Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 827

№ 827 เข้ามาอาบน้ำ

ออกมาจากยอดเขาหลัก เด็กน้อยเม้มปากถามว่า “ชายสวมชุดขาวนั่นเป็นใคร?”

เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ตกใจไปพักหนึ่ง ก่อนยิ้มถามว่า “เจ้าหมายถึงโม่เฉิน? ว่ากันว่าเป็นลูกศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจีอะไรนี่แหละ เป็นอย่างไร คิดใช่หรือไม่ว่าเขาหน้าตาเหมือนเทพจุติ?”

“ก็แค่เจ้าหน้าอ่อนคนหนึ่ง” เขาเกร็งใบหน้าเล็กพลางเอ่ย

“หึ! เจ้าหน้าอ่อน? เจ้าหน้าอ่อนที่ไหนจะหน้าตาดีเพียงนั้น?” เธอหัวเราะเบาๆ กลับเห็นสีหน้าของเด็กน้อยยิ่งบึ้งตึง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ ยื่นมือไปหยิกๆ ผิวขาวเนียน พร้อมยิ้มเอ่ยอย่างหยอกล้อว่า “แต่อย่างไรก็ไม่งามไปกว่าเจ้า หน้าตาเจ้าน่ารักจะตาย”

เด็กน้อยที่เดิมทียังขุ่นเคืองอยู่บ้างได้ยินคำพูดนี้ ใบหูก็แดงขึ้นมาอีก มองเธอด้วยดวงตาวาววับ แล้วเสมองไปทางอื่นอย่างค่อนข้างเย่อหยิ่ง “อย่าใช้คำพูดตื้นเขินเช่นนั้นมาชื่นชมข้า”

น้ำเสียงไร้เดียงสาแม้จะแข็งกร้าว กลับไม่อาจปิดบังรอยยิ้มตรงคิ้วตารวมถึงมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย ชัดเจนว่าในใจแสนสุขยิ่ง แต่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น

“เพิ่งสามสี่ขวบก็เป็นเช่นปราชญ์แล้ว หรือว่าเด็กๆ ที่นั่นเป็นเหมือนเจ้ากันหมด?”

เธอจ้องมองเด็กน้อยที่เดินข้างกายพลางเอ่ยถาม คิดว่านอกจากรูปร่างเล็กกระจ้อยร่อยรวมถึงเสียงเด็กใสแจ๋ว บุคลิกท่าทางก็ไม่เหมือนสิ่งที่เด็กเล็กควรมีเลยจริงๆ

“เจ้าไม่ต้องหลอกถาม ข้าไม่บอกเจ้าหรอก” เขาแค่นเสียงหยัน แล้วสาวขาเล็กสั้นเดินไปด้านหน้า

ยามมองเด็กน้อยเดินเอามือไพล่หลังไป เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วพลางยิ้มๆ และกลับไปอาศรมพร้อมกับเขา

เพราะกลั่นยาอายุวัฒนะออกมาแล้ว สำนักศึกษาก็ปิดเรียน ทั้งสำนักศึกษาหมอกดาราว่างโล่ง มีเพียงพวกอาจารย์กับเจ้าสำนักที่ยังอยู่ที่นี่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงคิดจะกลับไปดูที่บ้านหรือออกไปเดินเล่นสักหน่อย

ดังนั้น หลังจากพาเด็กน้อยกลับถึงอาศรมถึงถามว่า “ข้าจะส่งเจ้ากลับไปบ้านข้าเป็นอย่างไร?” ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกไปก็แลกกลับมาเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดจากเด็กน้อยพร้อมด้วยเสียงตะโกนกราดอย่างหงุดหงิด

“เจ้ากล้ารึ!”

เขาถลึงมองเธอ ใบหน้าเล็กถมึงทึง ชัดเจนว่าเป็นการตะโกนด้วยสีหน้าโกรธเคือง แต่เสียงเด็กไร้เดียงสาที่ปากเล็กๆ เอ่ยออกมากลับทำลายความรู้สึกโมโหนั้นเสียดื้อๆ ฟังแล้วช่างใสไม่อันตรายเลยสักนิด

“เจ้ากล้าทิ้งข้าไว้บ้านเจ้า ข้าก็กล้าแอบหนีออกมา ถึงตอนนั้นเจ้าหาข้าไม่เจอหรือเกิดเหตุอะไรไม่คาดฝันขึ้น ดูซิว่าเจ้าจะจัดการอย่างไร”

“แต่ข้าว่าจะไปเดินเล่นรอบๆ พาเด็กตัวเล็กเช่นเจ้าไปด้วยก็ยุ่งยากนัก” เธอขมวดคิ้วเอ่ย ในใจกลับแปลกใจกับปฏิกิริยาที่เกินเหตุไปมาก

“ข้าติดตามแค่เจ้า จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เขาแสดงจุดยืนอีกครั้ง พร้อมถลึงตาดำขลับจับจ้องเธอ

เห็นดวงตาคู่นั้นถลึงมองมา เฟิ่งจิ่วลูบๆ จมูก น่าแปลก เธอคล้ายเห็นภาพลวงตา รู้สึกเหมือนเซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังถลึงมองตนเอง และรู้สึกร้อนตัวอย่างไม่มีเหตุผล

สุดท้ายเฟิ่งจิ่วยอมประนีประนอม ถึงอย่างไรฮุยหลางก็ส่งเด็กน้อยคนนี้มาจากสถานที่ห่างไกลเพียงนั้นเป็นพิเศษ เห็นได้เลยว่าเป็นคนสำคัญ หนำซ้ำเซวียนหยวนโม่เจ๋อทางนั้นดูแลเขาไม่ได้จึงส่งมาให้เธอดูแล หากจะส่งเขาไปราชวงศ์เฟิ่งหวง ว่ากันตามตรงยังไม่ค่อยวางใจสักเท่าไร ถึงอย่างไรฐานะเขาก็พิเศษเกินไป

ดังนั้นวันนี้หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กสองคนจึงคุยเล่นกันอยู่หน้าอาศรมแบบไม่มีเรื่องคุยก็หามาพูด ส่วนใหญ่เฟิ่งจิ่วจะถาม เด็กน้อยกลับไม่ตอบแค่ฟังไป

จนกระทั่งค่ำคืนมาเยือน เฟิ่งจิ่ววางอ่างน้ำไว้ให้เด็กน้อยอาบ จากนั้นกวักมือเรียก “เข้ามา อาบน้ำได้แล้ว”

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version