Skip to content

พลิกปฐพี 83-4

ตอนที่ 83-4

ยกเลิกการหมั้นหมาย

ในวังหลวง สิ่งที่รอต้อนรับมู่ซงและมู่ชิงเกอนั้นไม่ใช่งานเลี้ยงฉลองการชนะสงครามแต่เป็นการสอบปากคำที่เคร่งเครียด

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ชิงเกอได้เข้าสู่ตำหนักใหญ่

ภายในตำหนักนั้นไม่มีนางกำนัลอยู่เลยแม้แต่คนเดียว นอกจากฮ่องเต้ที่มีพระพักตร์ดำคลํ้าแล้วก็มีหานฮองเฮาที่ทรงกรรแสงไม่หยุดพร้อมกับรัชทายาทและรุ่ย อ๋อง แน่นอนว่ายังมีแม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้ที่ไปถ่ายทอดราชโองการในตอนนั้นอยู่ด้วย

ดูเหมือนว่าฮ่องเต้ฉินชางจะไม่อยากให้ใครรู้เรองนี้ เมื่อเห็นภาพบรรยากาศนี้แล้วมู่ชิงเกอก็กระจ่างถึงความคิดของฮ่องเต้แคว้นฉิน ก็จริงอยู่เรื่องที่ลงโทษหานเซิ่งด้วยโทษเพียงแค่นั้นจะแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร

ฉินชางเป็นคนฉลาด ดังนั้น หานเซิ่งเองก็ตายไปแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าปกป้องคนที่มีชื่อเสียงเน่าเหม็นเป็นแน่

“มู่ชิงเกอเจ้าสังหารพระญาติของราชวงศ์รู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด?” ฉินชางข่มขู่ในทันที

บู่ชิงเกอพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฝ่าบาท บู่ชิงเกอก็แค่ทวงความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารตระกูลบมู่ที่ต้องตายในเมืองอี้เท่านั้น”

ฮ่องเตฉินชางตรัสด้วยความพิโรธว่า “เรื่องที่หานเซิ่งละเลยในหน้าที่ ข้าได้จัดการแล้ว หากเจ้าไม่พอใจก็ควรจะมาบอกข้า แต่เจ้ากลับสังหารเขากลางถนน ไม่รู้จักเคารพกฎหมาย เจ้าเอาข้าไปไว้ที่ไหน?”

ฉินชางตื่นตระหนกจริงๆ เขาเพิ่งรู้ว่ามู่ชิงเกอไม่เพียงแค่ไม่เป็นคนไร้ค่า แต่ยังมีความสามารถพลิกฟ้า สายเขียวที่อายุเพียงสิบห้าปี หากเรื่องนี้ถูกกระจายออกไป ก็อาจจะทำให้แคว้นเพื่อนบ้านตื่นตระหนกได้

พระองค์อยากจะฆ่ามู่ชิงเกอมาก ทว่ากลับทำไม่ได้ ครั้งนี้กองทัพตระกูลมู่ได้รับความสูญเสียใหญ่หลวง มู่ซงเองก็กลํ้ากลืนความแค้นมากพอแล้ว หากยังจะลง โทษหลานชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขาอีก ไม่เท่ากับบีบมู่ซงให้กลายเป็นกบฏรึ? มู่ซงคนเดียวนั้นไม่น่ากลัว แต่กองทหารหลายแสนนายนั้นเล่า

หากแคว้นฉินลุกเป็นไฟขึ้นมา แคว้นเพื่อนบ้านที่คอยจ้องอยู่แล้วอาจจะเข้ามาฉีกทึ้งแคว้นฉินออกเป็นชิ้นๆ

เพราะฉะนั้นฮ่องเต้แคว้นฉินอย่างเขาทำได้เพียง พยายามอดทนไว้

หึ! ฮองเฮาช่างทำเรื่องได้งามหน้านัก!

ไม่ เพียง แต่ไม่สามารถฆ่ามู่ซงได้แต่ยังก่อปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก

สำหรับคำถามของฮ่องเต้แคว้นฉินนั้นมู่ชิงเกอยิ้มพลาง ตอบว่า “กระหม่อมก็เป็นแค่คนเสเพลคนหนึ่งจะรู้กฎหมายได้อย่างไร แค่ได้ยินประชาชนที่ยืนอยู่รอบๆ บอกให้สังหารหานเซิ่ง กระหม่อมก็เลยสังหาร”

คำพูดของนางแม้จะไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้สายพระเนตรของฮองเฮานั้นเต็มไปด้วยความอำมหิตความเคียดแค้น ในดวงตาคู่นั้นประหนึ่งยาพิษที่อยากจะเด็ดชีวิตของมู่ชิงเกอ

แต่ว่ามู่ชิงเกอมีหรือจะสนใจ

ยาพิษจริงๆ นางยังไม่กลัว แล้วจะกลัวสายตาของนางรึ?

