Skip to content

เมษาที่รัก 3

Chapter 3 ประกันตัว   

“ถูกจับงั้นเหรอ?” มาร์คัสพยักหน้ารับรู้

โอเวนพยักหน้าแล้วก็รีบรายงานว่า “ใช่ นักสืบโทรมาบอกว่ามิสบุญรักษ์ถูกจับข้อหาขโมยจิวเวอร์รี่ของบริษัท มูลค่าประมาณสามแสนกว่าดอลล่าร์”

“นายไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ปิดข่าวให้สนิท” มาร์คัสสั่งแล้วก็หันหลังมองวิวด้านนอก

“ได้” โอเวนพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์สั่งงาน

มาริสากลับมาถึงบ้านครู่หนึ่งก่อนตำรวจจะมาถึง พอเห็นรถตำรวจมาจอดกดกริ่งหน้าบ้านก็ออกไปดู “มีอะไรคะคุณตำรวจ?”

“เรามีหมายค้นมาค้นบ้านคุณครับ” ตำรวจบอกแล้วก็ยื่นหมายค้นให้ดู

มาริสางุนงง “หมายค้นหรือคะ?”

เธอเอื้อมมือไปรับมาอ่านแล้วก็ตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ? เป็นไปไม่ได้”

“เอ้าหมวด อย่ามัวชักช้า” ผู้กองสั่งแล้วก็พูดกับเจ้าของบ้านว่า “เปิดประตูด้วยครับคุณ”

มาริสาเปิดประตูรั้วให้หน้าซีดเผือด มือเท้าอ่อนคล้ายจะเป็นลมจนต้องจับรั้วบ้านเป็นที่พยุงตัว เธอสูดลมหายใจตั้งสติ

“ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ” เธอพร่ำบอกกับตัวเองอยู่อย่างนั้น

“เชิญครับคุณ” ตำรวจบอกแล้วก็เดินเข้าไปค้นหาของกลางภายในบ้าน

มาริสาตามไปยืนดูพร้อมกับถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเผื่อมีข้าวของเสียหาย

หลังจากตรวจค้นแล้วไม่เจอของกลางตำรวจก็พากันกลับไป ส่วนมาริสาก็รีบตามไปที่โรงพักทันที

“แองจี้” มาริสาเรียกลูกอย่างตกใจและเป็นห่วงเมื่อได้เห็นหน้าลูกรัก

เมษาพอเห็นแม่เข้ามาในห้องก็ถลาไปหาทันที “แม่ แองจี้ไม่ได้ทำนะคะแม่ๆ ต้องเชื่อแองจี้นะ แองจี้ไม่ได้เป็นขโมยนะคะ”

มาริสากอดลูกแน่น “แม่เชื่อจ้ะ หนูไม่ได้ทำ ตำรวจจับผิดคนแน่ๆ แม่จะประกันตัวหนูออกไป รอแม่ก่อนนะลูก”

“ค่ะแม่” เมษาพยักหน้า

มาริสารีบออกไปจัดการเรื่องประกันตัว ตำรวจปิดห้องล็อกกุญแจไว้ดังเดิม

แต่พอรู้จำนวนหลักทรัพย์ที่ต้องใช้มาริสาก็หน้าซีด เงินตั้ง 120,000 จะหาจากที่ไหน?

จะเอาโฉนดบ้านมาค้ำประกันก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ประเมินราคาก่อน

เธอโทรหาเพื่อนร่วมงานเป็นระวิง หวังขอยืมเงินมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครมีเงินให้ยืมมากถึงขนาดนี้เลยสักคน ถึงแม้จะลองยืมเท่าที่เพื่อนฝูงพอจะให้ยืมได้แต่จำนวนเงินก็ยังไม่พอทำเรื่องประกันตัวอยู่ดี

“จะทำยังไงดี?ๆ” เธอเดินวนไปวนมาอย่างกลัดกลุ้ม ญาติพี่น้องที่สนิทสนมก็ไม่มี มีแต่ญาติห่างๆ ข้างแม่ข้างพ่อแต่ก็ขาดการติดต่อไปตั้งแต่เธอยังเล็กๆ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวมาตั้งแต่หลังจากพ่อแม่และพี่ชายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตั้งแต่อายุ 22

ณ โรงแรม โอเวนเดินเข้าไปในห้องเจ้านาย

มาร์คัสหันไปมองแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟา “มีอะไร?”

