Skip to content

พลิกปฐพี 81-1

ตอนที่ 81-1

มู่ชิงเกอไม่ใช่คนไร้ค่า!

เมืองอี้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ แคว้นฉิน

ที่แห่งนี้คือเมืองที่ถูกปิดตาย ด้านซ้ายติดกับแคว้นถูที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับแคว้นฉิน ด้านขวาติดกับเทือกเขาฉินอันดุร้าย ในเวลากลางคืนสามารถได้ยินแต่เสียงสัตว์ ร้ายคำรามจากในหุบเขาฉิน

แคว้นถูและยอดเขาฉิน ล้อมเมืองอี้เอาไว้ตรงกลาง กองทหารตระกูลมู่ที่ประจำอยู่ที่นี่ไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่ต้องสังเกตความเคลื่อนไหวที่ยอดเขาฉิน แต่ยังต้องคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงภายในแคว้นถูทุกวินาทีอีกด้วย พื้นที่ที่มีความสำคัญทางการทหารแบบนี้ กลับต้องกลายมาเป็นพื้นที่รกร้างเพียงเพราะความหวาด ระแวงของฮ่องเต้

ที่นี่ไม่มีประชากรอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่เป็นที่ที่พาตัวนักโทษมาปล่อยไว้ในกองทัพตระกูลมู่เพื่อเป็นทหารทาสในเมืองอี้ การใช้ชีวิตทั้งหมดต้องพึ่งตระกูลมู่ที่อยู่ในลั่วตู ให้คอยขนย้ายปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตมาให้อย่างไม่ขาดและที่แบบนี้ก็คือพื้นที่ศักดินาของตระกูลมู่

ในขณะที่มู่ชิงเกอรู้ครั้งแรกว่าพื้นที่อันเลวร้ายแบบนี้เป็นพื้นที่ศักดินาของตระกูลมู่ นางก็อยากจะตบหัวไอ้ฮ่องเต้เฒ่าแล้วถามว่า “ไอ้ฮ่องเต้สารเลว นี่มันเจตนาดีตรงไหนกัน?”

โชคดีที่มู่ซงเป็นคนที่มีความอดทน ทนมาได้ถึงสิบยี่สิบปี ตระกูลอื่นๆ ที่มีพื้นที่ศักดินา ต่างก็ขูดเลือดขูดเนี้อของประชาชนในพื้นที่จนมั่งมี แล้วตระกูลมู่เล่า? ไม่เพียงแค่ไม่สามารถเก็บส่วยแต่ยังต้องเสียเงินให้กับที่แห่งนี้อีกด้วย

ภายในเมืองอี้ ไม่มีร้านค้า มีเพียงค่ายของกองทหารและป้อมปราการ

บนเทือกเขาที่เป็นกำแพงสูงชัน ป้อมปราการที่สร้างเรียงตัวกันบนเทือกเขา ก็คือที่ของเจ้าของเมืองแห่งนี้ในขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางการสั่งการของค่ายทหาร ตระกูลมู่

ทางทิศตะวันตกของป้อมปราการ จะเห็นทิวทัศน์ของแคว้นถู ทางขวาด้านนอกกำแพงเมืองที่คดเคี้ยว คืออาณาจักรแห่งสัตว์ป่าที่ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้อย่างยอด เขาฉิน

ในตอนนี้ เหนือท้องฟ้าในอาณาบริเวณของเมืองอี้ดังก้องไปด้วยเสียงคำรามของสัตว์รายนับไม่ถ้วนในอากาศและทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั้งในและนอกเมืองถูกย้อมไปด้วยเลือด แขนขาที่ขาด เศษเนี้อสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกที่

เปลวเพลิง โลหิต ส่องสะท้อนกัน ทำให้เมืองอี้กลายเป็นนรกบนดิน

กลุ่มควันหนาแน่นและไฟสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นพลันมีเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นและกึกก้องไปทั่วฟ้าเมืองอี้

