Skip to content

เล่ห์ลีอา 10

Chapter 10 ต้อนรับแขกส่วนตัว

เสียงซุบซิบชื่นชมความงดงามของหญิงสาวจากเหล่าข้าราชบริพารที่ได้ยลโฉมดังแว่วถึงหูของเจ้าชายอิสมินที่กำลังลงจากรถ เขาเดินตามหลังพระบิดาและหญิงสาว ทิ้งระยะห่างนิดหน่อยเพื่อมองดูท่าทีของพระบิดาและหญิงสาวให้ชัดเจน

เหล่าราชองครักษ์เดินตามห่างๆ เพื่อถวายอารักขาองค์พระประมุขและองค์รัชทายาท

กษัตริย์อัมมานสนทนากับทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง แล้วแนะนำหญิงสาวข้างกายให้เป็นที่รู้จัก “ขอบใจทุกคนมากที่มาคอยต้อนรับ  นี่คือมิสลีอา มิยาโบวิทซ์เธอจะมาพักอยู่กับเราซักระยะนะ ช่วยกันดูแลเธออย่าให้บกพร่องล่ะ”

หญิงสาวยิ้มให้กับทุกคนและทักทายอย่างเป็นกันเอง “ลีอารู้สึกยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”

ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างยิ้มแย้มให้หญิงสาว

กษัตริย์อัมมานจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แล้วพาหญิงสาวไปด้านหลังของท้องพระโรง มีรถไฟฟ้าสีขาวคันใหญ่เหมือนกับรถที่ใช้ตามสนามกอล์ฟแต่คันใหญ่กว่าเพราะสั่งทำพิเศษให้มีที่นั่งกว้างขวางพร้อมพลขับจอดรออยู่ หญิงสาวนั่งข้างหลังถัดจากพลขับ กษัตริย์อัมมานนั่งข้างๆ หญิงสาว

เจ้าชายอิสมินรีบตามพระบิดาขึ้นไปนั่งบนรถด้านหลังหญิงสาว ทำให้กษัตริย์อัมมานหันไปถามพระโอรสอย่างแปลกใจ “อ้าว…พ่อคิดว่าเจ้าจะไปที่วังอัลบายาซะอีก?”

“ฮึ! เสด็จพ่อทรงไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคอล่ะซิครับ ถ้างั้นลูกกลับวังของลูกก็ได้ครับ” เจ้าชายอิสมินตัดพ้อพร้อมกับจะก้าวลงจากรถ กษัตริย์อัมมานต้องรีบดึงแขนของพระโอรสเอาไว้ “เฮ้ย…พ่อไม่ได้ว่าอย่างงั้นซะหน่อย ก็เห็นทุกทีเจ้าก็ไปที่วังอัลบายาไม่เห็นจะเคยมาอยู่ที่นี่เลย พ่อก็แค่แปลกใจเท่านั้นเอง”

“ฮึ!” เจ้าชายอิสมินค้อนให้พระบิดาวงใหญ่ ๆ พร้อมกับนั่งตามเดิม ทำให้หญิงสาวต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่แต่ก็ยังมีเสียงหลุดรอดถึงหูเจ้าชายหนุ่ม ทำให้เขาหันไปขึงตาใส่เจ้าหล่อนดุดันจนได้ยินพระบิดาถามกระเซ้าเย้าแหย่ว่า “แล้ววันนี้เจ้าอยู่ที่นี่ไม่กลัวพวกนางสนมที่วังเหงารึไง?”