“ถ้าจะประกันตัวต้องใช้เงินประมาณ 4,000 ดอลล่าร์” โอเวนบอก

มาร์คัสพยักหน้ารับรู้ “โอเค นายไปจัดการให้เรียบร้อย จำไว้ว่าอย่าให้เธอเป็นข่าวได้เด็ดขาด”

“จะพยายาม” โอเวนพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป

ณ โรงพัก มาริสายืนกลุ้มอยู่หน้าประตูห้อง ตำรวจที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องได้แต่มอง แต่ไม่อาจจะช่วยอะไรได้

มือบางกดโทรศัพท์เท่าที่นึกออก แม้แต่โทรขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับผอ. เธอก็ทำ ซึ่งผอ.ก็ตอบว่า “ต้องให้คณะกรรมการบริหารเห็นชอบก่อนนะครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคณะกรรมการให้เอง คุณก็ใจเย็นๆ นะครับ แองจี้เป็นเด็กดีผมเชื่อว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ ครับ ถ้ายังไงผมจะโทรให้เพื่อนที่เป็นทนายเข้าไปตรวจสอบให้ครับ”

“ขอบคุณค่ะผอ. ขอบคุณมากๆ ค่ะ”

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมโทรหาเพื่อนที่เป็นทนายให้เลยนะครับ” ผอ.บอก

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มาริสารู้สึกดีขึ้นนิด อย่างน้อยทั้งเพื่อนร่วมงานและเจ้านายก็ไม่ทอดทิ้งในยามที่เธอต้องการความช่วยเหลือ

ผอ.ตัดสายไป

มาริสาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับตำรวจเฝ้าหน้าห้องเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ตกใจ “เกือบจะสองทุ่มแล้วเหรอ”

เธอมองประตูห้องแล้วก็นึกถึงลูก “แองจี้ได้ทานข้าวรึยังนะ?”

“คุณคะ ลูกสาวฉันได้ทานข้าวรึยังคะ?” เธอถามตำรวจที่เฝ้าหน้าห้อง

“ยังครับ พอดีวันนี้มีคดีเยอะก็เลยยังไม่มีใครไปซื้อข้าวมาเลยครับ ถ้ายังไงผมว่าคุณไปซื้อข้าวมาให้ลูกคุณก่อนเถอะครับ” ตำรวจบอกอย่างหวังดี

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มาริสารีบเดินออกไปซื้อข้าวกล่องทันที

พอกลับมาเธอก็ยื่นถุงอาหารให้ตำรวจหน้าห้อง “นี่ค่ะคุณตำรวจ ส่วนนี่ของคุณค่ะฉันซื้อมาฝากค่ะ”

“คุณเอาของถุงนี้ไปให้ร้อยเวรตรวจก่อนครับ แล้วเดี๋ยวร้อยเวรจะเอาเข้าไปให้ลูกคุณเองครับ” ตำรวจบอกพร้อมกับชี้มือไปที่ร้อยเวร

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มาริสารีบเดินไปที่โต๊ะร้อยเวร “คุณคะฉันซื้อข้าวมาให้ลูกฉันที่อยู่ในห้องนั้นนะค่ะ”