จำไม่ได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เกิดการโจมตีจากสัตว์ร้าย แต่เมื่อมันเริ่มถอยกลับไป ก็ต้องรีบอาศัยช่วงเวลาอันยากที่จะมีนี้ ทหารตระกูลมู่ในเมืองอี้ที่ในมือต่างถืออาวุธที่ชำรุดผุพัง ก็จะปรากฏตัวขึ้นนั่งพักพิงที่กำแพงเมือง และบนพื้นดินอันหนาวเหน็บ

ทหารที่รับผิดชอบแจกอาหารหลังการสู้รบสองคน ช่วยกันยกกระบอกไม้ไผ่มาแจก*ชุยปิง (แผ่นแป้งนึ่ง) ในนั้น ให้ทุกคนทีละคน

แต่ทว่า สิ่งที่แจกจ่ายไปถึงมือของเหล่าทหาร ล้วนไม่ใช่ชุยปิงที่มีสภาพสมบูรณ์ แต่กลับเป็นซุยปิงที่ถูกแบ่งครึ่ง แต่ละคนได้เพียงครึ่งชิ้น

พวกเขามองชุยปิงที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ทหารบางคนอดทนต่อความโกรธแค้นในใจ แล้วกินอย่างมูมมาม บางคนกำชุยปิงไว้แน่นให้มันเป็นเนื้อเดียวกันกับเลือดเนื้อในมือของตนเอง

พวกเขาต้องเป็นแนวหน้าเผชิญหน้ากับความตาย แต่ท้องยังไม่ได้รับแม้กระทั่งความอิ่ม

นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน!

ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ความแค้น ความรู้สึกหลากหลายพุ่งเข้ามาหาพวกเขาดั่งสายนํ้า หากไม่ใช่เพราะคนที่พวกเขาเคารพนับถือยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงเลิกทำไปตั้งนานแล้ว

ทันใดนั้น เพราะว่าพักสงคราม แต่ในบริเวณสนามรบที่เงียบสงบกลับมีเสียงเกือกม้าดังขึ้น

นี่ทำให้ทหารตระกูลมู่ที่กำลังโหยหิวต่างลุกขึ้นและมองนอกกำแพงเมืองเป็นตาเดียวกัน นี่เป็นม้าของคนส่งสารของพวกเขาและเป็นความหวังเดียวของพวกเขา

ข้างล่างของกำแพงเมืองที่สูงเสียดฟ้า คนส่งสารที่เนื้อตัวเติมไปด้วยฝุ่นละอองลงจากหลังม้า เดินเข้ามายังกำแพงเมืองตรงป้อมปราการโดยไม่หยุดพัก ทหารนับหมื่นนับแสนของตระกูลมู่ต่างนิ่งเงียบ มองเขาที่เดินลับตาไป นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความหวัง

“รายงาน~~~!”

ผู้ส่งสารตะโกนเสียงตังตลอดทาง เดินเข้าสู่ป้อมปราการ อันเป็นที่สั่งการกองทัพ

มู่ซงที่กำลังสังเกตทิศทางสงครามเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลางมองผู้ส่งสารที่วิ่งเข้าประตูใหญ่มา เพราะการวิ่งอย่างรวดเร็วทำให้เสื้อเกราะบนตัวของเขา มีเสียงเหล็กกระทบกัน

“เป็นอย่างไร?” มู่ซงถามนิ่งๆ แต่ในสายตาที่ดูเหนื่อยล้าของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นจนหาที่สุดไม่ได้

ผู้ส่งสารเม้มปากแน่นพลางเงยหน้าขึ้นในตาอันแดงก่ำนั้น เต็มไปด้วยความทุกข์และกล่าวโทษตัวเอง เขาสบดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของมู่ซงแล้วพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ท่านแม่ทัพ พวกเขาคิดจะบีบเราให้ตายที่นี่!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” มู่ซงสงสัยและรีบถาม

รองแม่ทัพในชุดเกราะทหารตระกูลมู่ที่ยืนอยู่รอบๆ ต่าง ก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาและมองผู้ส่งสารเป็นตาเดียวกัน ผู้ส่งสารปากสั่นไม่หยุด ในขณะเดียวกันก้อนเนื้อตรงอกซ้ายก็เร่งจังหวะการเต้น

