Skip to content

เสนาบดีเจ้าจะหนีไปไหน 2

  • by

Chapter 2

เฉินมู่อิ๋งป่วย

“อ่อ บอกพวกเขาให้รอก่อน ข้ากำลังกินข้าวกับฮูหยินอยู่” เฉินจงกุ้ยบอก บ่าวจึงรับคำ “ขอรับ”

แล้วบ่าวก็ถอยออกไป เฉินจงกุ้ยจึงตักโจ๊กไปป้อนให้ฮูหยิน “เจ้ากินโจ๊กสักหน่อยนะ”

“เจ้าค่ะ” เฉินม่านอิ๋งพยักหน้า อ้าปากกินโจ๊ก นางไม่ค่อยชอบน้องสามีทั้งสองคนของสามี ดังนั้นนางจึงไม่ได้บอกให้สามีรีบไปพบน้องก่อนก็ได้ เฉินจงกุ้ยก็ไม่รีบไปพบน้องทั้งสอง เขาเห็นฮูหยินสำคัญกว่าน้องทั้งสองคน

เฉินไฮ่ผิงกับเฉินเหวินเคอนั่งรออยู่ในห้องโถงนานมาก รอจนเฉินไฮ่ผิงเริ่มหมดความอดทน “ข้าจะกลับแล้ว”

“พี่รอง รออีกหน่อยเถอะ” เฉินเหวินเคอประเหลาะพี่รอง ต้องให้พี่รองออกหน้าจัดการเจ้าเด็กนั่นก่อนซิ ถ้าหากถูกพี่ใหญ่จับได้ความผิดก็จะตกแก่พี่รอง เขาก็ทำไม่รู้เรื่องราวถอยออกไปชมดูอย่างไร้ความผิดใด หึๆๆๆ

“หึ! พี่ใหญ่เคยเห็นหัวข้าด้วยรึตั้งแต่แต่งนางแพศยานั่นเข้ามา” เฉินไฮ่ผิงสบถอย่างแค้นใจ เฉินเหวินเคอรีบประเหลาะ “พี่รองใจเย็นก่อนเถอะ เพื่อการนั้นพี่ก็อดทนอีกนิดเถอะนะ”

ประโยคหลังเขากระซิบเสียงเบาอย่างยิ่ง เฉินไฮ่ผิงนึกถึงแผนการแล้วก็ข่มใจให้อดทน เขานั่งลงยกเหล้าขึ้นจิบอย่างไม่พอใจ “หึ!”

บ่าวก็ลอบสังเกตท่าทีของทั้งสองอย่างละเอียดลออยิ่ง พวกเขาไม่ค่อยชอบน้องของนายท่านทั้งสองเลย คนทั้งสองล้วนไม่เห็นบ่าวเป็นคน พวกเขาเห็นบ่าวเป็นเพียงบ่าวไพร่ไร้ค่าที่จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้ ไม่เหมือนนายท่านที่เห็นบ่าวเป็นคน ให้ความยุติธรรมเท่าเทียมกัน หากไม่ทำผิดอะไรก็ไม่ต้องกลัวนายท่านจะดุด่าลงโทษ อีกทั้งอาหารการกินหรือก็สมบูรณ์ยิ่งกว่าจวนอื่นๆ บ้านอื่นๆ มากนัก พวกบ่าวจึงรักนายท่านราวกับชีวิตของพวกเขาเอง

จนกระทั่งบ่าวเห็นนายท่านเดินมา บ่าวคนหนึ่งก็รีบแอบไปกระซิบบอก “นายท่านขอรับ……..”

เฉินจงกุ้ยฟังบ่าวจนจบแล้วส่งสายตาให้บ่าว บ่าวก็ถอยไปอย่างนกรู้ เฉินจงกุ้ยเดินเข้าไปอย่างเฉยชา ทักทายว่า “น้องรอง น้องสาม มาหาข้าถึงจวนมีอะไรรึ?”

“ข้าได้ข่าวว่าพี่สะใภ้คลอดหลานแล้วจึงได้มาเยี่ยมขอรับ” เฉินเหวินเคอรีบพูดพลางส่งสายตาให้บ่าวคนสนิท บ่าวก็รีบยกของขวัญไปให้ เฉินจงกุ้ยมองหีบไม้ใบนั้น “นี่คืออะไรรึ?”

