ตอนที่ 64
แก้แค้นให้กับจ้าอ้วนเช่า!
คนที่ถูกนางผลักออก ขณะที่กำลังจะโมโห แต่ทว่าพอเห็นเงาร่างในชุดสีแดงที่ส่องประกายดั่งดวงอาทิตย์และใบหน้าอันงดงาม ทำให้เขาอึ้งอยู่กับที่และลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
“ลูกพี่!” พอได้ยินเสียงของมู่ชิงเกอและเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย เจ้าอ้วนเช่าก็ทำท่าทางประหนึ่งเห็นญาติของตนเองทันที
เสียงที่ฟังดูกลํ้ากลืนเหมือนเด็กน้อยที่ถูกรังแกนอกบ้าน แล้วในที่สุดก็เห็นผู้ปกครองออกมาช่วยเหลือ
มู่ชิงเกอเดินตรงไปหาเจ้าอ้วนเช่า คุกเข่าลงแล้วมองเจ้าอ้วนที่กอดขาอ้วนๆ ของตนเองเอาไว้ แล้วถามว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เจ้าอ้วนเช่าสูดนํ้ามูก “ไม่เป็นอะไร ก็แค่ฟกชํ้าภายนอกนิดหน่อยอีกสักสิบวันหรือครึ่งเดือนก็คงจะหายและกลับมากระโดดโลดเต้นเหมือนเดิมได้แล้ว”
นางฟังออกว่าเจ้าอ้วนเช่าอยากปลอบใจนาง มู่ชิงเกอยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าฟกชํ้าแบบนี้ในช่วง 100 วัน เจ้าห้ามประมาทรู้ไหม”
“รู้แล้ว ลูกพี่!” ใบหน้าของเจ้าอ้วนเช่าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แม้ว่าใบหน้าเหมือนหมูของเขานั้นจะไม่ได้แสดงอาการออกมาชัดเจนมากนักก็ตาม
“เฉากุ้ย?” เสียงที่ไม่คุ้นเคยแทรกขึ้นท่ามกลางผู้คน
คุณชายที่ประลองกับเจ้าอ้วนเช่าเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นสายตาที่ดูไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก กลับมีความหลงใหลซ่อนอยู่ “องค์หญิงฉางเล่อนี่เอง”
ฉินอี้เหยาเดินเข้ามาท่าทางผู้คน มองเจ้าอ้วนเช่าที่นั่งอยู่บนพื้นแวบหนึ่งแล้วเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวพลางพูดว่า “เมื่อสักครู่เจ้าประลองกับเช่าเย่เจ๋อหรือ?”
“ไม่ผิด” เฉากุ้ย พูดอย่างได้ใจ “ก่อนหน้านี้ไอ้อ้วน…เช่าเย่เจ๋อ ขอประลองล่าสัตว์กับกระหม่อม โดยตกลงกันไว้แล้วว่าให้ขี่ม้าของตนเองแล้วยิงธนูทั้งหมด 9 ดอก ของผู้ใดเข้าเป้ามากที่สุดเป็นผู้ชนะ แต่ว่าเจ้าอ้วนนี่ไม่ค่อยสันทัดการขี่ม้า ตัวเองตกลงมาจากหลังม้าเอง แล้วมาใส่ความผู้แซ่เฉา ขอให้องค์หญิงคืนความเป็นธรรมให้กับผู้แซ่เฉาด้วยพะยะค่ะ”
สายตาของเฉากุ้ยที่มองฉินอี้เหยานั้นดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นางแอบขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ ตรงที่มู่ชิงเกอยืนอยู่อย่างแนบเนียนและพูดกับเฉากุ้ยนิ่งๆ ว่า “ข้าเองก็เพิ่งเข้ามา ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ หากเจ้าอยากจะทวงความเป็นธรรมก็ไปหารัชทายาทเถิด แต่ว่าก็แค่การประลอง อย่างไรเสียเจ้าก็ชนะแล้วแล้วทำไมยังจะต้องทับถมกันอีกด้วย?” นางเพิ่งจะมาถึง คำพูดก่อนหน้านี้ถึงแม้นางจะไม่ได้ยืนทั้งหมดเหมือนกับมู่ชิงเกอ แต่ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของนางมีหรือจะเดาไม่ออกว่าเถิดอะไรขึ้น?
แต่นางอยากจะยุติเรื่องทั้งหมดนี้ เพราะกลัวว่ามู่ชิงเกอจะเดือดร้อน แต่มู่ชิงเกอกลับไม่รับความหวังดีนี้เลย เมื่อมั่นใจแล้วว่าเจ้าอ้วนเช่าไม่ได้เป็นอะไรมากนางก็ ค่อยๆ ยืนขึ้นบังฉินอี้เหยาเอาไว้พร้อมพูดว่า “เมื่อสักครู่ เจ้าอ้วนแค่ตกจากม้า เจ้าและเขายังไม่ทันได้ยิงธนูแม้แต่ดอกเดียว แล้วรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดแพัผู้ใดชนะ?”
“ที่แท้คุณชายตระกูลมู่นี่เอง” เฉากุ้ยหัวเราะเยาะ “ทำไม? หรือว่าคุณชายอยากจะแก้ตัวให้กับเจ้าอ้วนนี่”
“แก้ตัวนั้นไม่จำเป็นหรอก” มู่ชิงเกอปัดเสื้อเบาๆ พลาง ยิ้มแล้วพูดว่า “คนอย่างข้าชอบพิสูจน์ทุกอย่างด้วยการกระทำ”
“หมายความว่าอย่างไร?” เฉากุ้ยขมวดคิ้วถาม
“ถ้าอย่างนั้น….” มู่ชิงเกอยิ้มมุมปากอย่างขี้เล่น “การประลองที่ยังไม่จบนี้ให้ข้าลงสนามแทนเป็นอย่างไร?”
