Skip to content

พลิกปฐพี 94-2

ตอนที่ 94-2

วังหลวงวุ่นวาย บังเกิดคลื่นลม!

เพียงแค่เขายกมือขึ้น กองทหารเขี้ยวมังกรจำนวนหนึ่งก็เคลื่อนตัวออกมา เตรียมพร้อมที่จะเปิดประตูวังหลวง

ทหารที่เฝ้าอยู่บริเวณประตูวังหลวงถูกกระจายกำลังให้เข้าไปอยู่ภายในวังหลวงและปิดประตูวังหลวงไว้อย่างสนิทถึงเพียงนี้หากไม่ใช่เพราะรอพวกเขาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แล้วคืออะไรเล่า

รุ่ยอ๋องและรัชทายาทล้วนต้องการชื่อเสียงในทางที่ดี ทั้งสองต่างต้องการความเคารพนับถือ แต่นางไม่ต้องการ

ปัง! ปัง!

และแล้วประตูวังหลวงอันหนาแน่นก็โดนกองทหารเขี้ยวมังกรพังทลายลง

เศษซากของประตูบานใหญ่ร่วงหล่นกระจายลงสู่พื้น เผยให้เห็นภาพเบื้องหลังประตู

ท่ามกลางความเงียบสงบ ราวกับมีกลิ่นอาย

แห่งความตายลอยมา

บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยไอสังหาร

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง มุมปากกระตุกยิ้มอันเหี้ยมโหด นางได้กลิ่นไอสังหารที่ซ่อนอยู่ในอากาศ แม้ว่าจะถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี แต่จะทำอย่างไร ได้ในเมื่อตัวนางนั้นคุ้นเคยกับไอสังหารเป็นอย่างดี

ด้านหลังประตูวังหลวง เชื่อมต่อกับทางเดินอันกว้างใหญ่ รอบๆ ทางเดินทอดยาวถูกล้อมรอบไปด้วย กำแพงอันสูงลิ่ว นอกจากประตูสองบานแล้ว รอบๆ ก็มีเพียงแค่บันไดที่สามารถขึ้นไปเหนือกำแพงได้

ในตอนนี้ประตูบานหนึ่งได้ถูกทำลายลงไปเรียบร้อยแล้ว ประตูอีกบานที่เชื่อมกับทางเข้าวังหลวงกลับถูกเปิดออก

ประตูบานนั้น ราวกับเป็นปากของสัตว์ป่า ที่อ้ารอคนเข้าไป

ความมืดมิด ครอบงำพื้นที่ทั้งหมดในนี้ในตอนนี้ นางประหนึ่งได้ยินเสียงเต้นของหัวใจจากผู้คนที่ยืนอยู่ด้านในของกำแพงวังหลวง

มู่ชิงเกอเลียริม’ฝืปากสีโลหิตอันน่าเย้ายวน แววตาของนางแฝงความกระหายเลือด

“คุณชาย” มั่วหยางเข้ามาใกล้รอฟังคำสั่งของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพลันขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เข้าไป”

แม้ว่าจะกระจ่างเป็นอย่างดีว่ามันคือกับดัก แต่ก็ยังคงเลือกที่จะกระโดดเข้าไป

หากไม่ใช่เพราะความซื่อสัตย์และความเชื่อใจที่กองทหารเขี้ยวมังกรมีต่อมู่ชิงเกอในขณะนี้ อาจจะมีคนกลัวจนถอยกลับไป

อาชาเพลิง ใช้พลังเฉพาะตัวของสัตว์ป่าที่มีสติปัญญาในการคุ้มกันเจ้าของของตนเองเอาไว้ ค่อยๆ เดินเข้าไปในประตูวังหลวงที่แตกหัก ในทางเดินราวกับมีเพียงเสียงคำรามและเสียงเกือกม้าที่ดังก้องอยู่

เหล่ากองทหารเขี้ยวมังกรยังคงรักษาความเงียบ และความเยือกเย็นเอาไว้ ราวกับในใจนั้นมีเพียงเป้าหมายเดียว คือสังเกตความเคลื่อนไหวรอบๆ อย่างจดจ่อ

ชุดสีแดงและเสื้อเกราะ ลมเย็นท่ามกลางเมฆสีรัตติกาลพัดผ่านมา ลมหายใจของทั้ง 500 คน ต่างก็อยู่ในระดับความถี่เดียวกัน ตำแหน่งของแต่ละคน ก็ดูเหมือนว่าจะเว้นระยะในอัตราส่วนที่เท่ากัน

พวกเขาเคลื่อนตัวไปตามมู่ชิงเกอที่อยู่ในชุดแดงเพลิงและสวมเกราะป้องกันตัวสีเงิน ดวงตาอันเฉียบคม ดั่งอินทรีเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน ราวกับได้ลบล้างไอสังหารอันมหาศาลที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ

ในทุกย่างก้าว พวกเขาต่างก้าวเดินอย่างช้าๆ ราวกับจงใจ

และคนที่หลบซ่อนตัวเพื่อรอคอย ต่างรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า การรอคอยมันแสนจะยาวนาน ทำให้มือที่กำอาวุธอยู่สั่นอย่างไม่รู้ตัว

“อย่า! อย่าเข้ามา! รีบหนีไป!”

