Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 130

บทที่ 130 ความรู้สึกของท่านช่างคุ้นเคย

ที่ทำให้หลานเยี่ยคิดไม่ถึงก็คือภายในอิ้งฮวาเว่ยมีเพียงสามห้อง นอกเหนือจากนั้นล้วนเป็นสวน อีกทั้งภายในสวนล้วนเต็มไปด้วยดอกไม้ แม้แต่บนห้องก็มีดอกที่บานออกของต้นดาวนายร้อยพาดผ่านอยู่เต็มไปหมด ทางเดินเล็กตรงไปยังพื้นที่โล่งตรงกลาง

“สวยจังเลย นี่คุณชายจัดการดูแลเองอย่างนั้นหรือ”

“อืม ตอนนั้นก็เพราะถูกใจที่โล่งผืนใหญ่แห่งนี้ถึงได้สร้างรากฐานที่นี่ จัดการดูแลอยู่ทุกวัน สุดท้ายก็เป็นพื้นที่โล่งนี้ เพียงเพราะคนคนนั้นเป็นคนที่รักดอกไม้”

“ได้ยินคุณชายพูดเช่นนี้ข้าเริ่มอิจฉาคนนั้นเสียแล้ว คนคนนั้นช่างมีความสุขเสียจริง”

“คุณชายหลานมีคนที่รักหรือไม่”

จู่ๆ หลานเฟิงก็ถามขึ้น หลานเยี่ยกลับหัวเราะออกมา

“คนนั่นของข้าหรือ ซุกซนเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ พอพูดถึงแล้วก็มีแต่จะทำให้ข้าปวดหัว”

“ดูท่าทางคุณชายคนนั้นก็เป็นคนที่มีความสุขเช่นเดียวกัน” หลานเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะออกมาเท่านั้น แต่การหัวเราะนี้กลับทำให้หลานเฟิงเจ็บปวดหัวใจ

“คุณชายรออยู่ที่นี่ชั่วครู่ ข้าไปหยิบของ”

หลานเฟิงเข้าไปในห้อง หยิบพรมผืนใหญ่และเหล้าหนึ่งกากับแก้วสองใบออกมา เดินตามทางเดินเล็กมาจนถึงลานกว้างนั่น นำพรมไปปูเอาไว้จนเสร็จสรรพก็วางกาเหล้าและแก้วเหล้าไว้บนนั้น แล้วจึงเรียกให้หลานเยี่ยเข้ามา

“นั่งอยู่ตรงกลางนี่จะถูกกลิ่นหอมของดอกไม้รายล้อมไว้ ทำให้เกิดความรู้สึกเมาก่อนจะได้ดื่มขึ้นมา ข้าน้อยเองก็ถือเป็นคนรักดอกไม้ ไม่ทราบว่าคนที่คุณชายพูดถึงตอนนี้อยู่ที่ใด”

“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ ครั้งนี้มาก็เพื่อตามหาเขา”

“ตามหาพบแล้วหรือยัง”

“พบแล้ว”

“เช่นนั้น…”

หลานเยี่ยอยากถามว่าทำไมเขาถึงไม่ไปหาคนคนนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มพูดจากอะไร

“แต่เขาลืมข้าไปนานแล้ว”

“หากเป็นคนที่อยู่ในใจ จะลืมเลือนได้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน”

“ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นข้าที่ไม่เคยมีความกล้าในการแสดงความในใจต่อเขา ทำให้เขาที่พบเจอความผิดหวังหลากหลายครั้งต้องผิดหวังอย่างสิ้นเชิงต่อข้า”

นับตั้งแต่นั้นหลานเยี่ยก็ไม่พูดอะไรอีก หลานเฟิงรินเหล้าให้พวกเขาสองคน ทั้งสองคนนั่งดื่มกันเงียบๆ

“คุณชายท่าน” หลานเยี่ยทำลายความเงียบก่อน “ท่านให้ความรู้สึกอันคุ้นเคยต่อข้ายิ่งนัก เหมือนกับเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานหลายปี”

“บางทีชาติที่แล้วของพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้!”

“ฮ่า ฮ่า คุณชายท่านเชื่อเรื่องชาติที่แล้วด้วยหรือ ชาติที่แล้วชีวิตนี้”

“เทียบกับไม่เชื่อ ข้ายินยอมที่จะเชื่อมากกว่า”

“ทำไมหรือ”

“ทำไมคุณชายถึงไม่พูดเรื่องตนเองกับข้าน้อย” หลานเฟิงไม่ได้ตอบเขา แต่ถามอีกคำถามหนึ่งออกมา

“คุณชายสนใจข้าน้อยเช่นนี้เชียวหรือ”

“เพียงแค่รู้สึกว่าคุณชายควรค่าแก่การคบเป็นสหายก็เท่านั้น”

“คุณชายคิดว่าข้าน้อยมีสถานะตัวตนเช่นไร เป็นเพียงเจ้าของร้านเครื่องประดับเท่านั้นหรือ” หลานเยี่ยถามเขา หลานเฟิงไม่ตอบ

“หากคุณชายสนใจถึงเพียงนั้น เช่นนั้นข้าน้อยก็จะเล่าเรื่องครึ่งชีวิตที่ไม่ได้มีอะไรโลดโผนของข้าให้ท่านฟัง”

“ข้าเป็นลูกชายของผู้นำราชวงศ์ จากความคิดของข้านี่ไม่ได้เป็นสถานะที่ควรค่าแก่การอวดอ้าง มารดานั้นจากไปตอนให้กำเนิดข้า แม้บิดาจะแต่งงานใหม่แต่ก็ปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี ในบ้านมีเพียงข้าเท่านั้น พระอาทิตย์ขึ้นลงอยู่ทุกวัน การใช้ชีวิตนั้นสบายใจเป็นอย่างมาก

มู่หลีเป็นองครักษ์ข้างกายของข้า โตมากับข้าตั้งแต่เด็ก เขาเคยเป็นนายน้อยตระกูลเยี่ยมาก่อน หลังจากถูกลุงหักหลังหนีออกมาก็ถูกพ่อของข้าช่วยไว้ ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อที่อยู่ในราชวงศ์ที่ถูกตระกูลเยี่ยควบคุมไว้ถึงกล้าช่วยคนเช่นนี้ แต่นับจากนั้นมาเขาก็กลายเป็นองครักษ์ของข้า

เพราะเขาเป็นคนตระกูลเยี่ย มีกระแสพลังป้องกันตน ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีทางเชื่อมต่อกับกระแสพลัง คุณชายเองก็ทราบกระมัง ในโลกนี้คนตระกูลหลาน ตระกูลเยี่ยและเขาเทียนปี้สามารถฝึกกระแสพลังได้ มีเพียงคนเมืองหลวงเท่านั้นที่ไม่อาจ”

หลานเยี่ยหยุดไปครู่หนึ่ง หลานเฟิงรินเหล้าให้เขาอีกแก้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version