ทุกคนอึ้ง
ในแคว้นลั่วตูนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่าคุณชายตระกูลมู่นั้นไม่มีพรสวรรคในด้านใดเลยสักด้าน เป็นเพียงแค่ก้อนหญ้าไร้ค่าเท่านั้น
แต่วันนี้ กลับมาท้าประลองขี่ม้ายิงธนูกับเฉากุ้ย ไม่ใช่แค่เฉากุ้ยเท่านั้นที่คิดว่าตนเองหูฝาด แต่ฉินอี้เหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน “เฉากุ้ยเป็นคนของรัชทายาท เจ้าจะวู่วามแบบนี้ไม่ได้” ฉินอี้เหยายืนอยู่ข้างหลังออกปากเตือนมู่ชิงเกอ
ที่แท้ก็เป็นคนของรัชทายาท
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว ช่วงนี้รุ่ยอ๋องและรัชทายาทกำลังแย่งชิงกันอย่างดุเดือดและตอนนี้รุ่ยอ๋องก็ยังถูกกักบริเวณอยู่ในอารามหลวงจึงเสียอำนาจไปบ้าง ทำให้รัชทายาทได้ใจ
แต่ว่าพวกเขาจะกัดกัน หรือจะสู้กันด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ แต่มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับคนของนาง
ไอ้พวกตํ่าพวกนี้ แค้นนี้ต้องชำระ
“คุณชายจะประลองกับข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” เฉากุ้ย ค่อยๆ หรี่ตาถามยํ้าเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ในสายตานั้นเต็มไปด้วยแผนการ
มู่ชิงเกอพูดพลางหัวเราะออกมา “ทำไมรึ? หรือว่าข้าไม่มีเกียรติมากพอ” ฐานะของนางนั้นสูงส่งกว่าเฉากุ้ยมาก บวกกับการที่นางยังมีท่านปู่ผู้แสนดีที่รักหลานเท่าชีวิตอยู่ด้วย เชื่อหรือไม่ว่าหากวันนี้เฉากุ้ยกล้าพูดว่ามู่ชิงเกอไม่มีเกียรติมากพอแม้แต่คำเดียว พรุ่งนี้มู่ซงก็จะพาทหารบุกเข้าตระกูลเฉา พูดกับคนตํ่าๆ พวกนี้ว่า “หลานชายของข้าไม่มีเกียรติมากพอ แล้วเกียรติของข้าพอหรือไม่?”
เฉากุ้ยใบหน้ากระตุก ฝืนยิ้มพลางพูดว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า?”
มู่ชิงเกอยักคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นเรามาพนันกัน”
“คุณชายจะพนันอะไร?” เฉากุ้ยถามและแอบสั่งคนไปตามรัชทายาท
ประลองกับเจ้าอ้วนเช่านั้นเขาสามารถเล่นขี้โกงอย่างไรก็ได้ แต่กับมู่ชิงเกอ…ฐานะของมู่ซงที่พิเศษกว่า
เหล่าทหารที่อยู่ในอำนาจปกครองนั้นน่าเกรงขาม เขาไม่ระวังไม่ได้
พูดได้ว่าตอนนี้ระหว่างรุ่ยอ๋องและรัชทายาท หากผู้ใดสามารถดึงตัวมู่ซงไปเป็นพวกเดียวกันได้ ก็ถือว่าได้นั่งบนบัลลังก์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
การแต่งงานของมู่ชิงเกอกับองค์หญิงฉางเล่อและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มู่ชิงเกอมีให้กับรุ่ยอ๋องทำให้รัชทายาทไม่รู้จะลงมืออย่างไร จึงทำได้แค่ตั้งตัวเป็นศัตรูเท่านั้น
ตอนนี้รุ่ยอ๋องโดนลงโทษถือว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับรัชทายาท
พูดได้ว่า เฉากุ้ยนั้นคิดเผื่อรัชทายาทด้วยความจริงใจ เพราะฉะนั้นหลังจากที่มู่ชิงเกอปรากฏตัว เขาจึงไม่ได้พูดจาเสียดสีอะไรมากนัก เพราะเกรงว่าจะทำให้ความ สัมพันธ์ยํ่าแย่และเสียการใหญ่ของรัชทายาท อย่างไรก็ตามจะดึงมู่ชิงเกอมาเป็นพวกเดียวกันหรือจะเป็นศัตรู รัชทายาทเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน
มู่ชิงเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าแพ้ต้องคุกเข่าโขกหัวให้กับเจ้าอ้วนและตะโกนว่า ข้าสู้เช่าเย่เจ๋อไม่ได้”
เฉากุ้ยหน้าเสีย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะมีข้อเสนอแบบนี้ช่างรังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ
โชคดีที่ว่า เขาที่เป็นถึงคนของรัชทายาท จึงมีความสามารถในการเก็บความรู้สึกได้บ้าง
เขาเก็บความโกรธเอาไว้ในใจแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น พร้อมพูดว่า ถ้าหากคุณชายแพ้เล่า?”
“หากข้าแพ้ ข้าก็จะคุกเข่าโขกหัวให้กับเจ้า พร้อมพูดว่าเจ้าเหนือกว่าข้าสามรอบแบบนี้ยุติธรรมดีแล้วใช่หรือไม่?” มู่ชิงเกอพูดต่อว่า “หรือว่าเจ้าไม่กล้ารับคำท้า กลัวแพ้ข้าหรือ?”