“ช่างพวกนาง”

“พวกนางสนมของเจ้าจะเหงาพ่อไม่กลัวหรอกนะ พ่อกลัวว่าเจ้าจะเหงาแล้วเที่ยวมาคว้านางกำนัลในวังพ่อไปกกไปกอดต่างหากล่ะ  ฮ่าๆๆๆๆ” กษัตริย์อัมมานกระเซ้าเย้าแหย่พระโอรสแล้วก็หัวเราะลั่นทำให้คนอื่นๆ พากันกลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์

“หึ!” เจ้าชายอิสมินสะบัดหน้าพรึ่ด

กษัตริย์อัมมานจึงสั่งให้พลขับออกรถหลังจากแหย่พระโอรสพอหอมปากหอมคอแล้ว “เอาล่ะไปได้แล้ว”

พลขับค่อยๆ ขับรถเคลื่อนไปตามถนนในอุทยานกลางซึ่งมีไม้ยืนต้นให้ความร่มรื่นมากมายมุ่งตรงไปยังวังซาลาฮาดีนขององค์พระประมุขผู้ปกครองประเทศ

วังซาลาฮาดีนเป็นอาคารเก่าแก่ก่อด้วยศิลาเหมือนกับทุกอาคารในบริเวณพระราชวัง เมื่อมาถึงแล้วกษัตริย์อัมมานก็สั่งให้นางกำนัลพาหญิงสาวไปพักผ่อนยังอาคารรับรองที่ได้เตรียมเอาไว้

เมื่อหญิงสาวเดินตามนางกำนัลไปแล้วจึงหันไปมองพระโอรสที่กำลังจะเสด็จไปยังห้องส่วนตัวซึ่งมักจะใช้เมื่อมาอยู่ที่พระราชวังเอจาอัลลา

“อิสมินเจ้าไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน แล้วตอนเย็นพ่อจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องงานอภิเษกของพ่อเอง เจ้าไม่ต้องใช้ซาอิดไปหาข่าวให้เหนื่อยหรอกนะ” กษัตริย์อัมมานบอกแล้วก็เสด็จไปยังห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขาเอง ซึ่งยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จค้างอยู่ ปล่อยให้พระโอรสหงุดหงิดใจต่อไป

หญิงสาวเดินตามนางกำนัลไปยังอาคารรับรองซึ่งอยู่ทางซ้ายของวังซาลาฮาดีน มองเห็นอุทยานกว้างด้านหลัง บริเวณโดยรอบอาคารรับรองปลูกต้นแก้วออกดอกขาวเต็มต้นส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ กระเป๋าเดินทางใบเล็กใบเดียวของหญิงสาวได้ถูกนำมาไว้และจัดเรียงสิ่งของในกระเป๋าเข้าตู้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล็บท็อปเครื่องเล็กจิ๋วของเธอถูกนำออกมาวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนกว้างใหญ่ นางกำนัลสองนางกำลังนำเสื้อผ้าของหญิงสาวซึ่งมีไม่กี่ชุดนำไปรีดให้เรียบร้อยแล้วแขวนใส่ตู้รวมกับเสื้อผ้าของหญิงสาวที่องค์พระประมุขมีคำสั่งให้จัดหาไว้ให้หญิงสาวในห้องแต่งตัวติดกับห้องน้ำ

นางกำนัลที่รออยู่ในอาคารรับรองอีกห้านางช่วยกันเตรียมอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้หญิงสาวตามคำสั่งของกษัตริย์อัมมานที่สั่งให้ดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดีโดยไม่ขาดตกบกพร่อง

“ไม่ต้อง! เราอาบเองได้ พวกเธอไม่ต้องมาช่วยเราหรอก” เสียงหญิงสาวดังลั่นเมื่อเหล่านางกำนัลช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจากกายของเธอ ใบหน้างดงามแดงก่ำสองมือก็คอยปัดมือของเหล่านางกำนัลอย่างเอียงอาย ไม่ยอมให้พวกนางช่วยถอดเสื้อผ้าให้

“ไม่ได้เจ้าค่ะ เป็นคำสั่งขององค์อัมมานให้พวกเราคอยดูแลรับใช้อย่าให้ขาดตกบกพร่อง หากมีสิ่งใดบกพร่องไปพวกเราจะถูกทำโทษเจ้าค่ะ” หนึ่งในเหล่านางกำนัลบอกกับหญิงสาวซึ่งกำลังพยายามปัดมือที่ช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจากกายของเธอ

