Skip to content

พลิกปฐพี 5

ตอนที่ 5

คุณชายมู่ และ รุ่ยอ๋อง

ในยามเช้า ปลายหญ้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้าง

มู่เกอนอนอยู่ท่ามกลางดงต้นกก ต้องอดทนต่อ

การทิ่มแทงของต้นกกที่ทับอยู่ใต้ร่าง

เธอตื่นนานแล้ว ตาทั้งคู่มองดูท้องฟ้าสีฟ้าใสที่ไร้

ซึ่งมลภาวะใดๆ ยังมีก้อนเมฆที่เปลี่ยนรูปทรงไปเรื่อยๆ

บริเวณถัดจากตัวเธอไม่ไกลนัก ยังคงมีเสียงน้ำไหลราว

กับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

นี้เธอมาอยู่ในที่แบบไหนกันแน่?

ในแววตากระจ่างใสของมู่เกอกำลังครุ่นคิด

หลังจากที่เกิดใหม่ เธอหนีตายเกือบเอาชีวิตไม่

รอด ฝืนกำลังเพื่อฆ่าศัตรู หลังจากนั้นก็ต้องมาสงสัยใน

เรื่องเพศของตัวเอง ไม่นานวิญญาณเจ้าของร่างคนเดิม

ก็ปรากฏตัวขึ้น สุดท้ายมีชายหนุ่มที่เก่งกล้ามากจนไม่

น่าเชื่อโผล่ออกมาและทำราวกับมองไพ่ในมือเธอ

ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

จนถึงตอนนี้เธอถึงค่อยมีเวลาให้ขบคิดปัญหาบางข้อ

จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ ชัดเจนแล้วว่า เธอ

ทะลุมิติมายังโลกอีกใบหนึ่งที่ไม่เหมือนโลกใบเดิม

และความสามารถของเธอ ก็ถือว่าเก่งกาจ

สำหรับที่นี่

อีกอย่างโลกใบนี้น่าจะมีขั้นตอนสำหรับการ

ฝึกฝนพลัง แต่ร่างที่เธอยืมมานี้อ่อนแอจนไม่สามารถจะ

ฝึกฝนมันได้

ยังมี แม่ในนามของเธอ ที่ดูเหมือนว่าจะมีที่มาที่

ไปลึกลับ ถึง กับมีเครื่องมือมายาที่ฝืนชะตาฟ้าได้ขนาดนี้

แต่จากคำที่มู่ชิงเกอพูด ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้

อยู่กับมู่ชิงเกอ

สุดท้าย ฐานะของเธอนั้นซับซ้อนมาก ในสายตาของทุก

คน เธอเป็นผู้ชายคนหนึ่ง และยังเป็นทายาทตระกูลที่สูง

ส่ง และมีศัตรู

ศัตรู

คิดถึง ตรงนี้ตาทั้งคู่ของมู่เกอก็หรี่ลงฉายแววอันตราย

เธอยังไม่ลืมเรื่องที่ตกลงกับมู่ชิงเกอเอาไว้ และ

ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ แต่หลังจากที่เธอรับร่างของมู่

ชิงเกอมาแล้ว ครอบครัวและศัตรูของนาง ก็ต้องเป็นของ

เธอเหมือนกัน

“ข้อมูลยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ก็รู้เพียงเท่านี้ก่อน

สงสัยต้องหาเวลานั่งคุยกับมู่ชิงเกออย่างจริงจังแล้ว ” มู่

เกอคายต้นกกที่คาบอยู่ในปากออก พยุงตัวลุกขึ้น

“ยังมีผู้ชายที่ฝีมือแข็งแกร่งสามคนเมื่อคืนนี้อีก”

มู่เกอที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งคิดย้อนกลับไปถึงภาพเหตุการณ์

เมื่อคืนวาน ในใจก็พลันดําดิ่งลงไปอีกครั้ง

เมื่อคืนหลังจากที่เธอพูดคำว่า “ไร้คุณธรรม” จบ

เธอก็รู้สึกถึงรังสีสังหารสองสายที่พุ่งตรงมาหาเธอ ซึ่ง

สามารถฉีกร่างเธอออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ในพริบตา

และความรู้สึกนั้นทำให้เธอไม่อาจขัดขืนต่อ

ต้าน แม้ว่าเธอจะมีพลังความสามารถที่ตนถนัดก็ตาม

โชคดีที่ในขณะที่เธอรู้สึกว่าผิวหนังกำลังจะปริ

แยกออกจากกันนั้น ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเกินคำบรรยาย

นั่นแค่สะบัดแขนเสื้อก็สลายรังสีสังหารน่าหวาดผวา

สองสายนั่นให้หายไปได้

และเริ่มจากตอนนั้นเธอถึงเพิ่งกระจ่างว่า ใน

ความมืดยังมีอีกสองคนที่หลบซ่อนตัวอยู่

ก่อนชายหนุ่มคนนั้นจะจากไป ได้พูดกับเธอ

ประโยคหนึ่ง

เขาบอกว่า ก่อนที่เธอจะมีความสามารถมากพอ

จนสามารถปกป้องตัวเองได้ ทางที่ดีจงอย่าแสดงพลัง

สายฟ้าของตัวเองออกมาให้ใครเห็น และเขาสามารถ

ช่วยให้เธอสามารถฝึกฝนพลังได้

คำพูดก่อนหน้า ทำให้เธอรู้สึกสงสัย

แต่คำหลัง กลับจูงใจเธอได้เป็นอย่างมาก

แต่ เธอก็เลือกที่จะปฏิเสธไป

เพราะว่า เธอรับไม่ได้จริงๆ กับสายตาน่าตายที่

เขาทำเหมือนเกิดความคิดว่าอยากจะรับแมวจรจัดข้าง

ถนนไปเลี้ยงแบบนั้น

สุดท้ายชายคนนั้นก็จากไปด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย ตั้งแต่ต้นจนจบ มู่เกอก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่

แน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้สนใจและรอคอยที่จะพบเขาอีก

ครั้งหรอก

แต่หากว่ามีวันใด ที่เธอสามารถเหยียบเขาให้

จมฝ่าเท้าและหัวเราะเยาะใส่หน้าเขาได้ ตอนนั้นเธอคง

จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พบเขาอีกครั้ง

มู่เกอก้มลงมองปลายนิ้วเรียวยาวราวกับต้น

หอมของตัวเอง กำมือแน่น พูดอย่างไม่ชอบใจ “ทำไมถึง

ใช้พลังไม่ได้?” นี่คือสิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ แต่

เขากลับบอกเธอว่าหากใช้ตามใจแบบนี้จะนำมาซึ่งเภทภัย

แล้วต่อจากนี้ควรจะทำอย่างไรดี?

“เดินไปทางทิศเหนือ เพราะเมืองลั่วตูแห่งแคว้น

ฉินอยู่ขอบแดนทางเหนือ ข้าออกจากบ้านมานาน ท่าน

ปู่จะต้องออกมาตามหาข้าแน่ๆ ถ้าเจอท่านปู่เจ้าก็จะ

ปลอดภัย” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้มู่เกอที่

กำลังตกอยู่ในภวังค์ตกใจ

พอหันไปมองก็เห็นเงาร่างโปร่งแสงยืนอยู่กลาง

แสงแดด มู่เกอทำหน้าแปลกประหลาด “เจ้าไม่กลัวแสง

แดดหรือ?”

“เหตุใดข้าต้องกลัว” มู่ชิงเกอถามกลับไปอย่างสงสัย

อืม! ผีบนโลกนี้ก็ไม่เหมือนผีบนโลกนั้น

มู่เกอกระตุกยิ้ม ไม่คิดจะเปิดประเด็นต่อ

…………….

ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า

อากาศแจ่มใส

บนเส้นทางสายหลักสู่ลั่วตู คนและม้าคู่หนึ่งท่า

ทางเหน็ดเหนื่อย ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ

“ที่ราบลั่วรื่ออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของลั่วตู

เดินไปตามเส้นทางนี้ขึ้นเหนือไป หากเจ้าเดินเร็วกว่านี้

อีกราว 10 วันก็จะถึงลั่วตู” วิญาณของมู่ชิงเกอที่ลอยอยู่

กลางอากาศ เดินทางไปพร้อมกับมู่เกอที่นั่งอยู่บนหลังม้า

ระหว่างทาง นางแนะนำลักษณะทั่วไปของลั่วตู

ให้มู่เกอฟัง แต่ว่า ไม่แน่ใจว่าสำหรับมู่เกอที่เหมือนจะ

หลับแหล่ไม่หลับแหล่นั่นจะฟังเข้าหูไปมากน้อยแค่ไหน

“หนวกหู”

เสียงเรียบเฉยลอยมา ทำให้มู่ชินเกออึ้งไป สี

หน้าพลันมืดครึ้ม พูดอย่างไม่ชอบใจว่า “เจ้าว่าอะไรนะ?”

