ตอนที่ 75
หนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาหยอกล้อหญิงงาม
ณ ตำหนักองค์หญิงฉางเล่อ มู่ชิงเกอเฝ้าจนล่วงเวลาพลบคํ่า แต่ภายในห้องก็ยังคงเงียบสงบไร้วี่แวว
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ฤทธิ์ยาพิษในร่างกายขององค์หญิงหายไปหมดแล้ว ในตอนนี้ยังคงสลบอยู่” อยู่ๆ เสียงอันเลวร้ายก็ดังขึ้นในหัวของมู่ชิงเกออย่างคาดไม่ถึง
ทำให้มู่ชิงเกอที่กำลังดื่มชาเกือบจะสำลักตายเพราะน้ำชาในปาก
“แค่กๆๆ…” เวรเอ๊ย! อย่าทำให้ตกใจได้ไหม!
หลังจากลมหายใจกลับเป็นปกติ มู่ชิงเกอสีหน้าดำมืด ลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก หันหลังกลับไปมองห้องนอนทางด้านหลัง สำหรับคำพูดของนายตัวประหลาดนั้นนางไม่นึกสงสัย
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่บอก คำนวณดูจากเวลาแล้ว ฤทธิ์ของยานั้นก็ควรจะสลายไปได้แล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่นางจะอยู่ต่อ
มู่ชิงเกอปัดชุดที่ไม่มีฝุ่นผงติดอยู่อย่างสง่างาม แล้วก็เดินออกไป ผมสีดำปลิวไปตามสายลมอย่างเป็นธรรมชาติ
เพิ่งก้าวขาออกจากตำหนักองค์หญิงฉางเล่อ สายตาที่มองบรรยากาศนอกตำหนักนั้นสะท้อนความมืดมิดอยู่ชั่วขณะแล้วสายตานางก็ค่อยกลับไปเป็นเหมือนเดิม
แต่ภาพตรงหน้าไม่ใช่วิวทิวทัศน์เมื่อครู่
นางไม่ได้ยืนอยู่บนถนนหน้าตำหนักองค์หญิงอีก แต่กลับยืนอยู่กลางแผ่นดินเซียน
รอบๆ นั้นมีแต่ไอเซียนบางเบาเป็นหมอกสีขาวดุจเส้นด้าย
รอบๆ ตัวนาง เต็มไปด้วยต้นสาลี่ที่งดงามไร้ที่ติ ต้นสาลี่นั้นมีดอกสีขาวดั่งหิมะ งดงามจนยากละสายตา
มู่ชิงเกอในชุดสีแดง ยืนอยู่ตรงหน้าต้นสาลี่ เย้ายวนราวกับเลือดที่หยดลงมาจากบนฟากฟ้า มีความน่าหลงใหลดึงดูดบางอย่างอยู่
บรรยากาศรอบข้าง เห็นต้นสาลี่มากมายที่ไม่มีที่สิ้นสุด บนท้องฟ้าที่ไกลออกไปถูกหมอกสีขาวปกคลุมบดบัง
ภาพทิวทัศน์ในที่อันไกลพ้น
ทันใดนั้น เหล่าต้นสาลี่ตรงหน้านางพลันแยกออกเป็นสองฝั่ง เผยให้เห็นเส้นทางตรงสายหนึ่ง
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เดินเข้าไปด้วยอารมณ์สงบนิ่ง
พอนางเดินเข้าไป ต้นสาลี่ที่อยู่ข้างหลังตัวนางก็กลับมาประสานเข้ากันดังเดิม ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ยิ่งเดินลึกเข้าไป ต้นสาลี่สองข้างก็ยิ่งเปล่งประกายเป็นสีขาว และมีกลิ่นหอมแปลกประหลาดจางๆ บางอย่างโชยมา มู่ชิงเกอเดินไปตามทาง ได้ยินเสียงนํ้าไหลดังลอยมาเข้าหู
แม้จะได้ยินเสียง ฝีเท้าของมู่ชิงเกอก็ไม่ได้หยุดหรือเดินช้าลงเลย
ในที่สุดปลายทางก็อยู่ตรงหน้า มู่ชิงเกอเห็นบ่อนํ้าแห่งหนึ่งที่ห้อมล้อมไปต้นสาลี่
บนผิวบ่อมีหมอกสีขาวลอยอยู่ในนํ้าและยังมีฟองนํ้าเล็กๆ ผุดออกมา ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้นาง เส้นผมสีดำที่เปียกปอน ลอยอยู่บนผิวนํ้าเกี่ยวพันกันไปมา มีไอนํ้าจากความร้อนลอยวนเวียนอยู่ในบ่อ มีคลื่นนํ้าบางๆ ค่อยๆ ไหลผ่านกล้ามเนื้ออันตึงแน่นของเขา ร่างกายเหยียดตรงสูงสง่า ไหล่กว้างกำยำ ทุกที่ที่กวาดตามองไป ดูงดงามราวกับฟ้าบันดาล หยดนํ้าเป็นประกายไหลลื่นลงไปตามร่างกายอันสมบูรณ์แบบของเขา ราวฟ้าปั้นแต่งร่างกายอันงดงามของเขาออกมา ทุกส่วนดูน่าดึงดูด เย้ายวนเป็นที่สุด!