“ครับ” ร้อยเวรพยักหน้าแล้วก็หยิบไปตรวจดู

จากนั้นร้อยเวรก็ถือถุงอาหารพร้อมกับกุญแจห้องไปเปิดประตูห้อง

“ขอฉันเข้าไปหาลูกได้ไหมคะ?” มาริสาถามร้อยเวร

“ไม่ได้ครับ หมดเวลาเยี่ยมผู้ต้องหาแล้วครับ มันเป็นระเบียบของทางเราครับ นี่ถ้าปกติลูกคุณต้องอยู่ในห้องขังนะครับ แต่เผอิญว่าวันนี้เราจับกลุ่มเด็กแว๊นซ์มาจนห้องขังเต็มแล้วลูกคุณถึงได้ถูกขังแยกนะครับ” ร้อยเวรบอกตามหน้าที่

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มาริสาเดินตามร้อยเวรไป พอร้อยเวรเปิดประตูเธอก็ชะเง้อมองผ่านประตูเข้าไป “แองจี้ แม่ซื้อข้าวมาให้หนูทานซะนะลูก”

“แม่” เมษาเรียกอย่างดีใจ แต่พอจะเดินไปหาแม่ร้อยเวรก็บอกว่า “คุณออกไปไม่ได้นะครับ”

เมษาชะงัก ได้แต่ยืนมองแม่อยู่อย่างนั้น

ตำรวจหน้าห้องก็คอยกันแม่ผู้ต้องหาไม่ให้เข้าไปในห้อง

ร้อยเวรวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะ “กินข้าวซะซิคุณ” แล้วก็เดินออกไป

พอประตูปิดลงเมษาก็นั่งลงมองกล่องข้าวอย่างกินอะไรไม่ลง

ส่วนมาริสาก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับประตูห้อง

ตำรวจก็นั่งเฝ้าหน้าห้องตามเดิม

จนสามทุ่มกว่า จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหามาริสา “คุณมาริสาใช่ไหมครับ?”

มาริสาหันไปมองพยักหน้า “ค่ะ”

“ผมชื่อเกริกก้องครับ เป็นทนายความครับ” เกริกก้องแนะนำตัว

มาริสาลุกขึ้นยืน “ค่ะ ฉันรู้จักคุณค่ะ คุณออกข่าวบ่อยฉันจำได้ คุณเป็นเพื่อนกับผอ.ใช่ไหมคะ?”

เกริกก้องสงสัย “เอ่อ…ผอ.ไหนครับ? คือผมมีเพื่อนเยอะน่ะครับ”

“ผอ.โรงเรียน………….ไงคะ”

เกริกก้องส่ายหน้า “ไม่รู้จักเลยครับ”

“อ้าว” มาริสามองหน้าทนายชื่อดัง “ถ้างั้นคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?”

“คือผมมาจัดการเรื่องประกันตัวคุณเมษา บุญรักษ์ลูกสาวคุณน่ะครับ”

มาริสางง “เอ่อ…คุณจะมาประกันตัวเมษาลูกสาวฉันหรือคะ?”

“ครับ” เกริกก้องบอก

“แต่ฉันรวบรวมเงินยังไม่พอจ่ายค่าประกันเลยนะคะ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมเตรียมมาเรียบร้อยแล้วครับ เอาเป็นว่าเรามาจัดการเรื่องประกันตัวให้เสร็จกันเถอะครับ ผมจะได้กลับไปนอนซะที” เกริกก้องบอก

“คุณเตรียมเงินค่าประกันตัวมาแล้วเหรอคะ?” มาริสาซักอย่างคาใจ

“ครับ ผมเตรียมมาเรียบร้อยแล้วครับ” เกริกก้องบอก

“เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะคะ แล้วทำไมคุณถึงจะมาประกันตัวลูกสาวฉันล่ะค่ะ? คุณจำคนผิดรึเปล่าคะ? เราไม่รู้จักกันซักหน่อย”

“ลูกสาวคุณชื่อเมษา บุญรักษ์ใช่ไหมครับ?” เกริกก้องย้อนถาม

“ค่ะ” มาริสาพยักหน้ารับ

“ถ้างั้นก็ไม่ผิดตัวแน่ครับ เจ้านายของผมต้องการให้ผมมาประกันตัวคุณเมษา บุญรักษ์ครับ” เกริกก้องยืนยัน

“เจ้านายของคุณเหรอคะ?”