มู่เกอมองเธอ ตอบไม่ตรงคำถามว่า “เจ้าลอย

ผ่านไปมาอยู่ตรงหน้าข้าแบบนี้ ไม่กลัววิญาณจะกระจัด

กระจายสลายไปรึไง?”

“เจ้า!” ปากร้ายๆ ของมู่เกอ ทำให้มู่ชิงเกอโกรธ

จนร่างที่โปร่งแสงวูบวาบ เหมือนจะกระจายหายไปได้

ตลอดเวลา “หึ เจ้าไม่ต้องมาห่วงหรอก ” มู่ชิงเกอข่ม

ความโกรธเอาไว้ แค่นเสียงเย็น สะบัดหน้าใส่อย่างหยิ่งยโส

มู่เกอเบะปาก หลับตาพักผ่อนต่อ

เดินทางต่อไปอีกพักหนึ่ง บนถนนไม่มีแม้กระทั่ง

เงาคนแม้ครึ่งคน

แล้วก่อนที่มู่เกอจะนอนหลับไปจริงๆ บริเวณ

ไกลๆ ที่สามารถมองเห็นได้ กลับปรากฏฝุ่นทรายสี

เหลืองฟุ้งตลบ เสียงเกือกม้าสับสนวุ่นวายดังมา

มู่เกอลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอย่างไม่รีบร้อน มอง

เศษฝุ่นที่ปลิวกระจายเหมือนเกิดพายุด้วยสายตาสงบนิ่ง

“มีทัพทหารมา เป็นมู่จื่อฉี!” มู่ชิงเกอที่ลอยขึ้น

บนฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พลันตื่นเต้นขึ้นมา

มู่เกอเงยหน้าขึ้นมองนางแล้วถามว่า “เจ้าไม่

ต้องหลบรึ?” ได้ยินชื่อมู่จื่อฉีที่มู่ชิงเกอพูดถึง เธอก็พอจะ

เดาออกแล้วว่าผู้มาเป็นใคร

ใครจะรู้ อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็สลดไป ลอยตัวลงมา ยืน

อยู่ข้างๆ มู่เกอ “นอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถมอง

เห็นข้าได้”

“……….”เป็นครั้งแรกที่มู่เกอได้ยินนางพูดแบบนี้

มู่ชิงเกอพลันมองไปยังเงาร่างที่เริ่มเด่นชัดขึ้น

เรื่อยๆ ด้านหน้าอย่างใจลอย พึมพำว่า “เขาก็มาด้วย! ”

อารมณ์ซับซ้อนที่ปรากฏบนใบหน้านาง ทำให้มู่เกอต้องเบือนหน้าหนี

แต่ว่า มู่ชิงเกอกลับไม่มองต่อ แต่มองมู่เกอพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “จำไว้ ตั้งแต่บัดนี้ไป เจ้า

คือมู่ชิงเกอ ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลมู่”

ทายาทเพียงหนึ่งเดียวเหรอ?

มู่เกอยกมือขึ้น จับตุ้มหูบนหูซ้ายของตัวเอง

ตุ้มหูที่ภายนอกดูธรรมดานี้ฟื้นฟูสภาพเสร็จ

สมบูรณ์แล้ว เมื่อเช้าตอนตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าตัว

เองกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาหมดจด แม้ว่า

ร่างกายจะดูอ่อนแอ แต่ไม่อาจทำลายความองอาจไปได้

เกรงว่าอย่างเดียวที่แตกต่างกับมู่ชิงเกอตัวจริง นั่นก็คือ

กลิ่นอายสีดำเข้มตรงหว่างคิ้วนั้นได้จางหายไปเหลือไว้

เพียงความนิ่งเฉยเป็นอิสระไร้ซึ่งการผูกมัด

“เกอเอ๋อร์!”

เสียงดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น มู่เกอยัง

ไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอัน

กว้างใหญ่และอบอุ่นแล้ว

ไวมาก!

มู่เกอที่จมอยู่ในอ้อมกอดอันหนาใหญ่ ตกใจใน

ความน่าเกรงขามของผู้มาใหม่ จึงขมวดคิ้วแน่น เมื่อสัก

ครู่เธอเหมือนจะเห็นแสงสีน้ำเงินเข้มวาบผ่านตาไป จาก

นั้นตัวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดนี้

“เกอเอ๋อร์อยากโดนลงโทษใช่ไหม ถึงกล้าแอบ

ข้าไปลั่วรื่อ” เสียงชราแต่หนักแน่นดังผ่านหัวของมู่เกอไป วินาทีต่อมาเธอก็ถูกดึงออกมาอ้อมกอดนั้น

ตอนนี้เธอถึงเพิ่งสังเกตว่าตนลงมาจากหลังม้า

และยืนอยู่บนพื้นดินแล้ว

แม้ว่าในน้ำเสียงนั้นจะเต็มไปด้วยความตำหนิ

แค่ไหน แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าสายตาคมกริบที่มอง

ประเมินมานั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วงและเคร่งเครียด

“ท่านปู่……..” เสียงของมู่ชิงเกอลอยมาข้างหู

มู่เกอเงยหน้าขึ้นมองคนที่จับแขนทั้งสองข้างของ

เธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหายตัวไปอีก

“ท่านปู่” คำเรียกขานออกจากปากไปโดยไม่ทันรู้ตัว

“อืม” มู่ซงตอบแบบโกรธๆ

แต่มู่เกอก็ฟังออกถึงความสั่นที่อยู่ในน้ำเสียง

และน้ำตาที่เขากลั้นเอาไว้

คนที่สามารถทำให้ท่านแม่ทัพชราผู้ผ่านศึกมา

อย่างโชกโชนหลั่งน้ำตาได้อยู่เรื่อย เกรงว่านอกจาก

หลานรักคนนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครอื่นอีก

“นายท่านผู้เฒ่า แสดงว่าชิงเกอเป็นคนดีฟ้าคุ้ม

ครองจึงกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ทันใดนั้นน้ำเสียง

เรียบเย็นสูงส่งก็ดังแทรกขึ้นมา

มู่ซงตัวสั่น มองคุณชายผู้สูงส่งที่ยืนอยู่ท่าม

กลางกลุ่มคนด้วยสายตาไม่สู้ดีนัก

สายตาของมู่เกอมองผ่านไหล่ของท่านปู่ไป พริบ

ตาเดียวสายตาก็จับอยู่ที่คนที่เพิ่ิงพูดเมื่อครู่ เพราะรูป

โฉมและกริยาท่าทางของคนผู้นั้น โดดเด่นสะดุดตาแตก

ต่างจากผู้อื่น

เสื้อคลุมสีดำลวดลายงู ทำให้ร่างเขาดูสูง

ตระหง่านดั่งกระบี่ ใบหน้าตาเยียบเย็นนิ่งเฉย กลับชวน

ให้ผู้คนอยากจะเข้าใกล้ ราวกับว่า แค่เขาหันมามองก็

เป็นโชควาสนามากแล้ว

กลางหว่างคิ้วทรงกระบี่ปรากฏกลิ่นอายแห่ง

ความสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แม้ว่าจะยืนอยู่

ท่ามกลางฝูงชน ก็ยังคงดูสะดุดตา ทำให้คนไม่อาจมอง

ข้ามไปได้

“เขาคือรุ่ยอ๋อง ฉินจิ่นห้าว ” เสียงของมู่ชิงเกอดังขึ้นได้จังหวะพอดี

มู่ชิงเกอมองหน้ามู่เกอเหมือนไม่มีอะไร แม้ว่ามู่

ชิงเกอจะพยายามปิดบังความรู้สึกมากเพียงใด แต่เธอก็

ยังสังเกตได้ถึงน้ำเสียงสับสนที่เหมือนมีอะไรซุกซ่อนอยู่

ในนั้นได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!