№ 855 ชายชราหายไปแล้ว
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ยมราชน้อยบนเตียงแววตาวาบวับ ที่แท้นางคิดถึงเขาด้วย ในตอนที่เขาไม่รู้ก็ยืนมองท้องฟ้าอยู่ริมหน้าต่างพลางคิดถึงเขาเช่นกัน
เมื่อนึกถึงข้อนี้ หัวใจเขามีธารอุ่นไหลผ่าน หัวใจก็อ่อนยวบลงแปลกๆ ยามนี้อยากบอกนางยิ่งนักว่าเขาอยู่ตรงนี้
“เขาแก้พิษเหมันต์แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
น้ำเสียงไร้เดียงสาดังมาจากด้านหลัง เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมองเด็กน้อยบนเตียง “แก้แล้ว? แก้อย่างไร? นั่นเป็นพิษเหมันต์พันปีเชียว หากแก้ง่ายดายเพียงนั้น พิษเหมันต์คงไม่ซ่อนอยู่ในร่างเขานานขนาดนั้นหรอก”
เขาได้ยินก็เม้มปากเหลือบมองนาง บอกว่า “แน่นอนว่าจ่ายราคาไปไม่น้อย แต่แก้ได้จริงๆ” กล่าวจบ เสียงเขาหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนอธิบาย “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ถาม ข้าก็ลืมบอกเจ้ามาตลอด”
เฟิ่งจิ่วมายังข้างเตียง มองเขาที่ห่มผ้าไว้พลางถาม “เจ้าเป็นน้องชายเขาจริงหรือ? ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยได้ยินเขาบอกว่ามีน้องชายเช่นนี้?”
ได้ยินคำพูดนี้ เขาดึงผ้าห่มสูงขึ้นพร้อมหาวหวอดๆ “ง่วงจัง ข้านอนก่อนละ” พูดจบก็หลับตาทันทีไม่คิดจะตอบกลับ
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหน้ายิ้มๆ เจ้าหนูนี่เป็นเด็กน้อยแสนชาญฉลาด ยากนักที่จะล้วงข้อมูลจากปากเขา
เธอถอดเสื้อนอกออก ด้านในสวมชุดซับใน เลิกผ้าห่มออกก่อนนอนลงไป แล้วยื่นมือกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติ กอดครั้งนี้ยิ่งรู้สึกว่าเขาโตกว่าครึ่งเดือนก่อนไม่น้อย ในใจสงสัยว่าทำไมเขาถึงโตเร็วเพียงนี้
เช้าตรู่วันต่อมา เธอพายมราชน้อยไปที่เวิ้งสวนท้อ
กลับมาครึ่งเดือนแล้ว ขลุกอยู่กับการกลั่นยาตลอด เกือบลืมไปแล้วว่าเธอยังต้องถามชายชราคนนั้นว่าเม็ดบัวเขียวในท้องเธอคืออะไรกันแน่? แม้ตอนนี้บรรลุระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด แต่ตอนฝึกบำเพ็ญเธอยังต้องแบ่งพลังวิญญาณมาหล่อเลี้ยงบัวเขียวเม็ดนั้นตรงจุดตันเถียน
สิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดที่สุดคือ หล่อเลี้ยงมาเป็นเวลาเกือบปีหนึ่งแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีรูปร่างเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอคงสงสัยว่าบัวเขียวนี้จะบานหรือไม่? หรือว่ายังมีผลลัพธ์หรือวิธีใช้งานอื่นอีก?
ใครจะรู้ ยามมาถึงเวิ้งสวนท้อ หาทั่วทั้งด้านในและด้านนอกกลับไม่พบร่างชายชรา ดังนั้นเธอจึงเรียกวิญญาณผู้ฝึกตนตระกูลนั้นที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่มาสอบถาม ถึงจะรู้ว่าปีก่อนหลังเธอจากไปไม่นาน ชายชราคนนั้นก็จากไปด้วย
“กลัวว่าข้าจะกลับมาหาเขาหรือ นึกไม่ถึงว่าจะไปเงียบๆ เช่นนี้? ไม่ทิ้งคำพูดอะไรไว้เลย?” เธอเบิกตามองวิญญาณผู้ฝึกตนสองสามดวงตรงหน้า ไม่นึกว่าพอกลับมาจะไม่พบคนแล้ว
“นายท่าน เขาแค่บอกว่านายท่านไม่ต้องตามหาเขา บอกทำนองว่าสิ่งนั้นเป็นของดี และเป็นของขวัญให้ผู้มีวาสนาเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่มีพิษภัยต่อนายท่าน ส่วนเรื่องอื่นๆ ภายหน้าจะรู้ได้แน่นอน”
เฟิ่งจิ่วได้ยินแล้วขมวดคิ้ว เธอย่อมรู้ว่าเม็ดบัวเขียวนั้นไม่เป็นอันตรายกับเธอ มิเช่นนั้นคงไม่รอตั้งนานเพียงนี้ถึงจะกลับมาถาม เพียงแต่เธอรู้เรื่องเม็ดบัวเขียวในจุดตันเถียนแค่เล็กน้อย หรือว่าจะให้เธอใช้พลังวิญญาณหล่อเลี้ยงไปตลอดเช่นนี้?
หากเลี้ยงไปหลายสิบปีก็ยังมีรูปร่างเช่นนี้เล่า?
พอนึกถึงตรงนี้ บนหน้าผากก็ปรากฏเงาดำหลายเส้น หากเอาออกมาได้ เธอก็อยากจะเอาออกมาเสียจริงๆ น่าเสียดายที่เม็ดบัวเขียวนี้ราวกับหยั่งรากในจุดตันเถียน อยากจะนำออกมามีแต่ต้องกรีดเปิดท้อง
“เฮ้อ! ช่างเถอะๆ ไม่เห็นก็ไม่เห็น” เธอถอนใจเบาๆ พลางโบกมือ ก่อนจะมองพวกเขาสองสามคน “พวกเจ้าฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้าง?”
……………………………….