เขาประสานมือที่มีแผลถลอกเข้าด้วยกันแน่น พลางพูดกับมู่ซงด้วยนํ้าเสียงตะกุกตะกักว่า “ข้าน้อยรับคำสั่งให้ไปเร่งเสบียง ผลที่ได้รับกลับมาคือไม่มีเสบียงหลงเหลืออยู่เลย ทั้งๆ ที่ข้าน้อยเองเห็นกับตาว่าคนในเมืองฮั่นนั้น ผู้คนร่ำรวยมั่งมี อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เมื่อหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายข้าน้อยจึงไปขอความช่วยเหลือ จากแม่ทัพหานอวี้ แต่เขากลับบอกว่าเสบียงของพวกเขาเองก็ไม่เพียงพอ กอรปกับที่ไม่มีพระบัญชาจากองค์ฮ่องเต้พวกเขาจึงไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ”

“ขุนศึกเล่า?” มู่ซงถามเสียงแข็ง ในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธแค้น

ไม่ใช่แค่เขา แต่บนใบหน้าของเหล่ารองแม่ทัพก็เต็มไปด้วยความดุดัน เกิดความคิดอยากจะไปแย่งเสบียงอาหารจากเมืองอื่นๆ มา

“ขุนศึกอย่างนั้นรึ?” สายตาของผู้ส่งสารดูโกรธแค้นมากกว่าเดิม “ข้าน้อยไปขอความช่วยเหลือจากเขาหลายรอบ แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ โดยอ้างว่าเขากำลัง เตรียมการอยู่ทุกครั้งไป ให้เราอดทนรอไปก่อน ข้าน้อยไม่เชื่อ จึงแอบสะกดรอยตาม กลับพบว่าเขาไม่ได้กำลังเตรียมการอะไรทั้งนั้น แต่หาความสำราญอยู่ทุกวัน ไม่ได้ไปเตรียมเสบียงอาหารให้กับเหล่าทหารแต่อย่างใด ด้วยความโกรธแค้นข้าน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะไปหาเขาอีกรอบ แต่กลับถูกโบย 20 ไม้ ท้ายที่สุดก็ถูกไล่ออกมา”

“ไอ้บัดซบ!”

“ไอ้เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”

“ไอ้เฮงซวย!”

คำพูดของผู้ส่งสาร ทำให้เหล่ารองแม่ทัพโกรธจนแทบจะระเบิด

มู่ซงหน้าเคร่ง เม้มปากจนเป็นเส้นตรงไม่พูดอะไรสักคำ

“ท่านแม่ทัพ เราส่งข่าวกลับไปทางคุณหนูหรงเถิด! ขืนยื้อไว้แบบนี้ต่อไป พวกเราเหล่าทหาร 5 แสนกว่านายอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่” รองแม่ทัพคนหนึ่งอ้อนวอน มู่ซงส่ายหน้าอย่างทุกข์ใจ “ข้าส่งข่าวไปทางลั่วตูตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับอะไรเลย ไม่เพียงแค่ทางฮ่องเต้ที่ไม่ตอบกลับ แต่เหลียนหรงเองก็ไม่ ตอบกลับเช่นกัน”

“อะไรนะ!”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!” “ถ้าเช่นนี้ เมืองอี้ของเราก็โดนลอยแพแล้วใช่หรือไม่”

ทุกคนตื่นตระหนก

“ไม่มีเสบียงอาหารแบบนี้ จะรบต่อไปได้อย่างไร” ในขณะนี้เองก็เริ่มมีคนหมดกำลังใจแล้ว

มู่ซงหายใจเข้าลึกๆ ในอกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น พลางกล่าวด้วยสายตาเฉียบคมว่า “ต้องรบ! หากพวกเราพ่ายแพ้แล้วประชาชนนับล้านที่อยู่เบื้องหลังเราเล่า จะทำอย่างไร? พวกเรากองทหารตระกูลมู่ไม่ได้ทำเพื่อใคร ที่ทำก็เพื่อประชาชนที่สนับสนุนพวกเราทั้งนั้น!”