“แต่ไม่ได้บอกให้มาช่วยกันอาบน้ำให้เรานะ!” หญิงสาวขัดขึ้นทันที ใบหน้างดงามแดงด้วยความเขินอาย ยกท่อนแขนปิดบังทรวงอกงามเอาไว้ ด้วยเสื้อผ้าและบราเซียถูกเหล่านางกำนัลถอดออกไปจนเหลือเพียงบิกินี่ลูกไม้ตัวจิ๋วสีเนื้อแนบกาย

“การดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องของพวกนางน่ะ รวมถึงการอาบน้ำและนวดด้วยน้ำมันหอมหลังอาบน้ำแล้วด้วย ปล่อยให้พวกนางทำให้เสร็จๆ ไปเถอะ แล้วก็เลิกเสียงดังโวยวายได้แล้ว ชั้นรำ…” เสียงห้าวกังวานจากเจ้าชายอิสมินบอกกับหญิงสาว ซึ่งขณะที่เขากำลังจะไปยังคอกม้าหลวงก็ได้ยินเสียงหวานใสดังลั่นออกมาจากอาคารรับรองของแขกส่วนตัวของพระบิดา จึงได้ไปมองดูที่มาของเสียง

เมื่อเขาผลักบานประตูไม้เข้าไปภายในห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวดังลั่นออกมาจากห้องนอน จึงเดินเข้าไปในห้องนอนแต่ก็ไม่พบเจ้าของเสียง เขาจึงไปยังห้องแต่งตัวที่ได้ยินเสียงนางกำนัลกำลังพูดกับแขกส่วนตัวของพระบิดาพร้อมกับตอบแทนเหล่านางกำนัล แต่ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเมื่อเดินไปถึงหน้าห้องแต่งตัวทำให้เขาต้องตาค้างทันควัน เมื่อเห็นหญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางเหล่านางกำนัล แขนข้างหนึ่งปิดทรวงอกงดงามเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งปัดมือเหล่านางกำนัลที่พยายามถอดบิกินี่ตัวจิ๋วอย่างไม่ยอมแพ้

“ว้าย! ออกไปนะ! อีตาเจ้าชายลามก!” เสียงหวานใสร้องดังลั่นยิ่งกว่าเดิม เมื่อหันไปตามเสียงห้าวกังวานที่ตอบแทนเหล่านางกำนัล  จึงเห็นเจ้าชายอิสมินยืนตาค้างอยู่หน้าห้องแต่งตัว

โคร้ม! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!…

“เฮ้ย!”

ข้าวของแตกกระจายเมื่อหญิงสาวใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ขว้างปาสรรพสิ่งที่หาได้จากในห้องแต่งตัวใส่เจ้าชายอิสมินที่รู้สึกตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงร้องต่อว่าของหญิงสาว เขาจึงกระโดดหลบสรรพสิ่งที่เธอขว้างใส่อย่างแม่นยำได้อย่างเฉียดฉิว แล้วรีบออกจากอาคารรับรองแทบไม่ทัน

“อ้า!” เหล่านางกำนัลซึ่งกำลังตกใจกับการปรากฏตัวของเจ้าชายอิสมิน ต่างรู้สึกตัวเมื่อเห็นหญิงสาวขว้างปาข้าวของใส่เจ้าชายหนุ่มจึงช่วยกันห้ามปรามเอาไว้ “คุณเจ้าขา หยุ้ด…หยุดเถอะเจ้าค่ะ!”

เมื่อเจ้าชายอิสมินเสด็จไปแล้ว หญิงสาวจึงหยุดปาข้าวของยืนหอบหายใจแฮ่กๆ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย “ปัดโธ่เอ้ย!…หลบไวชะมัดยาดเล้ย! คอยดูนะอีตาลามก ฉันจะให้นายชดใช้เป็นร้อยเท่าพันเท่าเล้ย!”

