Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 884

№ 884 เลื่อนขั้นเป็นแคว้นระดับเจ็ด

“เหลิ่งหวา มิน่าข้าไปไหนท่านพ่อถึงบอกว่าต้องพาเจ้าไปด้วย เจ้าทำงานได้โดยที่ข้าไม่ต้องกังวลเลยจริงๆ เจ้าตั้งใจฝึกบำเพ็ญ รอภายหน้าข้าไปยังจักรวรรดิจะพาพวกเจ้าสองคนพี่น้องไปด้วย ถึงเวลานั้นจะให้เจ้าเป็นพ่อบ้าน” เธอหรี่ตาลงยิ้มพลางเอ่ย

เหลิ่งหวาได้ยินคำพูดนี้ก็ดีใจ ขานรับทันที “นายท่านโปรดวางใจ ข้าจะขยันฝึกบำเพ็ญอย่างแน่นอนขอรับ”

โม่เฉินกินขนมอย่างสง่างาม ราวกับไม่ได้อยู่ท่ามกลางป่าเขาแต่อยู่ในโถงจวนหรูหรา นั่งตัวตรงพลางลิ้มรสอย่างช้าๆ ได้ยินคำพูดพวกเขาก็กล่าวโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “เจ้ายังไม่บรรลุถึงวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ ข้าไม่แนะนำให้เจ้าไปจักรวรรดิ”

ยังไม่บรรลุถึงระดับกำเนิดวิญญาณ ก็ไม่แนะนำให้เจ้าไปจักรวรรดิ

แววตาเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ซ้ำยังได้ยินคำพูดนี้ เดิมทีเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็กล่าวเช่นนี้ บอกเธอว่าไม่ถึงระดับกำเนิดวิญญาณอย่าไปจักรวรรดิ โม่เฉินก็เอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาเช่นกัน หรือว่าคนในจักรวรรดิจะแข็งแกร่งและน่ากลัวเช่นนั้นจริงๆ?

“หรือว่าคนที่นั่นวรยุทธ์ล้วนอยู่ระดับกำเนิดวิญญาณขึ้นไป?” เธอถามไปอย่างอดใจไม่ไหว

“สถานที่นั้นเสี่ยวเอ้อร์ในโถงทางเดินโรงเตี๊ยมยังมีวรยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังยิ่งเห็นได้ทุกที่ หนำซ้ำคนที่นั่นเอะอะไม่ถูกกันวิธีตรงที่สุดมักเป็นการต่อสู้”

หลังกินขนมไปสองชิ้นเขาก็เช็ดๆ มุมปาก กล่าวต่อไปว่า “ไม่มีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ ซ้ำยังไม่มีกลุ่มอำนาจปกป้อง เจ้าอยู่ที่นั่นเจออะไรต้องเจียมเนื้อเจียมตัว”

เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด ยามนี้อยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ตั้งเป้าหมายให้ตนเองไว้ว่าภายในหนึ่งปีพละกำลังจะพัฒนาถึงระดับหลอมแก่นพลัง แต่หลังกลับถึงสำนักศึกษายังต้องไปเข้าร่วมงานจัดอันดับอิทธิพล เดาว่าเวลาบางครั้งคงรับได้ไม่ไหว

ส่วนผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ภายในสองปีเธอยิ่งไม่ต้องคิดเลย

เธอสัญญากับเซวียนหยวนโม่เจ๋อไว้สิบปี แต่คิดว่าจะทำให้ตนเองก้าวหน้าถึงระดับกำเนิดวิญญาณแค่ภายในห้าปี ยามนี้ก็ผ่านไปปีกว่าแล้ว

อาจเพราะหัวข้อสนทนาตึงเครียดไปหน่อย สองคนจึงนั่งไปโดยไม่คุยอะไรอีก พักผ่อนสักพัก เฟิ่งจิ่วมองๆ ท้องฟ้า แล้วหยิบเรือเหาะออกมา บอกทั้งสามคนว่า “พวกเราขึ้นเรือเหาะกันเถอะ! ความเร็วไวกว่าหน่อย จะได้พักผ่อนบนเรือด้วย”

โม่เฉินมองเรือเหาะลำหรูหรา แล้วเหลือบมองนาง สายตาเช่นนั้นราวกับกำลังบอกว่า ‘มีของเช่นนี้ก็ไม่เอาออกมาตั้งแต่แรก’ มองเฟิ่งจิ่วอย่างหมดคำพูด

ขึ้นไปนั่งเรือเหาะ ใช้หินวิญญาณจุดเชื้อเพลิง มุ่งหน้าไปยังแคว้นเหินเวหา…

อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสสามตระกูลซั่งกวนในเมืองหลวงแคว้นศรสวรรค์หลังรู้ว่าพวกเฟิ่งจิ่วไปแล้วก็พาคนจากไปเช่นกัน คิดว่าหลังกลับถึงตระกูล จะรีบส่งคนไปตรวจสอบตัวตนเฟิ่งจิ่วคนนี้

เขาต้องรู้ให้ได้ ว่านอกจากตัวตนภูตหมอแล้ว ยังมีความเกี่ยวข้องกับคนตระกูลเฟิ่งอีกหรือไม่?

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งเดือน พวกเฟิ่งจิ่วกลับมาถึงแคว้นเหินเวหา หลังมาถึงแคว้นเหินเวหาเธอก็เก็บเรือเหาะ กล่าวกับโม่เฉินว่า “ถึงอาณาเขตที่นี่แล้ว ข้ายังมีธุระ จะไม่กลับไปสำนักศึกษาด้วยกันกับท่าน”

โม่เฉินมองนาง เพียงหยักหน้า แล้วร่อนกระบี่ออกไปโดยไม่พูดอะไรแม้สักคำ

หลังรอเขาออกไป เฟิ่งจิ่วพาพวกเหลิ่งซวงไปคฤหาสน์วางแผนว่าหลังจากรับเหล่าไป๋จะกลับไปสำนักศึกษา เมื่อมาถึงคฤหาสน์ก็เห็นแปดองครักษ์ตระกูลเฟิ่งเข้ามาต้อนรับ

“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว”

ทั้งแปดคนมองนางอย่างยินดี หลังต้อนรับนางเขามานั่งด้านในถึงจะเอ่ยว่า “นายท่าน ราชวงศ์เฟิ่งหวงส่งข่าวมา บอกว่าราชวงศ์พวกเราผ่านการประเมิน เลื่อนขั้นจากระดับเก้าเป็นแคว้นระดับเจ็ดแล้วขอรับ”

……………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!