จ้อง จ้องต่อไปสิ นางชอบท่าทางเคียดแค้นจนอยากจะฆ่าให้ตาย แต่ก็ไม่มีความสามารถจะทำอะไรได้ ได้เพียงแต่โกรธเช่นนั้น

นางไม่สนใจอยู่แล้วว่าหานฮองเฮาจะแค้นจนกระอักเลือดหรือไม่

ท่ามกลางสายตาของหานฮองเฮาที่เต็มไปด้วยความพยาบาทนั้น มู่ชิงเกอยิ้มกว้าง

ท่าทางเยาะเย้ยเช่นนี้ ทำให้หานฮองเฮากริ้วจนเกือบจะขยี้ผ้าเช็ดหน้าในมือให้แหลกละเอียด

“ฮ่องเต้พระองค์ต้องทรงทวงความยุติธรรมให้กับหานเซิ่งนะเพคะ แม้ว่าเขาจะสมควรตาย แต่ก็ต้องให้พระองค์เป็นผู้ตัดสิน สังหารกันกลางถนนเช่นนี้ได้อย่าง ไรกัน เห็นตระกูลหานเป็นอะไรกัน?” ฮองเฮาตรัสทั้งนํ้าตา

ตอนนี้ฉินจิ่นซิวดูดีขึ้นมาแล้ว เขายืนอยู่ข้างๆ ฮองเฮา พลางใช้สายตาอันโหดเหี้ยมมองมู่ชิงเกอเช่นกัน แต่รุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าวนั้นดูเงียบสงบผิดปกติ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เสียงสะอื้นของหานฮองเฮา ทำให้ฉินชางขมวดคิ้ว สายตาที่มองมู่ชิงเกอนั้นดูแย่ลงกว่าเดิม ขณะนี้เองมู่ซงก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท เรื่องในครั้งนี้เกอเอ๋อร์ทำลงไปเพราะอายุยังน้อยจึงขาดการยั้งคิด แต่เลือดเนื้อที่กองทัพตระกูลมู่เสียไปนั้นจะเสียไปเปล่าๆ ไม่ได้ เพื่อปลอบขวัญเหล่าทหาร อย่างไรเสียหานเซิ่งก็ต้องตาย แล้วในวันนี้เกอเอ๋อร์ก็เพียงทำให้เขาตายเร็วขึ้นก็เท่านั้น แม้จะดูบ้าบิ่นไปบ้างไม่ทันได้คำนึงถึงพระองค์ แต่ก็สามารถปลอบขวัญเหล่าประชาชนได้ทำให้พวก เขาสำนึกในพระเมตตาของพระองค์”

สำนึกในพระเมตตาอย่างนั้นหรือ? สำนึกในพระเมตตาบ้าบออะไรกัน! หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าป่าวประกาศไปทั่ว ประชาชนพวกนั้นจะรู้อะไร?

ฉินชางอยากจะตะโกนด่ายิ่งนัก แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ ยิ่งโมโห เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า ฮองเฮาเดินหมากไร้ประโยชน์ยิ่งนัก จึงไม่มองนางเลยแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว หานฮองเฮาที่กำลังร้องห่มร้องไห้หลังจากที่เห็นสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ฉินชางก็ตกพระทัย พระนางรู้ว่าฮ่องเต้องค์นี้กำลังคิดหาใครสักคนมารับผิดในเรื่องนี้จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ฮ่องเต้ฉินชางตรัสอย่างลำบากพระทัยว่า “ขุนนางมู่ แม้จะพูดเช่นนี้แต่การกระทำของมู่ชิงเกอนั้นกำเริบเสิบสานเกินไปจริงๆ หากไม่ลงโทษสถานหนัก แล้วมีคนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ข้าจะทำอย่างไร?”

มู่ซงก้มหน้าลงพลางพูดว่า “ฝ่าบาททรงตรัสได้ถูกต้องพะยะค่ะ”

หืม?

ปฏิกิริยาของมู่ซงทำให้ฉินชางคิดไม่ถึงว่าทำไมมู่ซงกลายเป็นคนว่าง่ายขึ้นมาถึงเพียงนี้ขนาดเรื่องการลงโทษ ยังตอบรับด้วยท่าทางภักดีอีกด้วย?

ดังนั้นพระองค์จึงหลุดโอษฐ์ตรัสกับมู่ซงว่า “แล้วเจ้าว่า ข้าควรลงโทษเขาอย่างไร?” พอคำพูดนี้ออกไป ฉินชางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ตัวเองยกอำนาจให้กับมู่ซงเองเช่นนี้เลยรึ?

แต่มู่ซงกลับยิ้มหน้าตาย

ในใจยิ่งชื่นชมหลานชายสุดที่รัก…ไม่สิ หลานสาวสุดที่รักมากขึ้น เขาเดินตามหมากที่มู่ชิงเกอวางเอาไว้และมันทำให้ฮ่องเต้มอบอำนาจให้กับเขาด้วยองค์เองจริงๆ หลานสาวของเขาไม่เพียงแต่ความสามารถล้นเหลือทว่าความคิดก็ฉลาดลํ้าจริงๆ!

จากนั้น เขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “ขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงไว้ใจกระหม่อม”

จบคำพูดนี้ ฮ่องเต้ฉินชางอยากจะปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตรัสถามต่อว่า “ไหนว่ามาซิ”

มู่ซงเงยหน้าขึ้นมองฉินชางครู่หนึ่งแล้วก้มหน้าลงพลาง พูดว่า “เกอเอ๋อร์ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ความจริงก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ก่อนอื่นกระหม่อมคิดว่าเพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของราชวงศ์แอาไว้และเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเด็กนี่ทำให้ราชวงศ์ต้องมัวหมอง ฝ่าบาทควรยกเลิกสมรสที่ทรงพระราชทานให้แก่ตระกูลมู่ องค์หญิงฉางเล่อนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ ควรจะมีคู่ครองที่ดีกว่านี้และไม่ใช่เจ้าคนไม่เอาไหนเช่นนี้ของตระกูลเรา”

ยกเลิกการหมั้นหมายรึ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!