เหล่านางกำนัลรีบเก็บกวาดสรรพสิ่งที่แตกกระจายและจัดข้าวของเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย แล้วลงมือขัดสีฉวีวรรณให้หญิงสาวต่อ

ส่วนเจ้าชายอิสมินหลังจากหลบรอดสรรพสิ่งที่หญิงสาวขว้างปาใส่มาได้อย่างฉิวเฉียด เขาก็รีบออกจากอาคารรับรองของหญิงสาวทันทีพร้อมกับบ่นไปด้วยตลอดทางที่ไปยังคอกม้าหลวง “โธ่โว้ย! วันซวยอะไรของฉันกันนะ? คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจนึกว่ามีเรื่องอะไรถึงได้ร้องเอะอะขนาดนั้น ใครมันจะไปรู้ล่ะเฟ้ยว่ากำลังชีเปลือยอยู่ ดันปาของใส่ซะอีกดีนะว่าหลบทันไม่งั้นหัวแตกแน่ๆ เลย  ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้กริยามารยาทห่วยสิ้นดี! คอยดูนะฉันจะเอาคืนทบต้นทบดอกเล้ย!”

จนถึงคอกม้าหลวงเจ้าชายอิสมินก็ควบม้าคู่ใจออกวิ่งในสนามกว้างสำหรับซ้อมฝีเท้าม้าและอูฐที่อยู่ถัดจากอุทยานด้านหลังวังซาลาฮาดีนเพื่อให้ลืมภาพหญิงสาวที่มองเห็นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เขารู้สึกร้อนรุ่มในใจยิ่งนัก แม้จะผ่านศึกรักกับหญิงสาวสวยมามากมาย ก็ยังไม่มีหญิงคนใดทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มได้เท่ากับแขกส่วนตัวของพระบิดาเลยซักคน

เขาควบม้าวิ่งอยู่นานจนใจเย็นลงแล้วจึงชักม้าบ่ายหน้ากลับคอกม้าหลวง หยิบแครอทและอาหารให้ม้าคู่ใจเป็นรางวัลเสร็จแล้วจึงเสด็จกลับห้องส่วนตัวเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่พระบิดาจัดให้ ซึ่งเขารู้ว่าพระบิดาหาเหตุจัดงานให้เหล่าข้าราชบริพารได้สนุกสนานรื่นเริงกันต่างหาก

ณ ท้องพระโรง กษัตริย์อัมมานสนทนากับเหล่าข้าราชบริพารที่มาร่วมงานเลี้ยงอย่างคับคั่ง เขาเดินสนทนาหยอกเย้ากระเซ้าเย้าแหย่ข้าราชบริพารอย่างเป็นกันเอง ส่วนเจ้าชายอิสมินก็กำลังสนทนาอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของข้าราชบริพารอย่างสนุกสนาน

จนกระทั่ง เสียงประกาศการมาถึงของแขกส่วนตัวของกษัตริย์อัมมานดังขึ้นทำให้ทุกคนในงานหันไปมองผู้มาใหม่กันเป็นแถว แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงในความงดงามของหญิงสาวดั่งต้องมนต์สะกดกันถ้วนหน้า “อา…”

ยกเว้นก็แต่กษัตริย์อัมมานซึ่งเห็นเจ้าหล่อนจนชินตาซะแล้ว จึงไม่ได้ตะลึงในความงดงามของหลานสาวคนสวยเลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวสวมชุดราตรียาวสีน้ำเงินเข้มตัวเสื้อด้านหลังเว้าลงไปเกือบถึงช่วงเอวอวดแผ่นหลังเนียนสวยอันเป็นชุดที่นางกำนัลเลือกให้แต่งตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ประดับประดาด้วยเครื่องประดับไพลินล้อมเพชรน้ำงามแวววาวระยิบระยับสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย  เรือนร่างบางค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาในงานอย่างสง่างาม เหลียวซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นกษัตริย์อัมมานยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารอาวุโส หญิงสาวจึงตรงไปทักทายว่าที่น้าเขยทันที

