ตอนที่ 45
ถุ้ย! ไอ้พวกคนหน้าซื่อใจคด
“เขาแล้วกัน”
ซือมั่วกระดิกนิ้วมือ ทำให้มู่ชิงเกอตกเป็นเป้าสายตาของทุกผู้อีกครั้ง
สายตาที่มองมายังตัวนาง ทั้งตกใจ อิจฉา ไม่ยินยอม และไม่อยากจะเชื่อ ดังที่ว่า ร้อยคนพันความคิด
คนที่ดีใจกับนางด้วยความจริงใจ คงแทบจะนับนิ้วได้ ท่านปู่และท่านอาของนาง เจ้าอ้วนเช่าที่ดีใจยิ่งกว่าตนถูกเลือกเองเสียอีก
และยังมีอีกคน…
หางตาของมู่เกอค่อยๆ กวาดมองใบหน้าของนาง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเมื่อสักครู่ นางก็ทำตัวเหมือนคนนอกที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นอกจากตอนแรก ที่ลงมือช่วยเรื่องราวหลังจากนั้นก็ราวกับไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
ตอนนี้ สิ่งที่มู่ชิงเกอเห็นบนใบหน้าของนาง คือความรู้สึกอิจฉาแวบหนึ่งและความผิดหวังที่ไม่ชัดเจนนัก
“นี่มัน” ฉินชางเองก็อึ้ง ถามซือมั่วให้แน่ใจอีกครั้ง “มหาปราชญ์ท่านหมายถึงมู่ชิงเกอ คุณชายตระกูลมู่เหรอ”
นอกจากเสี่ยวเกอเอ๋อร์! แล้วยังจะมีใครที่เข้าตาเขาอีก
ซือมั่วแอบหัวเราะเยาะในใจ แต่กลับตอบโดยการพยักหน้าเบาๆ อดทนแสดงการตัดสินใจของตนเองออกมาอีกครั้ง
เป็นมู่ชิงเกอไอ้คนไร้พลังนั่นจริงๆ เสียด้วย!
ครั้งนี้สายตาริษยาและไม่ชอบใจที่มองมู่ชิงเกอนั้น ไม่อาจจะปิดบังได้อีกต่อไป แต่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
“มหาปราชญ์ใครๆ ก็รู้ว่าคุณชายตระกูลมู่ผู้นี้เป็นผู้ไร้พลัง ไม่สามารถฝึกฝนพลังได้พระองค์อย่าทรงโดนมันหลอก!”
“ใช่ เขาไม่ได้เป็นแค่คนไร้พลังเท่านั้น แต่ยังเอาแต่เที่ยวเล่น ไม่มีวิชาความรู้มีแค่รูปลักษณ์ภายนอกอันงดงาม แต่ความจริงเป็นแค่จอมเสเพล ขอให้มหาปราชญ์ทรงไตร่ตรองดูให้รอบคอบด้วยเถิด”
“ขอให้มหาปราชญ์ทรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิด จะได้ไม่ถูกคนแบบนี้หลอก”
“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเป็นคนที่พระองคทรงเลือกได้ แต่ก็ไม่อาจทนเห็นพระองค์โดนหลอก! หากคนแบบนี้ไปเกี่ยวพันกับพระองค์ก็คงจะใช้พระอำนาจในการอวดเบ่งไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงพระองค์ต้องมัวหมอง”
คุณชายที่มีฐานะสูงส่งของแต่ละตระกูลต่างช่วยกันพูดราวกับว่า มู่ชิงเกอเป็นหนอนที่ทุกคนรังเกียจ ใครเข้าใกล้เป็นต้องพังพินาศ ทุกคนต่างไม่สนใจสีหน้าที่ดูแย่ลงเรื่อยๆ ของมู่ซงเลย
คนพวกนี้ ต่างหน้ามืดตามัวเพราะความอิจฉา
หากตอนนี้ผู้ที่ถูกเลือกเป็นผู้อื่น พวกเขาอาจจะไม่ทำแบบนี้ แต่จะเป็นมู่ชิงเกอไม่ได้
หากคนไร้พลังคนหนึ่งยังเข้าตามหาปราชญ์ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาเทียบไม่ได้กับคนไร้พลังคนหนึ่งเลย
ชายหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ของแคว้นฉิน ต่างพูดกันคนละคำสองคำ แทบจะเปรียบมู่ชิงเกอเป็นคนที่ทำผิดมหันต์ ไม่อาจจะให้อภัยได้ ฉากตรงหน้านี้ เป็นสิ่งที่ฉินชางต้องการ เท่าที่เขาดู ผู้ที่องค์มหาปราชญ์ผู้ทรงอำนาจที่สุดในหลินชวนควรจะต้องตา ควรเป็นพวกโอรสของตนต่างหากจึงจะถูก และเจ้ามู่ชิงเกอนั้นเป็นตัวอะไรกัน ก็แค่ไอ้คนที่แม้กระทั่งปราณวิญญาณยังไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ก็เท่านั้น
เพราะฉะนั้น เขาที่เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นจึงเงียบ รอให้มู่ชิงเกอโดนทุกคนโจมตีจนต้องถอยฉากออกไปเงียบๆ และรอให้คำพูด ‘ไร้มารยาท’ ของบรรดาชายหนุ่มจากตระกูลต่างๆ ทำให้คนผู้นั้นเกรี้ยวกราดขึ้นมา และสุดท้ายลูกชายของเขาก็จะเป็นผู้ถูกเลือกโดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลยสักนิด
แต่ลูกชายที่ดูเหมาะสมที่สุดของเขา เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเหอ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว ก็ต้องดูว่ารัชทายาทจะเป็นอย่างไร
คิดถึงตรงนี้ฉินชางก็ส่งสายตาให้กำลังใจรัชทายาทฉินจิ่นชิว
ฉากนี้ ทำให้ฉินจิ่นห้าวที่มองอยู่เจ็บปวดในใจเหมือนโดนเพลิงกำลังเผาไหม้
‘สายตาให้กำลังใจแบบนั้นของเสด็จพ่อ มันควรจะเป็นของเขา!’
แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงเงียบ มองท่าทางได้ใจของผู้ที่ตนทั้งแค้นทั้งเกลียดมากที่สุด
‘ฉินจิ่นชิว มู่ชิงเกอ และยังมีเจ้าเหอเฉิงที่ควรตายไปสักหมื่นรอบนั่น! พวกเจ้าตั้งหน้าตั้งตารอข้าไว้ให้ดีเถอะ!’ ตาของฉินจิ่นห้าวลุกเป็นไฟ จนเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อก็ยังไม่รู้สึกตัว
มู่ชิงเกอที่ถูกทุกคนวิพากษ์วิจารณ์จนสาดเสียเทเสียยิ้มมุมปาก เหมือนสิ่งที่ออกจากปากของทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับนางและไม่ได้พูดถึงนางอย่างนั้น ในมือของนางกำลังหมุนเหล้าในแก้ว สายตากระจ่างใสบวกกับกลิ่นเหล้าอ่อนๆ ให้ความรู้สึกน่าหลงใหลและน่าเอ็นดู
“แบบนี้มันเกินไปแล้ว!” อยู่ๆ มู่เหลียนหรงก็กำหมัดชกกับโต๊ะ รอบๆ มือที่กำหมัดเอาไว้มีแสงลีเหลืองส่องประกาย โต๊ะที่ดูหนาแข็งแรงมีเศษไม้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
“เหลียนหรง” มู่ซงพูดเสียงแข็ง ทำไมในใจเขาจะไม่โกรธ แต่ตอนเรื่องของเหอเฉิงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ทำให้มู่ซงเห็นแล้วว่า ถ้ายังคงใช้ไม้แข็งอาจจะทำให้มหาปราชญ์ไม่หลงเหลือความประทับใจดีๆ จนทำลายโอกาสของมู่ชิงเกอ
เพราะฉะนั้น พวกเขาต้องอดทน
ตั้งแต่ต้นจนจบ มู่ซงยังคงรู้สึกว่ามหาปราชญ์เอ็นดูชิงเกอของเขา บางทีอาจจะเพราะเห็นชิงเกอโดนเฆี่ยนเมื่อครั้งก่อน ท่าทางไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ทำให้ชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จดจำได้โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะฉะนั้น เขามั่นใจว่า ไม่ว่าคนพวกนี้จะพูดอะไร ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของท่านผู้เฒ่าท่านนี้แน่นอน
