

เห็นภาพเช่นนี้ เซี่ยงหวากับตู้ฝานหวั่นใจขึ้นมาทันควัน แววตาหดลงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่านางจะยื่นกระบี่คมพยับออกไปเช่นนี้? หรือว่าไม่กลัวผู้หญิงคนนั้นยึดเป็นของตนเอง?

วิญญาณผู้ฝึกตนข้างๆ นั้นเห็นเช่นนี้ ก็เหลือบมองไปทางเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาแปลกๆ

หวันเหยียนเชียนหวาที่เอนกายนั้นเห็นท่าทาง ก็เม้มริมฝีปากยิ้มอย่างอดไม่ได้ หยิบกระบี่คมพยับที่เก็บไว้ในปลอกกระบี่เจ็ดดารานั้นมา ดึงออกดูเล็กน้อย ประกายสีดำเปล่งออกมา

นางมองเฟิ่งจิ่วอย่างหยอกล้อ “เจ้าไม่กลัวข้าเก็บไปไม่คืนหรือ?”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!