“ถวายบังคมเพคะ” หญิงสาวย่อตัวทำความเคารพแล้วประชิดกายว่าที่น้าเขยพร้อมกับกระซิบกระซาบต่อว่าต่อขานเบาๆ พอให้ได้ยินเพียงสองคน “ไหนว่างานเลี้ยงเล็กๆ ไงเพคะ? คนเยอะขนาดนี้ไม่เล็กแล้วนะเพคะ ลีอาโกรธแล้วด้วย!”

ใบหน้างดงามสะบัดพรึ่ด ค้อนให้กษัตริย์อัมมานทีหนึ่งแล้วเจ้าหล่อนก็ถอยห่างออกมานิดหนึ่ง กษัตริย์อัมมานจึงยิ้มให้คนหน้างอตรงหน้าพร้อมกับอธิบายให้เจ้าหล่อนฟัง “ก็นี่แหละงานเลี้ยงเล็กๆ แขกที่มามีแต่คนสนิททั้งนั้น”

หญิงสาวเลยค้อนให้อีกวงจนกษัตริย์อัมมานต้องรีบต่อรองกับคนเกลียดงานเลี้ยงซะก่อนที่แม่เจ้าประคุณจะแอบหนีหายไปดื้อๆ “เอาน่าๆ ไหนๆ ลีอาก็แต่งตัวสวยๆ มาแล้ว อยู่ร่วมงานเลี้ยงจนเปิดฟลอร์เต้นรำกับฉันก่อนนะ แล้วหลังจากนั้นลีอาจะไปไหนก็ไปเถอะ ตกลงนะ”

“ก็ได้เพคะ อยู่ถึงแค่เปิดฟลอร์เท่านั้นนะเพคะ”

เมื่อได้ยินหญิงสาวตกปากรับคำ กษัตริย์อัมมานก็หยิกแก้มนุ่มเบาๆ “จ้า…แม่หลานสาวตัวแสบ”

เจ้าชายอิสมินเห็นพระบิดาหยอกล้อกับหญิงสาวก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจแขกส่วนตัวของพระบิดามากขึ้นไปอีก ยิ่งเห็นพระบิดาแนะนำตัวหญิงสาวกับบรรดาข้าราชบริพารแถมยังคอยเอาอกเอาใจเจ้าหล่อนก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจมากยิ่งขึ้น แต่เพราะอยู่ต่อหน้าข้าราชบริพารจึงพยายามระงับอารมณ์เอาไว้

จนกระทั่งเสียงเพลงในงานเปลี่ยนเป็นเพลงเต้นรำ กษัตริย์อัมมานจึงโค้งเชิญหญิงสาวไปเต้นรำเปิดฟลอร์ ก็ยิ่งทำให้เจ้าชายอิสมินหงุดหงิดยิ่งนัก เมื่อพระบิดาเต้นไปครบรอบ เขาจึงคว้าแขนนางกำนัลสาวที่อยู่ใกล้ๆ ไปเต้นรำกับเขาด้วยทันที ทำให้นางกำนัลนางนั้นร้องบอกเจ้าชายหนุ่มเบาๆ “ว้าย! ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันเต้นรำไม่เป็นเพคะ”

“เต้นไม่เป็นก็มาเหอะน่า แค่ก้าวตามฉันให้ดีอย่าเหยียบเท้าฉันล่ะกัน!” เขาดุแถมด้วยสายตาดุดันทำให้นางกำนัลนางนั้นรีบสงบปากสงบคำก้าวเท้าตามเจ้าชายอิสมินอย่างเก้ๆ กังๆ จนเมื่อเต้นไปใกล้ๆ พระบิดาเจ้าชายหนุ่มก็ขอเปลี่ยนคู่เต้นกับพระบิดาทันที “เสด็จพ่อครับ ลูกขอเต้นรำกับมิสมิยาโบวิทซ์หน่อยครับ”