“นี่เป็นโสมพันปี บำรุงร่างกายดีนักขอรับ ข้าเอามาให้พี่สะใภ้ขอรับ” เฉินเหวินเคอรีบพูดพลางลุกไปเปิดกล่อง เฉินจงกุ้ยมองโสมพันปีต้นนั้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “น้องสามไม่ต้องเอาของมาให้ข้าก็ได้ แค่มีใจมาเยี่ยมเยือนข้าก็ดีใจแล้ว”

“พี่ใหญ่รับไว้เถอะ หากท่านไม่รับไว้ข้าคงเสียใจ” เฉินเหวินเคอคะยั้นคะยอ เฉินจงกุ้ยจึงรับเอาไว้ “ขอบใจเจ้ามาก”

บ่าวก็ส่งกล่องโสมให้บ่าวของจวน บ่าวรับกล่องมาแล้วยกไปเก็บ เฉินไฮ่ผิงส่งสายตาให้บ่าว บ่าวก็รีบเดินขึ้นหน้าไปพลางเปิดกล่องไม้ เฉินไฮ่ผิงรีบบอก “พี่ใหญ่นี่เป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอดของหมอหลวงเชียวนะขอรับ ข้านำมามอบให้พี่สะใภ้ขอรับ”

เฉินจงกุ้ยพยักหน้า “อ่อ ขอบใจเจ้ามาก”

บ่าวส่งกล่องไม้ให้บ่าวของจวน บ่าวก็รับกล่องไปเก็บ เฉินไฮ่ผิงรีบพูดต่อ “พี่ใหญ่ พวกเรามาเยี่ยมพี่สะใภ้ พวกเราอยากเห็นหลาน ขอพวกเราดูหลานสักหน่อยเถอะขอรับ หน้าตาคงน่ารักน่าเอ็นดู”

“ใช่ๆ พวกเราอยากเห็นหลานมากขอรับ ว่าแต่เป็นชายหรือหญิงขอรับ? ข้าว่าคงเป็นหลานชายแน่นอน” เฉินเหวินเคอรีบพูดอีกแรง

“เป็นชาย ข้าตั้งชื่อให้เขาว่า เฉินมู่อิ๋ง เอาล่ะพวกเจ้าอยากเห็นหลานก็ตามข้าไปเถอะ แต่อย่าได้อยู่นานนัก พี่สะใภ้เจ้ายังไม่แข็งแรงดี”

เฉินจงกุ้ยบอกแล้วเดินนำไป เฉินไฮ่ผิงกับเฉินเหวินเคอรีบเดินตามไป ทั้งสองมองกันไปมองกันมา เดินตามพี่ใหญ่เข้าไปด้านใน

เมื่อไปถึงเรือนนอน เฉินจงกุ้ยก็เดินนำเข้าไป เฉินไฮ่ผิงกับเฉินเหวินเคอรีบกุมมือให้พี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ ข้ามาเยี่ยม”

“พี่สะใภ้ ขอข้าดูหลานหน่อยเถอะขอรับ คงจะน่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว” เฉินไฮ่ผิงพูดอย่างประจบเอาใจ แต่ในใจนั้นอยากอาเจียนเพราะคำพูดของตัวเองยิ่งนัก หึ! น่ารักกับผีซิ

“พวกเจ้าอยากดูก็เข้ามาดูซิ เขาหลับอยู่” เฉินม่านอิ๋งบอกน้ำเสียงราบเรียบ เฉินไฮ่ผิงเดินเข้าไปดูหน้าตาหลานทันที เฉินเหวินเคอก็รีบตามไป พวกเขามองดูหลานชายตัวน้อยที่เป็นดั่งหอกข้างแคร่ ซ่อนแววตาจงเกลียดจงชังเอาไว้มิดชิด ยิ้มแย้มหน้าบานชมว่า “โอ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง”

“โอ น่ารักมาก โตขึ้นมาต้องหล่อเหมือนพี่ใหญ่แน่นอน” เฉินเหวินเคอพูดเยินยอ ยื่นมือไป “พี่สะใภ้ขอข้าอุ้มเขาหน่อยได้ไหมขอรับ?”

