Skip to content

พลิกปฐพี 81-5

ตอนที่ 81-5

มู่ชิงเกอไม่ใช่คนไร้ค่า!

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้กองทหารตระกูลมู่ลืมว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่และเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ไม่เว้นแม่แต่มู่ซง

บรรดาสัตว์ร้ายก็ค่อยๆ สงบลง แต่พวกมันยังคงล้อมรอบมู่ชิงเกอไม่ไปไหน

อยู่ๆ สัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลันออกมาจากทั่วทุกสารทิศ บนร่างกายของพวกมันมีแสงประกายสีคราม กระทั่งบางตัวยังเริ่มเข้าระดับสีม่วงแล้ว

สัตว์ร้ายที่มีความสามารถอยู่ในขั้นตํ่าต่างถอยหลังไป เหลือไว้เพียงแต่สัตว์วิญญาณที่มีพลังเหนือกว่ามู่ชิงเกอ

สายตาอันเยือกเย็นไร้เมตตาของพวกมัน กำลังจ้องมองมาที่มู่ชิงเกอ

ชุดสีแดงสดดั่งโลหิตสีแดง เป็นสิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในแววตาของพวกมัน

ฟันอันแหลมคมของมันมีเลือดเนื้อติดอยู่ กรงเล็บที่คมกริบและหน้าตาอันโหดเหี้ยมพวกนั้นรายล้อมตัวมู่ชิงเกอไว้

มู่ชิงเกอยิ้มเย็นในใจ คิดไม่ถึงว่าตนเองจะดึงดูดสัตว์ที่มีความสามารถมาได้มากถึงเพียงนี้ ในเมฆครึ้มสีดำสนิท สายฟ้าแลบส่องประกายให้เห็นเป็นระยะ

ราวกับว่าขุมพลังได้ถูกรวบรวมเอาไว้จนพร้อมแล้ว ขอเพียงแค่มู่ชิงเกอสั่งการมาคำเดียว ก็จะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า

อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็พลันรู้สึกว่าข้างหูของตนเองมีสายลมพัดผ่าน เงาคนในชุดสีดำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง

“เจ้าเองรึ!” มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง นางรู้จักคนผู้นี้ เขาเป็นองครักษ์ของคุณตัวประหลาด ผู้ที่เคยปรากฏตัวในวังหลวงคนนั้น

กู่หยามองมู่ชิงเกออย่างปวดหัว รับรู้ถึงกลิ่นอายความร้ายแรงของกระแสสายฟ้า พูดอย่างหนักแน่นว่า “ท่านประมุขให้ข้าอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลเจ้าอยู่ห่างๆ ด้วยความ สามารถของเจ้าแล้ว แม้จะสามารถทำให้เกิดพันสายฟ้าได้ แต่ก็อาจจะหมดแรงจนเสียการควบคุม ความสามารถระดับเจ้าตอนนี้หากใช้พันสายฟ้า ก็ไม่อาจบด ขยี้สัตว์วิญญาณทั้งหมดในที่นี้ได้ถึงตอนนั้นเจ้านั้นแหละที่จะกลายเป็นอาหารของพวกมัน ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อน”

มู่ชิงเกอหรี่ตา พลางส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไปไม่ได้”

กู่หยาขมวดคิ้ว พูดอย่างจริงจังว่า “เจ้ากำลังเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นนะ”

อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็ยิ้ม “ยังมีเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ? หากข้าหมดแรงแล้ว เจ้าค่อยพาข้าออกจากที่นี่ก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือ?”

กู่หยาพูดอะไรไม่ออก

ความเอาแต่ใจของมู่ชิงเกอ ทำให้เขารู้สึกหมดแรง

แต่ว่า เขาจะทำอย่างไรได้

ดังนั้น เขาทำได้เพียงระบายความอึดอัดภายในใจบนร่างของสัตว์ร้ายพวกนั้น

ตอนแรก การที่เขาอยู่ๆ ก็ปรากฏตัว ทำให้สัตว์ร้ายบางตัวเริ่มระวังตัว แต่การที่เขาพุ่งเข้าไปจู่โจม กลับทำให้สัตว์พวกนั้นโกรธ พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่คิดชีวิตและ อยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ

มีกู่หยาออกมารับหน้าอีกคนทำให้สัตว์ร้ายพวกนั้นเริ่มเบนความสนใจไปหาเขา ความกดดันที่มู่ชิงเกอต้องรับก็น้อยลง นางรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมด พลัง วิญญาณสีเขียวในมือเหมือนมีผ้าผืนบางเบาบดบังอยู่

เปรี้ยงๆๆ—

เสียงฟ้าแลบ ทำให้มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นผมสีดำปลิวสยาย

“พันสายฟ้า— ”

เมื่อสิ้นเสียง งูสายฟ้าตัวเล็กๆ ก็เกิดขึ้นบนก้อนเมฆสีดำ จากนั้นก็พุ่งลงเข้าหาสัตว์ร้ายพวกนั้นทันที

กรรรจิ—

โฮกกก!—

สัตว์ร้ายที่โดนสายฟ้าต่างก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด บางตัวก็ตายไปโดยไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้ร้อง