กษัตริย์อัมมานมองพระโอรสแล้วปฏิเสธทันควัน “เสียใจ เรื่องอะไรพ่อจะให้คาสโนว่าอย่างเจ้าเข้าใกล้ลีอาของพ่อล่ะ เมินซะเถอะ”

แล้วเขาก็พาหญิงสาวเต้นรำออกห่างพระโอรสทันที เจ้าชายอิสมินจึงได้แต่มองตามพระบิดาพร้อมกับเข่นเขี้ยวในใจ เชอะ! ‘ลีอาของพ่อ’ งั้นรึ เสด็จพ่อนะเสด็จพ่อ หลงหัวปลักหัวปำเลยล่ะซิ

เจ้าชายหนุ่มสะบัดหน้า เดินจากไปโดยไม่สนใจคู่เต้นรำแม้แต่น้อย ทิ้งให้คู่เต้นรำของตัวเองยืนเดียวดายอยู่กลางฟลอร์ คู่เต้นรำจำเป็นจึงรีบหลบออกจากฟลอร์ไปทันที

เมื่อจบเพลงเปิดฟลอร์แล้วหญิงสาวจึงย่อตัวถวายความเคารพก่อนจะเอ่ยลาว่าที่น้าเขย “เพลงจบแล้วเพคะ งั้นลีอาขอตัวก่อนนะเพคะ  กูดไนท์เพคะเสด็จลุง”

หญิงสาวเขย่งตัวหอมแก้มฟอดใหญ่ กษัตริย์อัมมานจึงลูบศีรษะสวยได้รูปเอ่ยตอบ “นอนหลับฝันดีนะจ๊ะหลานรัก แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาไปเที่ยวนะ กูดไนท์จ้ะ”

เขาประทับจุมพิตราตรีสวัสดิ์ลงบนหน้าผากเนียนทีหนึ่ง แล้วหญิงสาวก็ย่อตัวถวายความเคารพอ่อนช้อยอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากงานเลี้ยง โดยมีสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่มาร่วมงานมองตามเจ้าหล่อนกันตาปรอย แต่ไม่มีใครหาญกล้าเข้าไปทำความรู้จักแขกส่วนตัวขององค์พระประมุขกันซักคน ใครจะกล้าล่ะก็องค์อัมมานเล่นคุมแจซะขนาดนั้น ขืนเจ๋อเข้าไปคุยกับเจ้าหล่อนมีหวังคงได้ถูกย้ายไปประจำอยู่แนวชายแดนแหงๆ

จากสายตาขององค์พระประมุขใครเห็นก็ดูออกว่าหวงหญิงสาวมากเพียงไร ชนิดผู้หญิงข้าใครอย่าแตะยังชิดซ้ายไปเลย แล้วใครจะกล้าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวกันล่ะ เหอๆๆๆ…

หญิงสาวเดินออกจากงานเลี้ยงเพียงลำพังไม่ได้เรียกนางกำนัลรับใช้เลยซักคน ปล่อยให้พวกนางสนุกสนานกับงานเลี้ยงอันแสนสนุกในความคิดของพวกนาง แต่สำหรับหญิงสาวแล้วเป็นงานที่น่าเบื่อที่สุด

ร่างบางในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มค่อยๆ เดินกลับอาคารรับรองไปตามทางเดินปูด้วยแผ่นหินผ่านพระราชอุทยานกลางเหลียวซ้ายแลขวาชื่นชมต้นไม้ใบหญ้าไปตลอดทาง เสียงเพลงจากงานเลี้ยงค่อยๆ หายไปทีละน้อยๆ ตามระยะทางที่เดินจากมาจนไม่ได้ยินเสียงเพลงแล้วเหลือเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมยามค่ำคืน หญิงสาวหยุดยืนแหงนหน้ามองดูดาวบนท้องฟ้าพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปทำท่าจะเก็บดาวระยิบระยับเอาไว้ในมือ