เขามองพี่สะใภ้อย่างอ้อนวอนราวกับคนเห่อหลาน เฉินไฮ่ผิงรีบเสริม “ใช่ๆ ขออุ้มนิดเดียวก็ยังดี หลานข้าน่าเอ็นดูเหลือเกิน น่าเอ็นดูยิ่งกว่าเจ้าใหญ่อีก”

เฉินม่านอิ๋งไม่อยากให้อุ้มแต่เห็นท่าทางพวกเขาเห่อหลานจริงๆ นางจึงพยักหน้า “ก็ได้ แต่ต้องระวังอย่าให้เขาตื่นล่ะ”

“อื้มๆ รับรองไม่ตื่นๆ ข้าเคยอุ้มเจ้าใหญ่เป็นประจำ รับรองว่ามือเบายิ่งกว่าแม่นมเสียอีก” เฉินไฮ่ผิงรีบพูด พลางยื่นมือไปอุ้มหลานมา ปากก็ชมว่า “โอ น่ารักเหลือเกิน โตขึ้นมาต้องหล่อกว่าเจ้าใหญ่แน่นอน แต่ดูเหมือนจะผอมกว่าเจ้าใหญ่ของข้าอยู่นา”

“ไหนๆ ขอข้าอุ้มหน่อย” เฉินเหวินเคอขยับไปหา เฉินไฮ่ผิงดุเสียงเบา “อย่าๆ เจ้าไม่เคยมีลูก ไม่เคยอุ้มเด็ก เจ้าไม่ต้องอุ้มหรอก ดูอย่างเดียวน่ะดีแล้ว”

“พี่รองน่ะ” เฉินเหวินเคอทำหน้างอน “ข้าไม่อุ้มก็ได้ ไหนๆ ดูซิ พี่รอง หลานคนนี้ข้าว่าน่ารักกว่าเจ้าใหญ่ของพี่อีกนา”

“อืม” เฉินไฮ่ผิงพยักหน้าเห็นด้วย เฉินเหวินเคอก็อาศัยจังหวะปลอดแอบป้อนยาพิษใส่ปากหลานทันที เมื่อป้อนยาเสร็จเขาก็ชมกลบเกลื่อน “ช่างน่ารักจนข้าอยากมีลูกเลย”

“เจ้าอยากมีลูกก็ต้องขยันทุกวันซิ” เฉินไฮ่ผิงพูดราวกับเป็นผู้ชำนาญการอย่างไรอย่างนั้น เฉินเหวินเคอบ่นกระปอดกระแปด “จะไปมีเวลาทุกวันได้อย่างไรเล่าพี่รอง งานข้าบางวันก็เยอะจนข้าต้องอยู่ค้างที่กองด้วยซ้ำ”

เฉินมู่อิ๋งค่อยๆ ตื่นขึ้นพร้อมกับเบะปากร้องไห้ “แว๊!—”

“โอ้ ตื่นแล้วๆ สงสัยจะหิวนมแล้วกระมัง” เฉินไฮ่ผิงรีบส่งหลานคืนให้พี่สะใภ้ทันที เฉินม่านอิ๋งรับลูกมา เฉินไฮ่ผิงรีบพูด “เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่อยู่รบกวนพี่สะใภ้แล้ว วันหน้าพวกข้าจะมาเยี่ยมใหม่นะขอรับ”

“อืม” เฉินม่านอิ๋งพยักหน้ารับทีหนึ่ง เฉินไฮ่ผิงก็จับมือน้องชายเดินออกไป เฉินจงกุ้ยเดินตามไปส่ง เมื่อน้องสามีไปแล้วเฉินม่านอิ๋งจึงป้อนนมให้ลูกกินทันที เฉินมู่อิ๋งดูดนมกินอย่างไร้เดียงสา ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอาทั้งสองวางยาพิษเสียแล้ว เฉินม่านอิ๋งก้มมองลูกอย่างรักใคร่ จนกระทั่งลูกกินอิ่มแล้วนางจึงอุ้มลูกพาดบ่า เฉินมู่อิ๋งเรอทีหนึ่ง “เอิ้ก”

แล้วก็หลับคาบ่าท่านแม่ เฉินม่านอิ๋งรอจนแน่ใจว่าลูกหลับไปแล้วจึงอุ้มลูกลงนอน สาวใช้ก็จัดแจงเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเต้านมฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ เช็ดก่อนเจ้าค่ะ”