ทันใดนั้น เสียงอันตื่นตระหนกก็ได้ดังขึ้นท่ามกลางอากาศ จนทำลายความเงียบสงบอันแฝงไปด้วยอันตรายบริเวณประตูวังหลวง

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแล้วมองไปยังทางที่ทอดยาว

เงาของใครคนหนึ่งที่สวมชุดสีดำ กำลังพุ่งตัวมาหานาง คำพูดในปาก ราวกับกำลังจะเตือนภัยอะไรบางอย่างกับนาง

เพียงพริบตา คนผู้นั้นก็พุ่งตัวออกจากทางเดินดั่งผีเสื้อราตรีและปรากฏตัวบนลานที่มีระยะห่างจากมู่ชิงเกอเพียงแค่เอื้อมมือ แต่ความเป็นจริงแล้ว กลับมีทางเดินอันกว้างใหญ่กั้นพวกนางเอาไว้

ทันใดนั้น มู่ชิงเกอราวกับเห็นรอยยิ้มอันเฉิดฉาย ความปีติและความตื่นตระหนกในขณะเดียวกัน

ในขณะนั้นเอง!

ศรธนูสีครามเหลือบฟ้าดอกหนึ่ง พลันส่งเสียงหวีดหวิว ทะลุแหวกอากาศแล้วพุ่งตรงมาที่กลางหลังของคนผู้นั้นอย่างแม่นยำ

แสงที่ส่องประกายอยู่ เมื่ออยู่ในรัตติกาลเช่นนี้ช่างดูโดดเด่นเป็นที่สุด

มู่ชิงเกอที่นั่งอยู่บนหลังเพลิงรัตติกาลอย่างเกียจคร้านในตอนแรก นั่งตัวตรงในทันที แล้วโดดลงจากหลังม้าและพุ่งไปหาคนๆ นั้นอย่างไม่ลังเล

แต่ทว่า ในที่สุดนางก็ช้าไปก้าวหนึ่ง

ในขณะที่นางโดดลง ลูกศรธนูอันแหลมคมก็ได้ทะลุผ่านร่างของคนที่ยังคงวิ่งไปข้างหน้า

สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนๆ นั้นยังคงอยู่ในท่าวิ่ง ผ้าคลุมสีดำปลิวลงกลางอากาศ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง

“เหลียนเหลียน!” ความไม่คาดคิด ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นภายในใจของมู่ชิงเกอ นางหรี่ตาทั้งคู่ลงในทันที พลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉินอี้เหลียน คว้าร่างที่พุ่งอยู่และกำลังจะล้มลงได้ทันเวลา

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” มู่ชิงเกอดึงร่างของฉินอี้เหลียนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ในสายตานอกจากความไม่คาดคิดแล้ว ยังมีความตื่นตระหนกซ่อนอยู่

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป

ระหว่างที่นางเข้าสู่ประตูวังหลวง จนกระทั่งฉินอี้เหลียนปรากฏตัว ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น กล่าวได้ว่า การปรากฏตัวของฉินอี้เหลียน ยังไม่ทันที่นางจะรู้สึกตัว เหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

นางคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ส่งเลียงเตือนจะเป็นองค์หญิงหย่งฮวนฉินอี้เหลียน หญิงสาวผู้ที่จิตใจบริสุทธิ์ดั่งสายนํ้า ขาวสะอาดดั่งกระดาษคนนั้น

ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นางไม่อยากทำร้ายและไม่หวังให้ถูกทำร้าย

และหญิงสาวผู้นั้นเองที่ในขณะนี้กำลังหายใจอย่างรวยรินอยู่ภายใต้อ้อมกอดของนางเอง

“พี่ชาย ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” มุมปากของฉินอี้เหลียนมีเลือดซึมออกมาและรอยศรธนูเล็กใหญ่ บริเวณหน้าอก ก็ได้ย้อมชุดที่นางสวมอยู่จนกลายเป็นสีแดงแห่งโลหิต

แต่ว่า นางยังคงราวกับไม่รู้สึกอะไร มองใบหน้าของมู่ชิงเกอพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดี

“ฆ่า——— ! ฆ่า——— ! ฆ่า——— !”

การพรวดพราดเข้ามาของฉินอี้เหลียน ทำให้ทหารที่ชุ่มซ่อนอยู่เสียแผน

ทหารที่ซ่อนตัวทนรอต่อไปไม่ไหว จึงพุ่งตัวออกมาในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!