กลิ่นหอมของดอกไม้หอมโชยตามลม กรุ่นกลิ่นอยู่รอบๆ ตัว  หญิงสาวจึงเลิกมองดาวบนฟากฟ้าแล้วหันมามองหาที่มาของกลิ่นหอมที่รวยรินมาให้ชื่นใจ ท่ามกลางแสงไฟสลัวภายในอุทยานเธอก็เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นพุ่มหนาสูงราวสองเมตรออกดอกสีขาวเต็มต้นอันเป็นที่มาของกลิ่นหอมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นหน้าไปใกล้สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาวเต็มแรง

“หอมจัง ดอกอะไรเนี่ย?” มือน้อยๆ ไล้ไปตามใบยาวรีใหญ่และช่อดอกอันเต็มไปด้วยดอกสีขาวนวลเล็กๆ เต็มช่อ เธอสูดกลิ่นหอมของดอกไม้อีกครั้ง

“ดอกราตรี ยิ่งดึกก็ยิ่งหอม” เสียงห้าวที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจเล็กน้อย “อุ้ย!”

เมื่อหันกลับมามองคนพูด หญิงสาวก็เชิดหน้าใส่เดินหนีทันที “เชอะ!”

แต่ยังช้ากว่ามือใหญ่ที่ฉวยคว้าข้อมือเล็กๆ ได้ทัน “จะหนีไปไหนล่ะ?”

“ปล่อย!” เสียงหวานใสตวาดใส่เจ้าของมือใหญ่พร้อมกับบิดข้อมือตนเองออกจากมือคนหน้าบูด ยิ่งทำให้เจ้าชายอิสมินกำรอบข้อมือเล็กๆ แน่นขึ้นแล้วกระชากเข้าหาตัวเองรวดเร็ว

“ว๊าย! โอ้ย!” เรือนร่างบางถลาตามแรงกระชากปะทะกับอกกว้างล่ำสันอย่างไม่ทันตั้งตัว มืออีกข้างโอบรัดหญิงสาวเอาไว้ทันที เสียงหวานใสยิ่งตวาดใส่เสียงดังยิ่งกว่าเดิม “ปล่อนนะอิสมินหน้าบูด!”

“ชิ! กล้ามากนะที่เรียกฉันอย่างนี้น่ะ ฉันจะให้เธอชดใช้ให้สาสมเลยที่กล้าเรียกฉันอย่างนี้!” เสียงห้าวเอ่ยเข่นเขี้ยวพร้อมกับปากได้รูปแนบสนิทปิดปากหญิงสาวทันที

“อี้!” ใบหน้างดงามหันหนีทันควัน แต่ใบหน้าคมเข้มก็ตามติดอย่างไม่ลดละ ท่อนแขนแข็งแรงยิ่งรัดเรือนร่างบางแน่นขึ้น แถมมือใหญ่ยังจับท้ายทอยล็อคเอาไว้ไม่ให้เจ้าหล่อนหันหน้าหนีได้ ริมฝีปากบางแดงระเรื่อจึงเม้มสนิทไม่ยอมให้ถูกรุกราน สองมือน้อยๆ ทุบรัวใส่เจ้าชายหนุ่มไม่ยั้ง ตุบ! ตุบ! ตุบ!…

แต่เจ้าชายอิสมินหาได้สนใจไม่ ประทับริมฝีปากรูปกระจับบดขยี้บนเรียวปากนุ่มรุนแรงหวังจะให้เจ้าหล่อนยอมเปิดปากแต่เรียวปากนุ่มก็ยังเม้นแน่น มือใหญ่ที่รัดเรือนร่างบางจึงลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างจาบจ้วง

“อ่ะ!”