“อืม” เฉินม่านอิ๋งมองดูสาวใช้ทำความสะอาดเสร็จแล้วนางปิดเสื้อแล้วก็นอนลงข้างๆ ลูก สาวใช้ถอยไปนั่งรอรับใช้ เฉินม่านอิ๋งก็หลับไปอย่างเพลียๆ สาวใช้คอยดูแลอยู่ข้างๆ

เฉินจงกุ้ยกลับเข้ามาในห้องอีกทีจึงเห็นว่าฮูหยินหลับไปแล้ว เขาจึงเดินไปนอนที่เตียงอีกหลังซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนฮูหยินจะคลอดแล้ว เตียงหลังเดิมนั้นใหญ่พอสำหรับคน 4 คน แต่เขากลัวว่าตัวเองจะนอนดิ้นจนเผลอไปทับลูก เขาจึงได้ให้บ่าวยกเตียงอีกหลังมาตั้งในห้อง

เฉินไฮ่ผิงกับเฉินเหวินเคอกลับไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง พิษนั้นออกฤทธิ์ช้าๆ ทั้งไร้สีไร้กลิ่น ยากที่หมอคนไหนจะตรวจพบ รออีกสักเดือนเจ้าเด็กหอกข้างแคร่นั่นก็จะตายไป หึๆๆๆ หากพี่สะใภ้ได้รับพิษตกตายไปด้วยก็ยิ่งดี ย่อมเท่ากับยิงธนูได้นกสองตัว แต่หากตายเฉพาะเด็กก็ไม่เป็นไร ไว้ค่อยหาโอกาสฆ่าพี่สะใภ้วันหน้าก็ได้

วันรุ่งขึ้น เฉินจงกุ้ยก็ไปทำงานตามปกติ เหล่าขุนนางที่รู้ข่าวก็พากันแสดงความยินดีด้วย “โอ ยินดีด้วยๆ ที่ท่านเสนาบดีเฉินได้ลูกชาย”

“โอ จัดฉลองเดือนเมื่อไหร่ ท่านอย่าลืมเชิญข้านะขอรับ”

“อา ท่านเสนาบดีเฉิน ข้าได้ข่าวว่าฮูหยินเฉินคลอดลูกแล้ว ยินดีด้วยๆ ขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูกขอรับ”

ฯลฯ ผู้คนพากันแสดงความยินดีกับเสนาบดีเฉินกันถ้วนหน้า แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามก็แสดงความยินดีด้วย “ท่านเสนาบดีเฉิน ได้ข่าวว่าฮูหยินท่านคลอดลูกแล้ว ข้าหวังว่าลูกท่านจะแข็งแรงนะ แต่เด็กเล็กๆ ต้องระวังให้มากเชียว เจ็บไข้ได้ป่วยนิดหน่อยก็จะตายเสียก่อน”

เฉินจงกุ้ยหน้าตึง เขาฟังคำกระทบกระเทียบนั้นออก เขาข่มใจเอาไว้ตอบอย่างนิ่มๆ ว่า “ขอบคุณท่านเสนาไฉ (财) ที่เป็นห่วง ลูกข้าย่อมแข็งแรงเติบโตสืบสกุลเฉินต่อไปอีกนานแสนนานแน่นอน”

ไฉฟู่ (财富) เสนาบดีฝ่ายขวาหน้ากระตุกสองที เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงทหารตะโกนว่า “ฮ่องเต้เสด็จ—”

ฮ่องเต้เสด็จมาถึงก็นั่งบนบัลลังก์มังกร เหล่าขุนนางก็คุกเข่าคารวะ “ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

“ลุกขึ้น” ฮ่องเต้สั่ง เหล่าขุนนางก็ลุกขึ้นยืน ฮ่องเต้มองเสนาบดีเฉินแล้วพูดว่า “ได้ข่าวว่าฮูหยินเฉินคลอดลูกแล้ว เป็นชายหรือหญิง?”

คำถามนี้ทำให้เหล่าขุนนางตื่นตัวทันที เพราะพวกเขาจำได้ว่าฮ่องเต้เคยพูดว่า ถ้าเสนาบดีเฉินมีลูกสาวจะให้แต่งกับองค์ชายเก้า พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าข่าวที่เสนาบดีเฉินได้ลูกชายเป็นความจริงกี่ส่วน ดังนั้นพวกเขาจึงหูผึ่งรอฟังกันเลยทีเดียว ชายหรือว่าหญิง?