มู่ชิงเกอมองจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ร่างกายที่เหมือนมีฮอร์โมนความเป็นชายอันร้อนแรงนั้น ทำให้ริมฝีปากของนางเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลออกมา
กล้าสาบานกับทุกคนได้ว่า ในตอนที่นางเดินเข้ามาตามทางนั้น คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะมีภาพอันงดงามยวนใจเช่นนี้กำลังรอนางอยู่
อยู่ๆ นํ้าในบ่อก็กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น ชายหนุ่มคนนั้นหมุนกลับมาอย่างสง่างาม ปรากฏใบหน้าอันงดงามราวรูปสลัก คิ้วตาและริมฝีปากสีแดงดูสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด ทำให้อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ในโลกมนุษย์และบนสวรรค์ก็ยากจะหาใครมาเทียบเทียมได้
ปากของเขาเป็นสีแดงน่าดึงดูด แม้สีจะไม่ได้เข้มมากนัก แต่ก็ดูเปี่ยมเสน่ห์
ต้นสาลี่ที่เป็นประกายสีขาวรอบๆ เมื่อเทียบกับริมฝีปากของเขาแล้วพลันดูสูญเสียความเปล่งประกายไปเลย นัยน์ตาอันลึกลํ้านั้นดูลางเลือนดั่งภาพมายา ราวกับถูกประกายแสงสีนํ้าตาลปกคลุมอยู่ แววตาอันตรายผสมผสานกับความเย้ายวนกลายเป็นสีสันที่ดูแปลกตา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มู่ชิงเกอเห็นหน้าตานายตัวประหลาดจอมชั่วร้ายนี่ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ตกตะลึงมากถึงเพียงนี้
บางที จากการพบกันหลายครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้นางจดจำได้มากที่สุดคือความแข็งแกร่งอันน่าหวาดหวั่นของเขา
“มองพอหรือยัง?” เห็นท่าทางอึ้งงันของนาง ทำให้ความไม่พอใจที่มีมานานของซือมั่ว ค่อยๆ ดีขึ้นบ้างในที่สุด เมื่อก่อนหากมีผู้หญิงกล้ามองเขาอย่างโอหังเช่นนี้ คง จะโดนเขาป่นจนเป็นเศษธุลีไปแล้ว ต่างจากตอนนี้ที่มู่ชิงเกอมองเขาเช่นนี้ เขากลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย ในใจกลับรู้สึกได้ใจและชอบมากเวลาเห็นเสี่ยวเกอเอ๋อร์ตกตะลึงในความงามของเขา
‘อืม ดูเหมือนว่า นิสัยของเขาจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก’ ซือมั่วค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก น่าเสียดาย ที่กู่หยาและกู่เย่ถูกสั่งให้แยกไปก่อนไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะหากพวกเขารับรู้ได้ถึงความในใจของเจ้านายตนเอง ก็คงจะเอามือปิดหน้า แล้วพูดอย่างสิ้นหวัง า “ท่านประมุขนิสัยของท่านไม่ได้ดีไปกว่าเดิมหรอก แต่ต่างกันที่ตัวบุคคลต่างหาก! ไม่อย่างนั้น ท่านลองเปลี่ยนเป็นใครอีกคนมาทำแบบนี้ดูสิ รับรองเลยว่าท่านจะค่อยๆ ต้มคนๆ นั้นจนเปื่อยแน่”
กลิ่นหอมเข้มข้นดั่งสุรา เสียงทุ้มที่แฝงความแข็งแกร่ง ปลุกให้สติของมู่ชิงเกอกลับคืนมา
นางกะพริบตา ไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย “เจ้า พาตัวข้ามาที่นี่ ก็เพื่อจะให้ข้ามาดูไม่ใช่หรือ? เจ้าใจกว้างถึงเพียงนี้ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?” ระหว่างที่พูด ความตกตะลึงจากความงามก็ค่อยๆ ลดลง กลับคืนสู่ความนิ่งสงบดังเดิม
พูดจบนางก็มองไปรอบๆ บริเวณข้างบ่อนํ้าร้อน จัดวางโต๊ะเตี้ยๆ และเบาะรองนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง บนโต๊ะยังวางจานผลไม้สดและกาสุราสีเขียวดั่งหยกไว้กาหนึ่งด้วย
นางไม่คิดอะไรก็สาวเท้าเดินเข้าไปและสะบัดแขนเสื้อนั่งลงอย่างสบายอกสบายใจ ยกกาสุราขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง ดวงตาทั้งสองหรี่ตาและพูดด้วยความมึนเมาว่า “สุราดีจริงๆ บรรยากาศงาม คนงาม เหล้างาม ไม่เลว ไม่เลว!”
ท่าทางขี้เกียจและดูมีเสน่ห์อันชั่วร้ายแบบนั้น เหมือนกับหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลา กำลังหยอกล้ออยู่กับสาวงามอย่างนั้น