№ 887 คนที่แอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง
กินยาแก้พิษไป พร้อมฝังเข็มทองตรงจุดลมปราณ เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจฟั่นหลินที่หมดสติไปทั้งสีหน้าออกม่วงสีม่วงบนใบหน้าก็ค่อยๆ หายไป ยามนี้เสียงตู้ฝานลอยมาจากด้านนอก
“นายท่าน ได้เอกสารมาหมดแล้วขอรับ”
“เข้ามาเลย” เฟิ่งจิ่วกล่าว เก็บเข็มทองและมองไปยังตู้ฝาน เห็นว่าพิษเขายังไม่ออกฤทธิ์ก็ยื่นยาแก้พิษให้เขา “นี่คือยาแก้พิษ หลังกินไปภายในครึ่งชั่วยามอย่าเพิ่งใช้พลัง”
“ขอรับ” เขารับยาแก้พิษไป ขณะเดียวกันยังยื่นเอกสารไป
“นำยาแก้พิษตรงนี้ไปให้พวกหลัวอวี่ด้วย”
เธอรับเอกสารมาเดินไปอ่านข้างนอก เห็นบนเอกสารเป็นแค่ภารกิจง่ายๆ แต่ภารกิจนี้ดูไม่มีปัญหาอะไร และไม่ใช่ปัญหาอันตราย แต่ปัญหาอยู่ที่ภารกิจนี้เจาะจงคน ระบุว่าต้องการให้เซี่ยงหวามาทำภารกิจ
ทำไมต้องเจาะจงให้เขามาทำภารกิจนี้? ภารกิจคือคำหลอก ลวงไปสังหารถึงจะเป็นจริงกระมัง?
เช่นนั้นทำไมต้องลวงเซี่ยงหวาไปฆ่า? แล้วทำไมต้องสำรวจดวงจิต? เป็นใครกัน? จับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดไปสำรวจดวงจิตได้เป็นๆ คนคนนี้ต้องมีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ!
“แย่แล้ว แย่แล้วขอรับ!” ไป๋เสี่ยววิ่งร้อนรนเข้ามาจากด้านนอก ท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเฝ้าอยู่ด้านใน ก็รีบร้อนบอกว่า “มีคนลอบเข้ามาจากภูเขาด้านหลังขอรับ!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาแวววับ นัยน์ตาฉายประกายหนาวเหน็บ “มีคนลอบเข้ามาจากภูเขาด้านหลัง?”
“ขอรับ คนชุดดำหลายคน กระรอกดินตัวหนึ่งที่ข้าฝึกไว้ช่วงก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาบอกข้า พวกเขาแอบเข้ามาเงียบๆ และหลบอยู่ในป่า คฤหาสน์เราตรงนี้มีพวกเหลิ่งซวงเฝ้าไว้ คนพวกนั้นยังไม่เข้ามา แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ต้องทำอย่างไรขอรับ?”
เขากังวลไปบ้าง ภายในคฤหาสน์มีแค่พวกเขาสองสามคนเช่นนี้ หนำซ้ำยังถูกพิษไปหลายคน เซี่ยงหวาตายไป ไม่รอพวกเขาตรวจสอบได้ว่าใครทำ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนลอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง นี่คิดจะทำอะไร? ชัดเจนว่ามุ่งมาหาพวกเขา
ระหว่างที่เขาพูดไป หนูสีเทาตัวเล็กเท่ากำปั้นก็มุดออกมาจากในอกเสื้อ แล้ววิ่งพล่านวุ่นวายไปบนร่างเขา
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองหนูตัวนั้น ปิดเอกสารในมือลง สั่งการว่า “เจ้าควบคุมสัตว์อสูรได้ไม่ใช่หรือ? แถบภูเขาด้านหลังนั้นข้ายกให้เจ้า ดูไว้ดีๆ ด้วย”
เขาตกใจไปพักหนึ่ง เห็นนางสีหน้าเย็นเยียบ ทั่วร่างปล่อยกลิ่นอายสังหารเยือกเย็น ขานรับทันทีว่า “ขอรับ”
เขาคุมสัตว์อสูรเป็น ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ ภูเขาด้านหลังตรงนั้นอย่างน้อยๆ ก็มีสัตว์ร้ายและสัตว์วิญญาณร้อยกว่าตัว แม้กำลังต่อสู้เขาไม่ไหว คุมสัตว์อสูรกลับยังตอบโต้ศัตรูได้
ทันใดนั้นเขามุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว คิดจะไปจับตามองตรงภูเขาด้านหลังทางนั้น ไม่ว่าเป็นอย่างไรก็ให้คนพวกนั้นเข้ามาคฤหาสน์ไม่ได้
เฟิ่งจิ่วหันกลับไปกำชับตู้ฝานสองสามประโยค ให้เขาดูแลพวกคนที่ถูกพิษและยังไม่ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์เป็นอย่างดี ส่วนตนเองไปข้างหน้า มาถึงด้านหน้าเห็นเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาสองคนลาดตระเวนรอบๆ คฤหาสน์ เห็นเธอออกมาจึงเดินเข้ามา
“นายท่าน” สองคนขานเรียก กำลังจะเอ่ยปากก็โดนเฟิ่งจิ่วเรียกเข้าไป
“ด้านหน้ามีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยถาม
“ไม่เห็นคน แต่เหมือนจะมีคนสัมผัสค่ายกล ข้าออกไปดูกลิ่นอายนอกคฤหาสน์ไม่ค่อยถูกต้องนัก คล้ายมีคนไม่น้อยล้อมพวกเราไว้และจับตามองที่นี่”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว สั่งว่า “เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ไปอย่าไปไหนคนเดียว”
……………………