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่ฝ่าบาททรงสนใจบุตรของกระหม่อม เป็นชายพะย่ะค่ะ บุตรของกระหม่อมเป็นชายพะย่ะค่ะ” เฉินจงกุ้ยตอบอย่างฉะฉาน ฮ่องเต้มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย พริบตาเดียวก็กลับคืนสู่ปกติ “เป็นชายก็ดี ข้าหวังว่าเขาจะเติบโตแข็งแรงและเฉลียวฉลาดเป็นกำลังให้บ้านเมืองอีกแรงหนึ่งในอนาคต”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตาบุตรกระหม่อม” เฉินจงกุ้ยคุกเข่าลงคารวะ 3 ครั้ง ฮ่องเต้โบกมือ เฉินจงกุ้ยจึงลุกขึ้นมายืน ฮ่องเต้เบนสายตาไปมองขุนนางคนอื่นๆ ถามว่า “ว่าแต่วันนี้มีอะไรที่ต้องรีบทำก็ว่ามา”

“มีเรื่อง………” รองแม่ทัพพูดขึ้นมา เหล่าขุนนางจึงตั้งใจทำงาน ฮ่องเต้ก็ฟังขุนนางรายงานเรื่องราวต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดฎีกาของวันนี้ฮ่องเต้จึงเสด็จกลับไป เหล่าขุนนางก็แยกย้ายกันไป บรรดาขุนนางฝ่ายเดียวกับเสนาบดีเฉินก็พากันล้อมหน้าล้อมหลังเสนาบดีเฉินพูดคุยแสดงความยินดีหน้าตายิ้มแย้มชื่นบาน

ไฉฟู่เดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็นับว่าดีที่เด็กนั่นเป็นชาย หากมันเป็นหญิงคงได้หมั้นหมายกับองค์ชายเก้าไปแล้ว องค์ชายเก้าเป็นน้องชายแม่เดียวกันกับองค์ชายใหญ่ ซึ่งก็คือฮองเฮาคนปัจจุบัน หากเสนาบดีเฉินได้เกี่ยวดองกับราชวงศ์ อำนาจของเสนาบดีเฉินย่อมมากขึ้นอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงย่อมไม่ส่งผลดีอะไรกับเขาเลย เด็กนั่นเป็นชายก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นหน่อย หึๆๆๆ

วันคืนผ่านไปอย่างสงบ เหล่าผู้คนที่มีสัมพันธ์อันดีกับเสนาบดีเฉินก็พากันส่งของขวัญไปแสดงความยินดีกับท่านเสนาบดีเฉิน จนล่วงเลยไปถึง 10 วัน จึงไม่ค่อยมีใครมาส่งของขวัญแล้ว หากมีมาย่อมมาจากต่างเมืองซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญ

พ่อบ้านเหลียงอี้ฟาน (梁懿帆) พ่อบ้านของจวนตระกูลเฉิน ก็จัดแจงคัดแยกและจดบันทึกของขวัญต่างๆ ที่ได้รับมาในช่วงนี้เอาไปเก็บรักษาไว้อย่างดี ส่วนของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นั้นถูกนำไปเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ก็ของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ต้องเก็บรักษาอย่างดี ไม่อาจสูญหายได้ หากทำหายไปอาจจะถูกคนยุแยงว่าหมิ่นพระเกียรติของฮ่องเต้เอาได้ หากฮ่องเต้เอาเรื่องเอาความผิดขึ้นมาผู้คนในจวนคงหัวหลุดจากบ่ากันหมดแน่

พ่อบ้านเหลียงคนนี้เฉินจงกุ้ยไว้ใจมากราวกับเป็นแขนขาของตัวเอง เขาเคยช่วยเหลือพ่อบ้านเหลียงไว้มาก พ่อบ้านเหลียงจึงจงรักภักดีต่อนายท่านยิ่งชีวิตเลยทีเดียว

วันคืนผ่านไปอีก 15 วัน เฉินมู่อิ๋งก็ร้องไห้โยเย ไม่ยอมกินนม เฉินม่านอิ๋งร้อนใจมาก นางให้บ่าวรีบไปตามท่านหมอติงมาทันที ติงเฟิ่งเหล่ยก็รีบไปดูอาการ เขาตรวจอยู่พักใหญ่แล้วบอกฮูหยินว่า “ตัวร้อนนิดหน่อย เลยทำให้งอแงขอรับ ข้าจะให้ยาลดไข้ ยาขมจนคุณชายน้อยอาจจะไม่ยอมกิน แต่ก็ต้องบังคับป้อนนะขอรับ”

“อ่อ ขอบคุณท่านมาก” เฉินม่านอิ๋งพยักหน้า ติงเฟิ่งเหล่ยก็รีบให้บ่าวเอายาไปต้ม “เจ้ารีบไปต้มยามาเร็ว ใช้น้ำ 1 ถ้วย ต้มไฟอ่อนๆ จนเหลือครึ่งถ้วย”

“ขอรับ” บ่าวของติงเฟิ่งเหล่ยรับเทียบยาไปแล้วเดินไปที่ห้องครัวทันที เขามาที่นี่กับนายท่านบ่อยๆ จนคุ้นเคยลู่ทางในจวนเป็นอย่างดี

“เชิญท่านหมอนั่งก่อนเถิด” เฉินม่านอิ๋งเชิญอย่างมีน้ำใจ ติงเฟิ่งเหล่ยพยักหน้า “ขอบคุณฮูหยินขอรับ”

“ข้าต้องขอบคุณท่านมากกว่าที่ท่านรีบมา” เฉินม่านอิ๋งพูดพลางรินน้ำชาให้ติงเฟิ่งเหล่ยด้วยตัวเอง ติงเฟิ่งเหล่ยซาบซึ้งใจมาก “ขอบคุณฮูหยินขอรับ”

เขาชื่นชมฮูหยินเฉินตรงที่นางเป็นคนมีน้ำใจอีกทั้งจิตใจดีงาม ถึงนางจะไม่ค่อยแข็งแรงแต่เป็นฮูหยินจวนเสนาบดีเฉินก็ไม่จำเป็นต้องสู้งานหนักนี่นา แค่นางคอยชี้นิ้วสั่งบ่าวไพร่ก็ได้แล้ว อีกทั้งนางยังมีความงามล่มเมือง ต่อให้นางจะใกล้ตายก็คงมีบุรุษนับร้อยพร้อมยอมรับใช้นางแน่นอน เขาชื่นชมจริงๆ ไม่ได้ชมชอบฉันชู้สาวแม้แต่น้อยนิด เขายกชาขึ้นจิบรอให้บ่าวต้มยามาให้

เฉินม่านอิ๋งก็ดูลูกอย่างร้อนใจ ลูกร้องไห้โยเยไม่ยอมกินนมกินน้ำ สามีก็ไปทำงานยังไม่กลับ นางจึงร้อนใจอยู่คนเดียว หากสามีอยู่ด้วยนางคงไม่ร้อนใจถึงเพียงนี้หรอก ติงเฟิ่งเหล่ยก็ปลอบใจว่า “ฮูหยินเฉิน เดี๋ยวยาก็มาแล้วขอรับ”

เฉินม่านอิ๋งมองติงเฟิ่งเหล่ยทีหนึ่งแล้วหันไปมองลูกอย่างร้อนใจ เฉินมู่อิ๋งร้องไห้โยเยตลอดเวลา ร้องมาได้สัก 2 ชั่วโมงแล้วร้องจนเสียงแหบแห้งก็ยังร้องไม่หยุด สะอึกสะอื้นจนผู้คนร้อนใจจะตายแล้ว

“ยามาแล้วขอรับ” บ่าวรีบถือยาไปให้เจ้านาย ติงเฟิ่งเหล่ยรับถ้วยยาไปตรวจดู เขาตักยาชิมก่อน ไม่พบอะไรผิดปกติจึงถือถ้วยยาไปหาคุณชายน้อย “ฮูหยินเฉินท่านช่วยจับคุณชายน้อยดีๆ นะขอรับ ข้าจะป้อนยาให้เขาเอง”

“ได้” เฉินม่านอิ๋งพยักหน้า จับลูกบีบปาก ติงเฟิ่งเหล่ยก็รีบป้อนยาไป 1 ช้อน เฉินมู่อิ๋งรู้สึกขมจึงบ้วนยาทิ้งทันที เฉินม่านอิ๋งดุลูก “บ้วนยาไม่ได้นะ เจ้าต้องกินจะได้หายไข้”

ติงเฟิ่งเหล่ยก็ป้อนยาอีก เฉินมู่อิ๋งก็บ้วนยาออกมา ยิ่งร้องไห้โยเยยิ่งกว่าเดิม เฉินม่านอิ๋งร้อนใจจะตายแล้ว “ท่านหมอ จะทำอย่างไรดี?”