ภาพอันน่าตื่นตะลึงนี้ทำให้มนุษย์ทุกคนที่ยืนอยู่ตร กำแพงเมืองนิ่งอึ้ง

ภาพดั่งวันสิ้นโลกนี้ทำให้พวกเขาจ้องมองคนชุดแดงดั่งเปลวเพลิงโดยไม่ละสายตา

หลังจากการโจมตีในครั้งแรก ใบหน้าของมู่ชิงเกอก็เริ่มดูขาวซีดริมฝีปากไร้ซึ่งสีเลือด

กู่หยาพลันมาปรากฏตัวที่ข้างกายนาง เอ่ยปากเตือน แต่สายตานั้นยากจะปกปิดความตื่นตะลึงไว้ได้ “ใช้พันสายฟ้าเป็นวงกว้างขนาดนี้ พลังของเจ้าเสียไปมากแล้ว ห้ามลงมืออีก ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่!”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า เม้มปากแน่นพลางพูดว่า “ข้ายังใช้ พลังได้อีกครั้ง!” หากไม่ทำให้สัตว์เดรัจฉานพวกนั้นกลัว พวกมันจะยอมแพ้และล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีเมืองอี้ได้อย่างไร

พูดจบ นางก็รวบรวมพลังวิญญาณที่ยังเหลืออยู่ในร่างอีกครั้ง เพื่อขับเคลื่อนเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ขั้นสูง—พันสายฟ้า

สายฟ้าผ่าลงกลางพื้นดินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะเบากว่ารอบแรกหลายเท่า ความเยือกเย็นในแววตาของมู่ชิงเกอไม่ลดน้อยลงเลย มือทั้งสองข้างที่กำอยู่ก็ยังคงมีสายฟ้าวิ่งผ่านไปมา

แม้พลังวิญญาณจะหมดไป แต่นางยังมีความสามารถของนางอยู่! นางไม่เชื่อว่านางจะทำให้สัตว์เดรัจฉานพวกนี้กลัวไม่ได้!

ส่วนลึกที่สุดของหุบเขาฉิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของที่นี่ ที่ที่ควรจะเป็นที่อยู่ของสัตว์ในตอนแรก ในยามนี้กลับไม่เห็นสัตว์วิญญาณสักตัวกระทั่งกลิ่นไอก็ไม่มีแม้แต่น้อย

ภายในหลุมลึกหลุมหนึ่ง พลันมีเสียงประหลาดใจดังขึ้น ‘เอ๊ะ?’ และอีกเสียงหนึ่งก็ถามต่อว่า “เกิดอะไรขึ้นรึ?”

เสียงที่แสดงความประหลาดใจในตอนแรกพูดขึ้นอีกว่า “ภายในเขตแคว้นระดับสามของโลกชั้นล่างนี้ กลับมีผู้ครอบครองเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ได้”

“มีอะไรน่าสนใจกัน เคล็ดวิชาระดับสวรรค์แม้จะหาได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะโอกาสและวาสนาสัมพันธ์กันก็เท่านั้น” เสียงนั้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ

อยู่ๆ คนผู้นั้นก็พูดต่ออีกว่า “ไม่สิ เหมือนข้าจะได้กลิ่นอายธาตุวิญญาณ”

“เจ้าล้อเล่นอะไร? สถานที่ผุๆ เช่นนี้จะมีธาตุวิญญาณอะไรกัน? ข้ารู้ว่าจมูกของเจ้านั้นมีความสามารถในการหาสิ่งลํ้าค่า แต่พวกเราอย่าเสียเวลาอีกเลย ไล่พวกสัตว์ร้ายพวกนี้ไปให้หมด เกรงว่าหากยื้อไว้นานกว่านี้กลัวว่าจะทำให้คนอื่นๆ สงสัย ถึงตอนนั้นขุมทรัพย์นี้จะยังเป็นของเราสองคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”

เสียงนั้น พลันเงียบลง

บริเวณขอบแดนของเทือกเขาฉิน นอกเมืองอี้หลังจากที่มู่ชิงเกอใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนเองดับลมหายใจของสัตว์วิญญาณที่มีพลังระดับเดียวกับนางไปแล้ว นางก็ล้มลง

สัตว์พวกนั้นตกอยู่ในความตื่นกลัว จึงพุ่งเข้ามาโจมตีมู่ชิงเกอ

ราวกับว่า ทางเดียวที่จะทำให้มันหายกลัวได้คือฆ่าคนตรงหน้าทิ้งเสีย

แต่ในตอนนี้ กู่หยาเองก็ยังถูกสัตว์วิญญาณจำนวนมากรุมล้อมจนไม่สามารถมาช่วยเหลือในตอนนี้ได้

ในวินาทีแห่งความอันตรายนี้ มู่ชิงเกอรู้สึกถึงรังสีเข่นฆ่า ที่พุ่งเข้ามาหาตัวนาง ราวกับจะแล่เนื้อนางออกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น!

แต่ในขณะที่นางกำลังจะสัมผัสกับพื้นนั้น นางพลันตกลงไปในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น ความรู้สึกอบอุ่นนั้น ราวกับได้สัมผัสแสงอาทิตย์ยามแรกวัน แสงสีขาวจนแสบตานั่นห่อหุ้มตัวนางไว้ด้านใน จนไม่มีอะไรสามารถทำร้ายนางได้ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าดื้ออีกแล้วนะ!” ข้างหูมีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาและยังมีกลิ่นหอมประหลาดลอยมาเป็นระยะๆ

ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่ได้ยินเสียงนั่น มู่ชิงเกอก็รู้สึกผ่อนคลาย วางใจทิ้งตัวลงนอนหลับในอ้อมกอดของเขา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!