ตอนที่ 97-4
บดขยี้แคว้นถูแล้ว คุณชายท่านเท่มาก
ในผมทุกๆ กระจุก ต่างก็มีป้ายไม้ห้อยอยู่ ด้านบนสลักไว้ว่าเป็นเส้นผมของ ‘ใครบ้าง’
และเส้นผมของคนพวกนี้ ต่างก็เป็นผู้มีอำนาจภายในแคว้นถู ตระกูลอันสูงส่ง ขุนนางรวมทั้งเส้นผมของนางสนมในวังหลวง
ผมหลายร้อยจนเกือบพันกระจุกถูกแขวนอยู่บนกำแพงเมือง และปลิวไปมาตามสายลม ภาพนั้นช่างน่ากลัว และสร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“ใต้…ใต้…ใต้เท้า!” ทหารที่เฝ้าประตู เห็นชื่อหนึ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากบนป้ายไม้ เพราะเป็นชื่อของหัวหน้าของเขาเอง และเป็นทหารผู้ควบคุมดูแลทหารที่เฝ้า ประตูเมืองด้วย ทันใดนั้น หน้าของเขาพลันซีดเผือดลง และกำลังจะหันกลับไปรายงาน ในขณะเดียวกับที่เขากำลังหันกลับไป ก็ได้เห็นหัวหน้าของตนเองที่ดูท่าทางตื่นกลัว เดินเข้ามาพร้อมกับผมเว้าแหว่งประหนึ่งถูกสุนัขรุมกัดมา
เขาเห็นชื่อของตนเองท่ามกลางป้ายไม้พวกนั้นในทันที สีหน้ากลายเป็นมืดมนยากจะคาดเดา สุดท้ายหยุดอยู่ที่ความขาวซีดและความหวาดผวา
เพราะอยู่ๆ เขาก็คิดได้ว่า หากคนที่ตัดผมของเขาไป ไม่ได้ตัดผม แต่ตัดหัวของเขาล่ะก็…
ความคิดนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นในหัวของเขาเท่านั้น แต่ได้เกิดขึ้นกับเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงทุกคนที่ตื่นมาแล้วพบว่าบนหัวของตนเองเย็นวาบ
แต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น…
นอกประตูเมือง ไม่นานก็เต็มไปด้วยประชาชนแคว้นถู จำนวนมากมายที่มารวมตัวกัน เส้นผมที่ยังไม่ทันได้ถูกเก็บทิ้งทำใหัพวกเขาตื่นตระหนก แม้ว่าพวกเขาจะชื่นชอบการทำสงคราม แต่ก็ถูกภาพอันน่าหวาดผวาพวกนี้ ทำให้สะพรึงกลัว
สามารถตัดผมของคนพวกนี้มาได้อย่างไม่ทำให้พวกเขารู้ตัว เขาเป็นผู้ใดกัน เก่งกาจมากเพียงใดเชียว ประชาชนแทบจะทุกคนของแคว้นถู เมื่อเห็นเส้นผมที่ ปลิวไสวไปมาตามสายลมพวกนั้น ต่างก็รู้สึกถึงไอเย็นบนลำคอของตนเอง
ราวกับมีอาวุธวางอยู่ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้
ภายในแคว้น เมืองหลวงที่คึกคักมาตลอดทั้งคืน บนพื้นถนนเล็กใหญ่เต็มไปด้วยกระดาษสีขาวที่ประทับไปด้วยตัวอักษรสีดำ
บนกระดาษมีเพียงประโยคเดียวและเขียนด้วยสองภาษา
แบบหนึ่งคือตัวอักษรแคว้นถูที่ประชาชนแคว้นถูต่างคุ้นเคย อีกแบบพวกเขาไม่คุ้นเคย แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่า เป็นตัวอักษรแคว้นฉิน
ซึ่งเขียนว่า…[ผู้ก่อความเดือดร้อนให้กับแคว้นฉิน ตัดผมก่อน หากทำอีก เด็ดหัว!]