“ท่านอา ไยท่านต้องใส่ใจเจ้าพวกคนใจแคบชอบคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ด้วยเล่า” มู่ชิงเกอกวาดตามองผ่านมือของมู่เหลียนหรงพร้อมพูดยิ้มๆ
“พวกเขาว่าเจ้าขนาดนี้!” มู่เหลียนหรงโกรธจนกัดฟันเสียงดัง นางไม่เข้าใจเลยว่า ถูกคนด่าว่าขนาดนี้ทำไมมู่ชิงเกอยังคงนิ่งเฉย ไม่เหมือนมู่ชิงเกอในอดีต
“สิ่งที่พวกเขาพูดก็เป็นความจริง” มู่ชิงเกอยักไหล่อย่างไม่สนใจ
นางไม่ได้อยากให้ไอ้เฒ่าประหลาดผู้นี้เลือกตนเลยสักนิด ใครชอบคนนั้นก็เอาไปเถอะ
“เจ้า” มู่เหลียนหรงถูกคำพูดคำนี้ของมู่ชิงเกอทำให้สะอึกไป ในแววตาโกรธขึ้งฉายแววจนปัญญามองไปที่มู่ชิงเกอ สุดท้ายทุกคำพูดก็กลายเป็นเพียงเสียงถอน หายใจ
“นี่! พวกเจ้าจะพอได้รึยัง! ลูกพี่ของข้าเป็นคนที่พวกเจ้าเอามาพูดแบบนี้ได้หรือ มหาปราชญ์พอใจในตัวของลูกพี่ข้า นี้นก็หมายความว่า ลูกพี่ของข้าฉลาด มีพรสวรรค์ฟ้าประทาน ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่ ไม่ใช่คนที่คนธรรมดาเดินดินแบบพวกเจ้าจะเข้าใจได้ ข้าว่าพวกเจ้าคงจะอิจฉาและโกรธแค้นเสียมากกว่า ถึงได้ใส่ร้ายลูกพี่ของข้า”
ทางนี้ มู่ชิงเกอเพิ่งจะทำให้มู่เหลียนหรงใจเย็นลงบ้าง
ทางนั้น นํ้าเสียงที่ประกาศว่าไม่ชอบใจก็ดังขึ้น มู่ชิงเกอขมวดคิ้วมองไปเห็นตัวกลมๆ ของเจ้าอ้วนเช่าที่ไม่สนใจการห้ามปรามของคนในครอบครัว ลุกขึ้นยืน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ในขณะนั้นมู่ชิงเกอกระตุกยิ้มหัวเราะออกมา น้องชายอย่างเจ้าอ้วนเช่านี่ใช้ใด้เลยจริงๆ นางแอบตำหนิในใจ มู่ชิงเกอนะมู่ชิงเกอ คนนอกที่อยู่ข้างเจ้าในวินาทีคับขันแบบนี้ก็คงจะมีแค่เจ้าอ้วนนี่เท่า นั้นแหละ ในชีวิตคนเราได้มีเพื่อนดีๆ แบบนี้สักคน แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่ามัน
“เหอะ ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าเสเพลไร้ค่าชื่อดังอีกคนของแคว้นลั่วตูของเรานี่เอง เช่าเยว่เจ๋อเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เป็นผู้ไร้พลังเหมือนกัน ถนัดแค่เขียนบทความบนหน้าท้องของผู้หญิงก็เท่านั้นแหละ” คนหนึ่งหัวเราะเยาะขึ้นมา
อีกคนรีบพูด “อ่าๆๆ พวกเสเพลทั้งสองของแคว้นลั่วตู นอกจากตัวกร่างไปทั่วตามตลาดแล้ว เกรงว่าสถานที่ที่คุ้นเคยมากที่สุดคงจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงสีสกปรกโสมมสินะ”
“ฉลาดมีพรสวรรค์ฟ้าประทาน ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่ หากอย่างพวกเจ้ายังสามารถเรียกแบบนั้นได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เป็นยอดคนในบรรดาหมู่ผู้มีพรสวรรค์แล้ว”
“พวกเจ้า! ไอ้พวกคนขี้อิจฉาไร้ประโยชน์คิดว่าตัวเองมีอะไรดี? ถุ้ย!ไอ้พวกคนหน้าซื่อใจคด” ไอ้อ้วนเช้าถ่มนํ้าลายลงบนพื้น ตาเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยการดูถูก