Chapter 5 ผมชื่อมาร์ค
มาริสากอดลูกไว้ “ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวก็หางานใหม่ได้ลูก”
เมษาซบบ่าแม่ร้องไห้ จนเวลาผ่านไปสิบนาทีน้ำตาก็ค่อยๆ หยุดไหล เธอดันตัวออก
มาริสาลูบหัวลูกยิ้มปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะลูก”
เธอมองนาฬิกา “จะเที่ยงแล้วกินอะไรรึยังลูก?”
เมษาส่ายหน้า
“งั้นสั่งพิซซ่ามากินไหมลูก?”
เมษาพยักหน้า
มาริสายิ้มแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาโทรสั่งพิซซ่า
เมษาลุกไปล้างหน้า พยายามทำใจให้เข้มแข็ง ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงมาก
พอพิซซ่าจากร้านหน้าปากซอยมาส่งสองแม่ลูกก็นั่งกินพิซซ่าด้วยกัน จากนั้นมาริสาก็ขี่มอเตอร์ไซด์กลับไปทำงาน ส่วนเมษาก็อยู่บ้านหยิบหนังสือมาอ่านให้สมองไม่ต้องว่างคิดเรื่องราวแย่ๆ ให้จิตหดหู่
ณ ร้านอาหารหรู ภายในโรงแรม มาร์คัสนั่งทานอาหารกลางวันกับลูกน้อง
“โอเวน จัดการซื้อคอนโดให้ฉันด้วย ฉันคงจะอยู่ที่นี่อีกนาน” เขาสั่งลูกน้อง
“ได้” โอเวนรับคำสั่ง
“ทำไมบอสต้องอยู่ที่นี่อีกนานคะ? งานที่นู้นก็มีตั้งเยอะแยะ” แอนนาถามอย่างสงสัย
มาร์คัสหันไปมองลูกน้อง “ทำตามที่ผมสั่งก็พอ ไม่ต้องพูดมากถามมากถ้ายังอยากจะทำงานด้วยกัน”
“ค่ะบอส” แอนนารีบพยักหน้า แล้วก็ก้มหน้าทานอาหารไปอย่างเงียบๆ
“โอเวน นายจะทำยังไงก็ได้ฉันต้องการให้เธอมาเป็นเลขาของฉัน” มาร์คัสสั่งเสียงเรียบ
โอเวนงง “เธอ?…”
เขายังถามไม่ทันจบมาร์คัสก็บอกว่า “มิสบุญรักษ์”
“อ่อ” โอเวนรีบพยักหน้าเข้าใจ ในใจก็คิดว่า นายคิดจะทำอะไร?
พอทานอาหารเสร็จแล้วมาร์คัสก็ลุกไป
“บอสคะ ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมบอสต้องให้เธอมาเป็นเลขาด้วย หรือว่าเราสองคนทำงานห่วยขนาดบอสต้องหาเลขาใหม่เลยเหรอคะ?”
“เรื่องของเจ้านาย คุณทำตามคำสั่งก็พอ อย่ามีคำถาม อย่าพูดมากถ้าคิดจะทำงานร่วมกับมาร์คัส แจ็คสัน” โอเวนเตือน
“ค่ะบอส” แอนนาพยักหน้ารับรู้
“ส่วนเรื่องเลขา คุณโพสประกาศรับสมัครงานลงเว็บหางานได้เลย เธอตกงาน เธอต้องหางานใหม่แน่ แล้วเมื่อเธอติดต่อมาคุณก็จัดการนัดเธอมาสัมภาษณ์งานได้เลย คุณรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง อย่าให้พลาดเด็ดขาด” โอเวนสั่งลูกน้อง
“ค่ะบอส” แอนนาพยักหน้า
พอทานอาหารเสร็จทั้งสองก็รีบไปจัดการงานตามคำสั่งเจ้านาย
เมษานั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีสมาธิจะอ่านเพราะใจคิดวนเวียนแต่เรื่องที่เกิดขึ้น อยากรู้นักว่าใครกันที่เป็นขโมย เธอจึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อนร่วมงาน
“ว่าไงเม” อิงฟ้ารีบรับสายทันทีที่เห็นเบอร์เพื่อน
“ฟ้า ฉันโดนไล่ออกแล้วล่ะ” เมษาบอก
“ห๊า” อิงฟ้าตกใจเสียงดังจนเพื่อนร่วมงานหันมามองเป็นตาเดียว “เอ่อ ขอโทษๆ”
เธอรีบลุกออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงทันที “แกเล่ามาเลยนะเม มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าแกจะเป็นขโมยอย่างที่เขาพูดกัน นี่ฉันก็โดนตำรวจสอบยิบเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบ้านฉันรวย อีตาผู้กองงี่เง่านั่นคงเหมารวมว่าฉันร่วมมือกะแกขโมยของไปแน่ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหอีตาตำรวจงี่เง่านั้นชะมัด หนอย…มาดูถูกฉันว่าทำงานได้เงินเดือนแค่นี้แต่มีปัญญาซื้อนาฬิกาแพงๆ เสื้อผ้าหรูๆ ใส่ด้วยเหรอ น่าตบชะมัดเลยอ่ะ นี่ฉันกะว่าเดี๋ยวเย็นนี้เลิกงานแล้วจะไปหาแกที่บ้านอยู่เชียว ขอโทษนะที่เมื่อวานไม่รู้เลยว่าแกโดนจับ ถ้ารู้ฉันคงรีบไปหาแกตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า ขอบใจนะ” เมษาซึ้งน้ำใจเพื่อน “คือฉันอยากให้แกช่วยก็อปคลิปกล้องวงจรปิดในออฟฟิตมาให้หน่อยนะ ฉันว่าต้องเป็นคนในออฟฟิตนั่นแหละ”
“ฉันก็คิดเหมือนแก เท่าที่ฟังจากตำรวจว่านะ ไม่มีร่องรอยงัดแงะ ใช้คีย์การ์ดของแกเปิดประตูเข้าไปขโมยอย่างเนียนๆ เลย แถมยังมีคีย์การ์ดเข้าฝ่ายผลิตอีก ต้องคนในชัวร์ๆ นี่ฉันก็พยายามจับตาดูคนในออฟฟิตอยู่ แต่ก็ไม่เห็นใครจะมีพิรุธเลย ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันหาทางก๊อปให้แล้วเอาไปให้แกเย็นนี้นะ เออนี่ แค่นี้ก่อนนะโดนเรียกแล้วล่ะ”
“ขอบใจนะ” เมษาบอกแล้วก็ตัดสายไป
อิงฟ้ารีบเดินเข้าไปข้างในเพราะถูกเพื่อนร่วมงานเดินมากวักมือเรียก
หลังจากคุยกับเพื่อนแล้วเมษาก็เปิดโน๊ตบุ๊คเปิดเว็บรับสมัครงานมองหางานใหม่ เธอจดงานที่น่าสนใจเอาไว้แล้วก็ส่งเรซูเม่ไปตามอีเมลที่แจ้งไว้แต่ละงาน เธอนั่งดูเว็บหางานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหกโมงกว่า เสียงมอเตอร์ไซด์ที่คุ้นเคยก็มาจอดหน้าบ้าน เธอหันไปมองหน้าต่าง “แม่กลับมาแล้ว”
เธอลุกไปเปิดประตูให้ “เย็นนี้แม่อยากกินอะไรคะ?”
“แค่ข้าวกับต้มจืดก็พอลูก แล้วแองจี้ล่ะอยากกินอะไรลูก?” มาริสาขี่รถเข้าไปจอดในบ้านแล้วก็เดินเข้าบ้านไป
เมษาปิดประตูแล้วก็เดินตามไป “เดี๋ยวตอนเย็นฟ้าจะมาหาค่ะแม่ แองจี้กะว่าจะทำยำส้มโอค่ะ” เธอบอกแล้วก็เดินเข้าครัวไป