ทั่วทั้งหวังถิง เต็มไปด้วย ‘ใบปลิว’ มากมาย คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกโกรธและถูกกระตุ้นความกระหายเพราะคำพูดเหล่านั้น แต่ทว่า หลังจากที่ได้ยินเรื่องเส้นผมหลังกำแพงเมือง จึงพบว่า บางทีบนกระดาษพวกนั้น อาจจะไม่ใช่แค่การข่มขู่ ราวกับว่า เพียงค่ำคืนเดียว หวังถิงแคว้นถูก็ถูกกลิ่นไอบางอย่างจู่โจม ทำให้หวังถิงตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวและทุกคนต่างหวาดระแวง
สิ่งที่น่าตื่นตระหนกไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ได้มีข่าวกระจายออกมาทั่วทุกสารทิศของแคว้นถูว่า เหล่าขุนนางในทุกๆ เมือง ต่างก็โดนกระทำเช่นเดียวกัน
เพียงคํ่าคืนเดียว ทั้งตระกูลชั้นสูงที่อยู่เบื้องบนและขุนนางชั้นผู้น้อยต่างก็ผมสั้นกันถ้วนหน้า
หากบุคคลลึกลับเหล่านั้น มิได้ตัดผม แต่ตัดหัว…
เพียงนึกถึงผลลัพธ์ ทุกคนในแคว้นถูต่างก็ถอนหายใจอย่างเย็นเยียบ
บางที แคว้นถูอาจจะล่มสลายภายในคืนเดียว แบบนี้สินะที่เรียกว่าฆ่าล้างโคตร
การลงมือโดยที่ไม่ต้องแปดเปื้อนเลือดเลยแม้แต่น้อย แต่สามารถทำให้ใจของทุกคนและทุกซอกทุกมุมของแคว้นถูตื่นตระหนกได้ แบบนี้มันทำลายขวัญกำลังใจ มากกว่าล้างด้วยเลือดเสียอีก มันเป็นการทำลายปณิธานในใจของผู้คนโดยแท้
ความสามารถในการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ช่างคล้ายดั่งปีศาจ
ใครริบังอาจท้าทายกฎหมาย ใครมันอยากตายเช่นนี้ ทั้งแคว้นถูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกอยู่ท่ามกลางความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในวังหลวงมี ข่าวกระจายออกมาอีกครั้ง
ข่าวที่ว่านี้คือ—ฮ่องเต้ของพวกเขาหายไป!
บริเวณที่ไกลออกไปจากอาณาเขตแคว้นถู กู่หยามองไปยังทิศทางของแคว้นถู ในแววตาฉายแววชื่นชม เขามองคนชุดสีแดงเจิดจ้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าควรจะ บรรยายความกลัวในใจของตนเองอย่างไร ให้ตายเถอะ เขาก็คิดไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอจะใช้วิธีการเช่นนี้ กวาดล้างแคว้นถูจนหมดสิ้น
ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปแล้ว สำหรับแคว้นถู แคว้นฉินอาจจะกลายเป็นเงาอันโหดร้ายไปแล้ว หากพวกเขายังกล้าคิดไม่ซื่อกับแคว้นฉิน ภาพในวันนี้จะโผล่ขึ้นมาหลอกหลอนพวกเขา ทำให้พวกเขากลัว จนต้องจับคอของตนเองอย่างไม่รู้ตัว วิธีการอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ นางคิดได้อย่างไร ทันใดนั้น กู่หยาพลันรู้สึกว่ามู่ชิงเกอได้แฝงความ ‘น่า กลัว’ และควรรักษาระยะห่างเอาไว้ หากไม่เช่นนั้น วันหนึ่งหากเขาทำให้นางไม่พอใจ จะต้องตายในสภาพใดก็ไม่อาจรู้ได้
กู่หยาก้าวออกมาสองก้าวอย่างเงียบๆ และคิดทบทวนความสัมพันธ์กับมู่ชิงเกอว่าตนเองทำอะไรให้นางไม่พอใจหรือเปล่า
“ไปเถอะ ละครสนุกๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว” มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มอย่างเย็นเยียบ พลันขึ้นบนหลังม้าไปอย่างสง่างาม
ด้วยความไวของอาชาเพลิงแล้ว เพียงวันเดียวก็สามารถถึงที่ราบลั่วรื่อได้ ละครสนุกฉากที่สองที่นางได้วางเอาไว้ อยู่ที่ที่ราบลั่วรื่อต่างหาก
กู่หยามองกระสอบที่วางอยู่ข้างเท้าของตนเอง พลันยกขึ้นอย่างจำยอมอีกครั้งและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อาชาเพลิง เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เส้นผมของมู่ชิงเกอปลิวไสวไปตามสายลม ริมฝีปากแดงกํ่าผุดรอยยิ้มจางๆ
ครั้งนี้ กองทัพพันเพลิง ไม่ทำให้นางผิดหวัง
กองทัพนี้ก็ไม่เลว!