“ต้องป้อนไปเรื่อยๆ ขอรับ บ้วนทิ้งก็ช่างขอรับ อย่างน้อยกินเข้าไปบ้างก็ยังดีขอรับ คุณชายน้อยยังเด็กจึงไม่อาจบอกกล่าวหรือบังคับกรอกได้ ไม่เช่นนั้นจะสำลักจนอาการอาจจะแย่กว่านี้” ติงเฟิ่งเหล่ยบอกแล้วป้อนยาอีก เฉินมู่อิ๋งก็บ้วนทิ้งอีก มียาส่วนน้อยนิดที่ไหลลงคอไป สาวใช้เห็นว่าอาภรณ์ฮูหยินเปรอะเปื้อนจึงอาสาทำแทน “ฮูหยินเจ้าคะ ให้ข้าน้อยอุ้มคุณชายน้อยเถอะเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไป ข้าทำเอง” เฉินม่านอิ๋งบอกไม่ยอมให้สาวใช้ทำแทน เพราะกลัวว่าสาวใช้จะบีบปากลูกแรงเกินไปจนลูกเจ็บ แค่อาภรณ์เปื้อนก็ถอดเปลี่ยนใหม่ได้ แต่ถ้าลูกเจ็บจนแก้มช้ำนางคงปวดใจยิ่งกว่า สาวใช้จึงหดมือกลับไป นางก็เป็นห่วงคุณชายน้อยเช่นกัน

ติงเฟิ่งเหล่ยก็ป้อนยาไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าคุณชายน้อยบ้วนทิ้ง 3 ส่วนกินไป 1 ส่วน อย่างน้อยยังกินลงไปบ้างก็ยังดี เมื่อป้อนยาเสร็จแล้ว เขาก็บอกว่า “เช่นนั้นข้าน้อยออกไปก่อน ฮูหยินจะได้เปลี่ยนอาภรณ์ อ่อ ท่านให้คนจัดห้องให้ข้าด้วยขอรับ ข้าจะอยู่จนกว่าคุณชายน้อยจะอาการดีขึ้นขอรับ”

“โอ ขอบคุณท่านมาก” เฉินม่านอิ๋งดีใจมาก นางหันไปสั่งสาวใช้ทันที “เจ้าไปจัดห้องที่เรือนข้างๆ ให้ท่านหมอนะ”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับคำสั่งแล้วเดินออกไป ติงเฟิ่งเหล่ยจึงบอกว่า “เดี๋ยวข้าไปต้มยาไว้อีกดีกว่า คุณชายน้อยคงต้องกินยาอีกหลายครั้งขอรับ”

“เชิญท่านหมอเถอะ” เฉินม่านอิ๋งบอก ติงเฟิ่งเหล่ยเดินออกไป บ่าวของเขาก็ตามออกไปด้วย เฉินม่านอิ๋งก็จัดแจงเปลี่ยนอาภรณ์ให้ลูกแล้วก็เปลี่ยนอาภรณ์ตัวเอง สาวใช้ก็เก็บอาภรณ์ออกไปซัก

เฉินจงกุ้ยกลับมารู้ว่าลูกไม่สบายก็รีบไปดูทันที เขาเห็นลูกร้องไห้โยเยก็ร้อนใจมาก “หมอๆ ตามหมอมาเร็ว”

“ข้าตามแล้ว ท่านหมอติงไปต้มยาอยู่เจ้าค่ะ” เฉินม่านอิ๋งบอก เฉินจงกุ้ยจึงคลายความร้อนใจลงไปนิดหนึ่ง แต่เห็นลูกป่วยเช่นนี้ทำเขาปวดใจมาก หากสามารถเป็นแทนลูกได้เขาคงเป็นแทนไปแล้ว

ติงเฟิ่งเหล่ยก็อยู่รักษาคุณชายน้อย เขาแปลกใจมากที่อาการคุณชายน้อยไม่ดีขึ้นเลย ทั้งๆ ที่ป้อนยาไปแล้วไข้ก็ควรจะลดลงซิ แต่นี่คุณชายน้อยยังเป็นไข้อยู่เลย อีกทั้งเอาแต่ร้องไห้โยเยตลอดเวลา เขาจึงตรวจอีกครั้ง แต่ตรวจอย่างไรก็ไม่พบอาการผิดปกติอะไรเลย เขาลองตรวจพิษก็ไม่พบว่าถูกพิษ เขาตรวจท้องคุณชายน้อยก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ร่างกายคุณชายน้อยปกติดีทุกอย่าง เหตุใดจึงยังไม่ดีขึ้นล่ะ?