มาริสามองลูกสาวแล้วก็เดินขึ้นข้างบนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ลงไปข้างล่างหยิบโทรศัพท์มานั่งอ่านข่าว
เมษาทำกับข้าวเสร็จแล้วก็เรียกแม่ “แม่ขา กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ แม่ทานก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวแองจี้รอฟ้าก่อน”
“ขอบใจจ้ะลูก” มาริสาลุกไปทานข้าว ส่วนเมษาก็เดินไปนั่งที่โซฟา หยิบโทรศัพท์มาเล่นเกมส์
พอมาริสาทานข้าวเสร็จก็เก็บจานล้างให้เรียบร้อย “แองจี้ แม่ขึ้นไปทำงานก่อนนะ ถ้าหนูมีอะไรก็ขึ้นไปหาแม่ได้เลย”
“ค่ะแม่” เมษาพยักหน้ารับ
มาริสามองลูกอย่างเป็นห่วงแล้วก็เดินขึ้นห้องนอนไป
ทุ่มกว่าๆ เสียงกริ่งดังขึ้น เมษาชะเง้อดูเห็นเพื่อนยืนอยู่หน้าบ้านก็รีบเดินไปเปิดประตูให้ “ไปๆ เข้าบ้านเร็ว ข้างนอกยุงเยอะ”
“รถโคตรติดเลยว่ะ” อิงฟ้าบ่น
“มันก็ติดของมันทุกวัน ยังจะบ่นอีกนะแกนี่” เมษาปิดประตูรั้วแล้วก็เดินตามเพื่อนเข้าไปในบ้าน
“คุณแม่ล่ะ?” อิงฟ้ามองหา
“อยู่ข้างบน ทำงานอยู่” เมษาบอก เดินไปรินน้ำมาให้เพื่อนแล้วก็ลงมือคลุกยำส้มโอ
อิงฟ้าวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินไปดูเพื่อนในครัว “ทำยำส้มโอเหรอ กำลังอยากกินอยู่เลย ลาภปากฉันล่ะ”
“ก็รู้ว่าอยากกินถึงได้ทำให้ไง” เมษาหันไปยิ้มให้ ตักยำใส่จาน
“ที่ออฟฟิตเม้าเรื่องแกทั้งวันเลย” อิงฟ้าเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว
“แหงดิ ฉันกลายเป็นขโมยในสายตาคนอื่นไปแล้ว” เมษาหน้าเศร้า ยกจานไปวางบนโต๊ะแล้วก็หยิบจานกับช้อนส้อมให้เพื่อน “วันนี้บอสเล็กกับพี่ซินก็เอาใบลาออกมาให้ฉันเซ็นถึงที่บ้าน”
“อืม รู้แล้วล่ะ ได้ยินพี่ซินเม้ากับพี่นก” อิงฟ้าพยักหน้าเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะแก เก่งๆ อย่างแกเดี๋ยวก็หางานใหม่ได้ แต่ถ้าแกเบื่อกรุงเทพฯ อยากไปทำงานต่างจังหวัดก็บอกฉันได้นะ โรงแรมที่บ้านฉันมีตำแหน่งว่างให้แกอยู่แล้ว”
“เออ ขอบใจ แต่ยังไม่คิดจะไปหรอก ทำงานที่เชียงใหม่บ้านแกก็น่าสนแต่มันไกลจากแม่ฉันอ่ะดิ” เมษาตักยำส้มโอให้เพื่อน “เอ้า ทานซะก่อน จะเอาไรเพิ่มไหมล่ะจะทำให้”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ แค่นี้ก็พอ” อิงฟ้าบอกแล้วก็ตักยำเข้าปาก “เออ คลิปอยู่ในแฟลชไดร์ฟ แกเอาไปก็อปดูซิ”
เมษารีบลุกไปเปิดกระเป๋าเพื่อนหยิบแฟลชไดร์ฟมาโหลดลงคอม เธอเปิดดูคลิปทันที
อิงฟ้าถือจานมายืนตักทานอยู่ข้างหลัง “แอบให้พี่นกก็อปให้เชียวนะแก”
“เออ ขอบใจ” เมษาบอกโดยไม่ละสายตาจากจอคอม
ทั้งสองจ้องจอตาไม่กระพริบ จนกระทั่ง…
“นั่นไงๆ” อิงฟ้ารีบชี้ในภาพ