“ครับ” เกริกก้องพยักหน้า

“แล้วเจ้านายของคุณเป็นใครคะ?” มาริสาถามอย่างสงสัย

“เอาเป็นว่าเจ้านายของผมไม่ประสงค์ออกนาม คุณรู้แค่ว่าเขาต้องการให้ผมมาประกันตัวลูกสาวคุณก็พอครับ” เกริกก้องบอกแล้วก็ตัดบทว่า “จะไปประกันตัวได้รึยังครับ? ถ้ายัง…ผมจะได้กลับไปนอนครับ”

“เอ่อ…” มาริสาลังเล หันไปมองประตูห้องที่ลูกถูกขังอยู่อย่างตัดสินใจ แล้วก็พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”

ประกันตัวแองจี้ก่อน เรื่องอื่นค่อยคิดกันทีหลังเถอะ

“ครับ” เกริกก้องพยักหน้า แล้วก็หันไปถามตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องว่า “ผมจะติดต่อเรื่องประกันตัวคุณเมษาได้กับใครครับ?”

“บอกร้อยเวรเลยครับ” ตำรวจบอกแล้วก็ชี้ไปที่โต๊ะร้อยเวร

“อ่อ ขอบคุณครับ” เกริกก้องบอกแล้วก็เดินไปที่โต๊ะร้อยเวร

มาริสาเดินตามไป

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองคนก็จัดการเรื่องประกันตัวเรียบร้อย

ร้อยเวรเอากุญแจไปเปิดประตูห้อง “คุณครับ ญาติคุณทำเรื่องประกันตัวเรียบร้อยแล้ว คุณกลับบ้านได้แล้วครับ”

“หา?” เมษางง

ร้อยเวรเดินกลับไปที่โต๊ะ จัดการเรื่องประกันตัวของเด็กแว๊นซ์ต่อ

เมษาเดินออกไปนอกห้องก็เจอแม่อยู่หน้าประตู เธอโผเข้ากอดแม่ทันที “แม่ขา”

“ไม่เป็นไรนะๆ” มาริสาลูบหลังให้กำลังใจ

“อ่อ คุณมาริสาครับ นี่นามบัตรของผมครับ มีอะไรก็ติดต่อผมได้เลย ส่วนเรื่องคดีของคุณเมษาผมบอกคุณตำรวจเจ้าของคดีไว้แล้วว่าให้ติดต่อผ่านผมได้เลย” เกริกก้องยื่นนามบัตรให้

มาริสาดันลูกออกแล้วก็หันไปรับนามบัตร “ขอบคุณค่ะ”

“อ่อ ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณกับคุณเมษาด้วยครับ มีอะไรจะได้ติดต่อกันได้สะดวกครับ” เกริกก้องหยิบโทรศัพท์มาเตรียมเมมเบอร์

“อ่อ ค่ะ เบอร์ของฉันนะคะ ศูนย์……….”

เกริกก้องจัดการพิมพ์เบอร์ “ศูนย์……….” เขาทวนเบอร์ให้ฟัง

มาริสาพยักหน้า เกริกก้องก็เมมเบอร์ทันที “เอาล่ะ ทีนี้ก็เบอร์ของคุณเมษาครับ”

“ศูนย์……….” มาริสาบอกเบอร์ลูกสาว

หลังจากเมมเบอร์เรียบร้อยแล้วเกริกก้องก็บอกว่า “เอาล่ะ เรียบร้อยทุกอย่างแล้วนะครับ ถ้างั้นผมขอตัวล่ะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มาริสายกมือไหว้

เกริกก้องรีบรับไหว้แล้วก็เดินจากไป

เมษามองตามแล้วก็หันไปถามแม่ว่า “แม่รู้จักเขาด้วยเหรอคะ? เขาเป็นทนายดังมากเลยนะคะ นามสกุลเดียวกับไอ้ฟ้าด้วยไม่รู้เป็นญาติกับไอ้ฟ้ารึเปล่า? เมื่อกี้ก็ลืมถามเลย”

“จ้ะ” มาริสาพยักหน้า ยังไม่อยากจะอธิบายอะไรตอนนี้ พอโล่งใจแล้วร่างกายก็เหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมาทันที “แม่เหนื่อยแล้ว กลับบ้านกันเถอะลูก”

“คุณครับ ของๆ คุณครับ ร้อยเวรให้เอามาให้ครับ” ตำรวจถือกระเป๋ามายื่นส่งให้

เมษารับกระเป๋ามา

“ตรวจดูด้วยนะครับว่าของครบไหม” ตำรวจบอก

เมษาเปิดกระเป๋าตรวจดูสิ่งของ “ครบค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ตำรวจพยักหน้าแล้วก็เดินไป

จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันกลับบ้าน

ด้านเกริกก้องพอนั่งในรถแล้วก็โทรรายงานความคืบหน้าให้เจ้านายทราบ “ฮัลโหล มิสเตอร์คล๊อบ ผมจัดการเรื่องประกันตัวเรียบร้อยแล้วครับ”

โอเวนพยักหน้า “ดีมาก ขอบคุณมาก กู้ดไนท์”

แล้วเขาก็ตัดสาย

มาร์คัสวางแก้วแชมเปญลง “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

โอเวนพยักหน้า “เรียบร้อย”

“ดี ขอบใจนายมากนะ” มาร์คัสพยักหน้าแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป

โอเวนเก็บแก้วแชมเปญไปไว้ในห้องครัว รอให้เฮ้าส์คีปปิ้งมาทำความสะอาดห้องในตอนเช้า แล้วเขาก็เดินกลับห้องพักของตัวเอง

วันรุ่งขึ้นโอเวนก็ไปที่บริษัททองกิมเฮง ขอเข้าพบเจ้าของบริษัทแต่เช้า

กรกนกก็รีบแจ้งเจ้านายทันที “บอสคะ มิสเตอร์คล๊อบมาขอพบค่ะ”

“ใครหรา? อานก ชื่อไม่คุ้นเลย” วัชระมองหน้าเลขาสาว

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เขาบอกว่าเขานำเช็คเงินสดมาให้บอสค่ะ” กรกนกบอก

พอได้ยินเรื่องเงิน วัชระก็ตื่นตัวทันที “เอาๆๆ ให้เข้ามาได้”

“ค่ะบอส” กรกนกรีบเดินไปบอกแขกรูปหล่อ “เชิญค่ะมิสเตอร์คล๊อบ”

“ขอบคุณครับ” โอเวนยิ้มให้เลขาสาวแล้วก็เดินผ่านเธอเข้าห้องไป

“สวัสดีครับ” เขาทักทายตามมารยาท “ผมโอเวน คร๊อบ จากแจ็คสันคอเปอร์เรชั่น”

“สวัสดีครับ” วัชระทักทายตามมารยาท แล้วก็รีบพูดกับเลขาว่า “อานก ลื้อแปลซิ”

กรกนกพยักหน้า “ค่ะบอส เขาบอกว่าเขาชื่อโอเวน คร๊อบค่ะ มาจากแจ็คสันคอเปอร์เรชั่นค่ะ”

“แล้วอีมาทำไมเหรออานก?” วัชระถามเลขา

กรกนกหันไปถามแขก

โอเวนตอบ แล้วกรกนกก็แปลให้ฟังว่า “เขาบอกว่าเจ้านายของเขาต้องการให้บอสถอนแจ้งความน้องเมในข้อหาขโมยของๆ บริษัทน่ะค่ะ แลกกับเช็คเงินสดสามแสนห้าหมื่นดอลล่าร์ค่ะ”

“อ่อๆ งั้นนั่งก่อนๆ” วัชระผายมือเชิญ

“เชิญนั่งก่อนค่ะ” กรกนกแปลให้ฟังพร้อมกับผายมือไปที่เก้าอี้

โอเวนนั่งลงหยิบเช็คเงินสดออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าวัชระ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!