เขาตรวจอาการพลางคิดจนหัวโตแล้วแต่ก็ยังไม่อาจรักษาคุณชายน้อยให้ดีขึ้นได้เลย เฉินจงกุ้ยก็คอยถามตลอด “ท่านหมอ เหตุใดลูกข้าจึงยังร้องไห้อยู่ล่ะ?”

วะ! ข้าจะไปรู้รึ! ติงเฟิ่งเหล่ยสบถในใจ ปากก็ตอบว่า “ข้ากำลังรักษาอยู่”

เฉินม่านอิ๋งฟังน้ำเสียงกัดฟันพูดของท่านหมอออกจึงยื่นมือไปสะกิดแขนสามี “ท่านพี่ ท่านหมอกำลังพยายามอยู่เจ้าค่ะ”

“แต่ลูกเรา…” เฉินจงกุ้ยหยุดพูดไปเมื่อเห็นฮูหยินส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดอะไรอีก เขาจึงไม่พูดอะไร ได้แต่มองดูลูกที่ร้องไห้โยเยจนหัวใจเจ็บปวดไปหมดแล้ว “ลูกข้า”

ติงเฟิ่งเหล่ยก็ตรวจคุณชายน้อยตรวจแล้วตรวจอีก ตรวจจนแทบอยากจะผ่าท้องควักไส้ออกมาดูแล้ว! โว๊ย!

เฉินมู่อิ๋งก็ร้องจนไม่มีเสียงแล้ว สีหน้าทุกข์ทรมานจนผู้คนเห็นแล้วเจ็บปวดหัวใจกันไปหมด

ติงเฟิ่งเหล่ยพยายามรักษาคุณชายน้อยสุดความสามารถยิ่งนัก แต่คุณชายน้อยไข้ก็ไม่ลดลงเลย กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จนรู้สึกเลยว่าตัวร้อนมากกว่าเมื่อตอนสายเสียอีกเขาพยายามป้อนยาให้คุณชายน้อยเรื่อยๆ เฉินม่านอิ๋งก็อุ้มลูกบีบปากให้กินยาอย่างเจ็บปวดหัวใจมาก นางน้ำตาไหลเป็นสายแล้ว ติงเฟิ่งเหล่ยเจ็บปวดหัวใจจนแทบอยากร้องไห้ตาม เขากัดปลายลิ้นข่มความรู้สึกตัวเองให้เข้มแข็ง พูดปลอบใจว่า “คุณชายน้อยจะต้องหายขอรับ”

ณ จวนเฉินเหวินเคอ บ่าวจวนเสนาบดีเฉินที่เขาซื้อตัวไว้ก็มารายงานว่า “ตอนนี้คุณชายน้อยกำลังป่วยขอรับ ฮูหยินร้อนใจมากขอรับ”

“ดีๆ” เฉินเหวินเคอหยิบเงินให้บ่าวคนนั้นไป บ่าวก็รีบจากไปเพราะหากหายไปนานพ่อบ้านเหลียงย่อมสงสัยแน่ เขาเก็บเงินซ่อนเอาไว้มิดชิดแล้วก็รีบกลับจวนไปสืบความเคลื่อนไหวต่อ เฉินเหวินเคอนั่งยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง “หึๆๆๆ อีกไม่นานเจ้าเด็กนั่นก็จะตายแล้ว”

“ใครจะตายหรือเจ้าคะ?” ฮูหยินห้าถาม นางได้ยินสามีพูดแว่วๆ เฉินเหวินเคอลุกพรวดไปตบโคร้ม!

“ว๊าย!” ฮูหยินห้าล้มลงไป นางตกใจจนร้องไห้ออกมา “ฮือๆ ท่านพี่ตบข้าทำไมเจ้าคะ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version