“อืม เห็นแล้ว” เมษาบอกจ้องภาพขโมยเขม็ง
“โหย มันใส่ปิดมิดชิดซะขนาดนี้แล้วจะรู้ได้ไงล่ะว่าเป็นใคร?” อิงฟ้าบ่นอย่างไม่สบอารมณ์
ทั้งสองนั่งดูจนกระทั่งขโมยกลับออกมาจากห้อง
“หมดหนทางแล้วล่ะแกที่จะหาตัวว่าใครเป็นขโมย แม้แต่ลูกตาก็ไม่เห็น เห็นแต่ตัวมืดๆ ใส่ถุงมืออย่างนี้ต่อให้ระดับ FBI. ก็ใบ้กินเหมือนกันแหละแก” อิงฟ้าเดินไปนั่งที่โซฟา
“แล้วอย่างนี้ฉันก็ต้องถูกหาว่าเป็นขโมยต่อไปน่ะซิ” เมษานั่งกลุ้ม ปิดคอมอย่างเครียดจัด
“แกไม่ได้ทำฉันรู้ดี ไม่เป็นไรนะแก” อิงฟ้าปลอบใจ เห็นเพื่อนกลุ้มแล้วก็กลุ้มตาม เธอพยายามคิดหาวิธีปลอบใจเพื่อนให้หายกลุ้ม “เออนี่ ไปเที่ยวกับฉันดีกว่า คืนนี้ฉันนัดไอ้พวกนั้นเอาไว้ แกออกไปจอยกะฉันดีกว่านะ”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากเจอใคร” เมษาปฏิเสธ
“น่า ไปเถอะ ยิ่งอยู่บ้านแกก็ยิ่งเครียด ออกไปเปิดหูเปิดตากับฉันดีกว่าน่า” อิงฟ้าคะยั้นคะยอ “กลับไม่ดึกหรอก นะๆๆๆๆ”
เมษามองอย่างลังเล “ไปก็ได้”
“ดีมาก งั้นแกรีบขึ้นไปแต่งตัวเลย” อิงฟ้าบอก
เมษาลุกขึ้นเดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็เดินไปเคาะประตูห้องแม่
“เชิญจ้ะ” เสียงแม่บอก เธอก็เปิดประตูเข้าไป “แม่ขา แองจี้ไปเที่ยวกับฟ้านะคะ กลับดึกหน่อยแม่ไม่ต้องคอยนะคะ”
“ไปเถอะลูก” มาริสายิ้มให้
เมษาเข้าไปกอดแล้วก็หอมแก้มอย่างเคยชิน “แม่ก็อย่านอนดึกนะคะ”
“จ้ะ” มาริสาพยักหน้า
เมษายิ้ม เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้ด้วย
อิงฟ้ามองเพื่อนเดินลงบันไดมา แล้วก็ยิ้ม
“ไป” เธอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเปิดประตูเดินออกไป
เมษาพยักหน้ารับ จัดแจงปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย
สองสาวเดินออกไปโบกรถแท็กซี่หน้าปากซอย จากนั้นก็สั่งแท็กซี่ไปส่งห้างใกล้ๆ กับผับที่นัดเพื่อนเอาไว้
วันนี้อิงฟ้าไม่ได้ขับรถมาเพราะเอารถไปเข้าศูนย์ฯ
พอถึงห้าง ทั้งสองก็พากันลงไปเดินช็อปปิ้ง ซึ่งทั้งสองก็เพียงแค่เดินดูเท่านั้นไม่คิดจะซื้ออะไร
ด้านนักสืบก็คอยส่งไลน์รายงานความเคลื่อนไหวให้นายจ้างรับรู้ตลอด
จนกระทั่งใกล้เวลาปิดห้างทั้งสองก็เดินไปที่ผับ
ภายในผับยังไม่ค่อยมีลูกค้ามากนักเพราะยังไม่ดึกมาก ทั้งสองได้โต๊ะแล้วก็สั่งเครื่องดื่มกับอาหารมา
นักสืบส่งไลน์ไปรายงานนายจ้าง
เสียงไลน์ดังขึ้น โอเวนเปิดดูแล้วก็รายงานเจ้านายว่า “มิสบุญรักษ์ออกไปเที่ยวผับกับเพื่อน”
มาร์คัสเงยหน้าจากโน๊ตบุ๊คมองหน้าลูกน้อง แล้วก็ครุ่นคิด “ที่ไหน?”