คำพูดของมู่ซงทำให้ทุกคนเงียบ

ในใจพวกเขาทั้งไม่ยินยอมและโกรธมาก แต่จะทำอย่างไรได้ พวกเขาเป็นลูกผู้ชายผู้แข็งแกร่งของตระกูลมู่ จะไม่สนใจความเป็นความตายของประชาชนได้อย่างไร

หากเมืองอี้แตก ทางขอบทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นฉินก็ไม่เหลือพื้นที่ที่จะกั้นเหล่าสัตว์ร้ายไม่ให้เข้าสู่แคว้นได้แล้ว อีกอย่างหากเมืองอี้ล่มสลาย หมดสิ้นกองทหารตระกูลมู่ แคว้นถูที่คอยจับจ้องแคว้นฉินอยู่ก็คงจะถือโอกาสโจมตีในตอนนั้น

‘ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงดูไม่ออกนะ! กระหม่อมไม่เคยมีจิตคิดเป็นอื่น เหตุใดพระองค์ถึงยังสงสัยในตัวกระหม่อมเช่นนี้?’ มู่ซงเงยหน้าขึ้นโดยไม่พูดอะไร ได้แต่ ลํ้ากลืนนํ้าตาร้อนผ่าวที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาไว้ในใจ

เสียงแห่งการสู้รบดังขึ้นอีกครั้ง

เสียงสัญญาณที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการจมตีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

มู่ซงตกใจ พลันรีบจัดการกับความรู้สึกที่สับสนวุ่นวายของตนเอง นำเหล่าทหารเดินออกจากห้องไป ยืนอยู่บนกำแพงเมืองที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันสีดำ

กรร~~~~~!

กรร กรร~~~~~!

อะวู้ว~~~~~!

วู้วว~~~~~

สัตว์นับหมื่นตัวรวมเสียงคำราม ราวกับทั้งพื้นดินนี้กำลังสั่นสะเทือน

ภายในยอดเขาฉินมีเหล่าสัตว์ที่ไร้ซึ่งความคิดรวมไปถึงมีสัตว์วิญญาณมีพลังวิเศษที่มีความนึกคิดอันแรงกล้า แต่ตอนนี้ กองทหารตระกูลมู่ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองกลับแยกไม่ออกเลยว่าตัวไหนเป็นสัตว์ธรรมดาและตัวไหนเป็นสัตว์วิญญาณที่มีพลังวิเศษ

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คือเหล่าสัตว์ร้ายที่กำลังจู่โจม เข้ามาเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง สัตว์พวกนั้นหน้าตาอัปลักษณ์การเคลื่อนไหวว่องไว นัยน์ตาสีแดงกํ่าบนร่างอันเต็มไปด้วยแรงมหาศาลนั้น กำลังพุ่งเข้ามาพังทลายกำแพงเมืองอี้ อยากจะพังกำแพงเมืองอี้เข้ามาเพื่อโจมตีภายในกำแพงแคว้นฉินอย่างโหดเหี้ยม

“ป้องกัน~~~~~”

บนกำแพงเมือง มีเสียงสัญญาณดังไม่หยุด กองทหารตระกูลมู่ที่เหนื่อยล้าและหิวโหยเป็นที่สุด ยืนขึ้นมาได้เพราะปณิธานอันแรงกล้า ในมือถืออาวุธที่แทบจะเป็นของไร้ประโยชน์พร้อมเริ่มสู้รบ

ตอนนี้ธนูก็ไร้สิ้นลูกศร คันธนูก็แตกหักไปแล้ว มีดดาบก็เริ่มชำรุด หม้อที่ต้มน้ำมันให้เดือดก็เหือดแห้งไปจนหมดแล้ว ก้อนหินก้อนใหญ่ก็ถูกโยนลงไปหมดแล้ว ไร้สิ้นอาวุธและเสบียงอาหาร คำนี้เป็นคำจำกัดความสภาพของกองทหารตระกูลมู่ในตอนนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!