ทันทีที่หญิงสาวตกใจอ้าปากร้อง ลิ้นอุ่นร้อนที่รอจังหวะอยู่แล้วก็รุกรานไปทั่วปากนุ่มหอมหวาน พร้อมกับมือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนแทบทุกตารางนิ้ว ส่วนมืออีกข้างก็ละจากท้ายทอยลงไปคลึงเค้นสะโพกงามงอนอย่างเมามัน รสจุมพิตดุดันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเรียกร้องให้หญิงสาวตอบสนอง ทำให้อาการดิ้นหนีอย่างเอาเป็นเอาตายค่อยๆ สงบลง สองมือที่ทุบตีผลักใสเจ้าชายหนุ่มเป็นพัลวันก็ค่อยๆ หยุดลงตามไปด้วย

ปากบางแดงระเรื่อค่อยๆ ตอบสนองจุมพิตของเจ้าชายอิสมินอย่างไร้เดียงสาด้วยความเผลอไผลลืมตัวสร้างความพอใจให้เจ้าชายหนุ่มยิ่งนัก เขาเกี่ยวสายเสื้อชุดราตรีที่ร้อยด้วยไข่มุกออกเผยให้เห็นปทุมถันงามไร้ซึ่งบราเซียรัดรึง มือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนจากแผ่นหลังเนียนเข้าครอบครองปทุมถันงามทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกรู้สึกตัวทันที “อ่ะ!”

สองมือน้อยๆ จึงผลักเจ้าชายอิสมินเต็มแรงพร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ประเคนใส่ใบหน้าคมเข้มเต็มเหนี่ยวเสียงดังสนั่น พลั่ก!

“โอ้ยยยยย!!!!!” เขาเห็นดาวเห็นเดือนทันที ร่างกายล่ำสันค่อยๆ ทรุดลงไปนอนนับดาว วิ๊ง! วิ๊ง! วิ๊ง!…

เสียงหวานใสพยายามสรรหาคำด่ามาประเคนด่าเจ้าชายหนุ่มเป็นชุดเท่าที่จะนึกออก “คนบ้า! คนเฮงซวย! นายมันร้ายกาจที่สุดเล้ย อิสมินหน้าบูด!”

มือน้อยรีบรั้งสายเสื้อชุดราตรีขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทันทีไม่แม้จะหันกลับมามองคนนอนนับดาวแม้แต่น้อย ส่วนคนนอนนับดาวแม้จะเจ็บจนมึนไปครู่ใหญ่แต่ก็ยังยิ้มออกมาได้เมื่อนึกถึงสัมผัสนุ่มๆ ของเรือนร่างบางงดงาม กลิ่นหอมอ่อนหวานที่ยังติดจมูกและรสจุมพิตหวานละมุนที่ฉกฉวยจากเจ้าหล่อนยังติดตรึงใจจนยากที่จะลืมเลือนได้ “อือ…”

หญิงสาววิ่งหนีไปจนถึงอาคารรับรองแล้วปิดประตูล็อคแน่นหนา

“คนเฮงซวยเอ้ย!” มือเรียวนุ่มยกหลังมือเช็ดปากแรงๆ หวังจะให้ลืมรสจุมพิตอุกอาจของเจ้าชายอิสมิน แต่มันก็ยังติดแน่นอยู่ในความรู้สึกของเธอ ไออุ่นจากเรือนกายล่ำสันยังแผดเผาผิวเนื้อนุ่มให้รู้สึกร้อนวูบวาบไม่หาย ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเจ้าชายหนุ่มเป็นทวีคูณจนเผลอเตะตู้รองเท้าข้างประตูระบายอารมณ์เต็มแรง “อิสมินหน้าบูดเอ้ย! ปึง! โอ้ย! อูยยยยยย…”

ผลก็คือหญิงสาวต้องกุมเท้าตัวเองด้วยความเจ็บ เลยยิ่งอาฆาตแค้นเจ้าชายอิสมินมากขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!