โอเวนบอกสถานที่ “ที่………”
มาร์คัสกดปิดโน๊ตบุ๊คแล้วก็เดินไปส่องกระจกในห้องน้ำ ซึ่งตัวเขาสวมกางเกงสแลคแบรนด์ดังกับเชิ๊ตแขนยาว มองดูเงาตัวเองในกระจกแล้วก็จัดแจงพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก จากนั้นก็เดินออกไป “โทรบอกโรเจอร์ ฉันจะไปที่ผับนั่น”
“โอเค” โอเวนรีบโทรหาโรเจอร์ “โรเจอร์ บอสจะออกไปข้างนอก”
“โอเค” โรเจอร์รับคำแล้วก็ตัดสาย
มาร์คัสเดินนำหน้าไป โอเวนรีบตามไป
เมื่อถึงผับ ทั้งสองก็ลงจากรถ มาร์คัสเดินเข้าไปในผับ โอเวนตามไปติดๆ
สาวๆ ในผับมองสองหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่พยายามอ่อยเต็มที่
โอเวนมองหาเป้าหมาย เมื่อพบก็กระซิบกับเจ้านายว่า “เธออยู่นั่น”
มาร์คัสมองตามแล้วก็บอกว่า “ฉันต้องการนั่งโต๊ะติดกับเธอ”
โอเวนพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวฉันจัดการให้”
แล้วเขาก็เดินเข้าไปคุยกับกลุ่มวัยรุ่นสาวที่นั่งโต๊ะนั้น เพียงครู่เดียวสาวๆ กลุ่มนั้นก็ลุกออกจากโต๊ะไป
มาร์คัสเห็นลูกน้องจัดการเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ
อิงฟ้ากำลังคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เมษาก็ร่วมคุยบ้าง แต่ส่วนมากเธอจะฟังคนอื่นพูดมากกว่า มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาชวนกลุ่มของอิงฟ้าออกไปเต้นด้วย แต่สาวๆ กลุ่มนี้ก็เล่นตัวเพราะยังไม่เจอหนุ่มถูกใจ
โอเวนสั่งเครื่องดื่มและอาหารมา มาร์คัสดื่มไปพร้อมกับมองเป้าหมายตลอด เขายิ้มให้สาวๆ กลุ่มนั้น
“แกดูหรั่งโต๊ะข้างๆ ดิ หล่อม๊าก” สาวๆ แอบกระซิบกันส่งสายตาให้หนุ่มหล่อ
“น่าล็อคตัวทำพ่อพันธุ์ชะมัด”
เมษารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองตลอดเวลา เธอมองเขาเหมือนถูกดึงดูดจนไม่อาจจะละสายตาได้
“เฮ้ยฟ้า ฉันว่าหรั่งนั้นปิ๊งไอ้เมอ่ะ ดูดิ เขามองมันตลอดเลยอ่ะ”
“เออ เห็นแล้ว” อิงฟ้ากระซิบตอบแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร “แล้ววันหยุดยาวครั้งหน้าไปเที่ยวไหนกันดีล่ะ? หยุดตั้งสี่วัน ไปเขาใหญ่กันดีป่ะ?”
“ฉันว่าไปเชียงใหม่บ้านแกดีกว่า ที่พักฟรีอาหารฟรีจ่ายแต่ค่าตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว นะๆๆๆๆ”
“ไม่ค่อยมีตังอ่ะดิ” อิงฟ้าดักคอ
“ใช่เลยแก”
“ก็ได้ งั้นฉันจะได้บอกป๊ากะม๊าให้บุ๊คห้องไว้ให้พวกแก แล้วเมล่ะไปป่ะ?” อิงฟ้าหันไปถามเพื่อน แต่เมษาไม่ได้ฟัง จนคนถามต้องสะกิด “เมๆ”
เมษาละสายตาจากหนุ่มฝรั่งหันไปมองเพื่อน “อะไรเหรอ?”
“หลงเสน่ห์ของนอกเหรอแก?” อิงฟ้าแซว
“เปล่าซะหน่อย” เมษาปฏิเสธ ยกแก้วพั้นซ์ขึ้นจิบ
“เปล่าไรแก ก็เห็นจ้องตาไม่กระพริบเชียว” อิงฟ้าจ้องหน้าเพื่อน “แล้วเรื่องที่พวกเราจะไปเที่ยวบ้านฉันวันหยุดครั้งหน้าเนี่ยแกจะไปด้วยป่ะ? ไปด้วยกันนะๆๆๆๆ”
“ก็ได้ ไหนๆ ฉันก็ตกงานอยู่นี่น่า”
“ไม่เอา ไม่พูดเรื่องนี้อีก วันนี้ฉันพาแกมาปลดปล่อยเพราะงั้น ชน!” อิงฟ้าชนแก้วแล้วก็ยกขึ้นดื่มหมดแก้ว
เมษาก็ดื่มหมดแก้วเช่นกัน
มาร์คัสลุกไปหาสาวๆ พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ขอผมนั่งด้วยได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ” สาวสวยรีบบอกพร้อมกับขยับเก้าอี้เปิดช่องว่างให้
มาร์คัสลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ สาวคนนั้นแล้วก็โปรยยิ้มทั่วทั้งกลุ่ม “ผมชื่อมาร์ค แล้วพวกคุณชื่ออะไรครับ?”
สาวสวยรีบแนะนำตัว “ฉันชื่อแจน นี่อ๋อม แล้วก็แน็ท ส่วนนั่นชื่อฟ้าแล้วก็เมค่ะ”