ม้าขององครักษ์เขี้ยวมังกรทุกคนเป็นอาชาเพลิงที่ฝีเท้าไวกว่าม้าธรรมดาไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เมื่อคืนตัดผมอยู่ที่หวังถิงแควันถู แต่วันนี้พวกเขาได้เข้าสู่ที่ราบลั่วรื่อแล้ว เมื่อมาเยือนที่ราบลั่วรื่ออีกครั้ง ในใจของมู่ชิงเกอเกิดความว้าวุ่นขี้น
มองไปยังที่ราบลั่วรื่อที่ห่างเพียงเอื้อมมือ แต่ทิวทัศน์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นางหวนคิดถึงตนเองตอนที่พื้นและคลานออกมาจากกองศพ
ตอนนั้น นางยังไม่กระจ่างเกี่ยวกับโลกใบนี้
ในวันนี้ นางกลับเข้ากับโลกอันแตกต่างนี้ได้อย่างสิ้นเชิงและได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเอง
นางควรจะขอบคุณมู่ชิงเกอ นางยืมร่างของมู่ชิงเกอมา และได้กลายเป็นมู่ชิงเกอนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“คุณชาย รองผู้บังคับบัญชาการซ่งนำกองทหารทำสงครามกับเฮ่อเหลียนจ้านแห่งแคว้นถูหลายวันแล้วและได้ขับเคี่ยวกันมาในสงครามหลายครั้ง ผลลัพธ์มีทั้งแพ้และชนะ” มั่วหยางมาหยุดอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอและตัดบทความคิดของนาง
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมละความพยายาม ผลลัพธ์นี้เป็นไปตามที่มู่ชิงเกอคิดเอาไว้ อุปนิสัยของเฮ่อเหลียนจ้านนางไม่กระจ่างมากนัก นางรู้เพียงว่าเขาโหดเหี้ยม ใจร้อนเลือดเย็นไร้ซึ่งความปรานี และชื่นชอบการทำสงคราม บางที เขาอาจจะทน รอการเปิดศึกชี้เป็นชี้ตายกับแคว้นฉินไม่ไหวแล้ว สามารถยื้อเวลาไว้หลายวันเช่นนี้ได้ ถือเป็นความสามารถที่ควรค่าแก่การชื่นชมของรองผู้บังคับบัญชาการซ่ง
พยักหน้าหน้าเบาๆ มู่ชิงเกอนำองครักษ์เขี้ยวมังกรเข้าสู่ เขตที่ราบลั่วรื่อ
ภายในที่ราบลั่วรื่อ บนพื้นดินเต็มไปด้วยดินแดง โดยไม่มีสีเขียวแม้แต่เสี้ยวเดียว พื้นดินของที่นี่แดงกว่าดินแดงในพื้นที่อื่นๆ รวมทั้งเป็นผลจากการที่ถูกเลือดสด จำนวนมากอาบย้อม
ภายใต้ดินแดงแห่งนี้ มีโครงกระดูกฝังอยู่มากมาย บางทีอาจจะในวินาทีที่ชีวิตของพวกเขาได้มอดไหม้ พวกเขาจึงสามารถปล่อยวางบ้านเมืองของตนเองได้ แล้วจึง ก้าวไปยังโลกอีกใบหนึ่ง องครักษ์เดิมของมู่ชิงเกอเองก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ การมาเยือนพื้นที่แห่งนี้ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่นางที่รู้สึกสับสน แต่ทว่า องครักษ์เขี้ยวมังกรเองก็เช่นกัน เพื่อนร่วมชะตากรรมก่อนหน้านี้ของพวกเขาตายเพราะ มู่ชิงเกอ และเป็นเพราะการตายขององครักษ์ก่อนหน้านี้ นั้นจึงทำให้พวกเขากลายเป็นองครักษ์ของมู่ชิงเกอในตอนนี้ เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ นับจากนั้น และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ระลึกถึงหรือขอบคุณ…ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถบรรยายได้อย่างถูกต้อง แต่ทว่า ความคิดหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกัน นั่นก็คือ แก้แค้นให้กับองครักษ์กล้าทั้งห้าร้อยนาย ทหารแคว้นถูฆ่าพวกเขา ถ้าเช่นนั้น ในวันนี้ พวกเขาจะใช้หนึ่งชีวิตแลก ร้อยชีวิต ใช้ศีรษะห้าร้อยศีรษะสังเวยวิญญาณของเหล่าองครักษ์
ความมุ่งมั่นเช่นนี้ ทำให้เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรสาดประกายรังสีสังหารอันเหี้ยมโหด ดั่งปีศาจร้ายที่หิวกระหาย
ไอสังหารนี้ มู่ชิงเกอสัมผัสได้ แต่กลับไม่ได้ห้าม
ไม่นาน ธงแสดงสัญลักษณ์ของแคว้นฉินก็เคลื่อนเข้าสู่สายตาของทุกคน
มั่วหยางพูดกับมู่ชิงเกอ “คุณชาย ข่าวจากหวังถิง แคว้นถู ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าหูเฮ่อเหลียนจ้าน”
มู่ชิงเกอพูดอย่างไม่ประมาทว่า “ไม่เป็นอะไร เขาจะรู้หรือไม่ มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
เพราะเฮ่อเหลียนจ้านถูกกำหนดแล้วให้ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ จิตวิญญาณที่ถูกทำลาย รวมทั้งเหตุการณ์อันโหดเหี้ยม จึงจะทำให้ประชาชนแคว้นถูรู้ว่าไม่ควรมาล้อเล่นกับมู่ชิงเกอ
สำหรับฮ่องเต้ที่จับตัวมานั้น แน่นอนว่าจะเอามาเพื่อลบล้างความรักชาติของทหารแคว้นถูและจะทำให้ฮ่องเต้เห็นว่า ในตอนนี้ แคว้นฉินไม่ใช่แคว้นที่เขาคิดจะยั่วยุก็ยั่วยุได้ตามใจชอบอีกแล้ว
“คุณชาย! ท่านกลับมาแล้ว!”