Skip to content

พลิกปฐพี 97-5

ตอนที่ 97-5

บดขยี้แคว้นถูแล้ว คุณชายท่านเท่มาก

รองผู้บังคับบัญชาทั้งสองท่านที่มู่ชิงเกอเคยพบ เดินเข้ามาต้อนรับ มู่ชิงเกอพยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงพูดกับพวกเขาว่า “พาข้าไปพบรองแม่ทัพซ่งและเตรียมเปิดศึก เราไม่มีเวลามากพอที่จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะแคว้นถู”

รองแม่ทัพทั้งสองเมื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกตกตะลึง และไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแค่พยักหน้าและแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง

ไม่นานนัก เลียงกลองก็ได้ดังขึ้นจากฝ่ายกองทหารแคว้นฉิน ทหารหลายแสนนายเดินเข้ามาอย่างเป็น ระเบียบเรียบร้อย ล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทหารทุกนายต่างก็สวมชุดนักรบแฝงไปด้วยไอสังหารและดุดัน

สำหรับฝ่ายทางกองทหารแคว้นถู หลังจากที่ได้ยินเสียงกลองดังขึ้นจากฝั่งแคว้นฉิน ผู้นำทัพซึ่งก็คือรัชทายาทเฮ่อเหลียนจ้านก็สั่งให้กองทหารเตรียมพร้อมเข้าสู่ สนามรบ

เขามองกองทหารแคว้นฉินที่อยู่อีกฝั่ง พลันขึ้นหลังม้า พร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบ

แคว้นฉินจะเปิดศึกอย่างนั้นหรือ?

ซึ่งก็สมดั่งความต้องการของเขา เพราะเขารอวันนี้มานานแล้ว

รอสังหารกองทหารแคว้นฉินที่อยู่ที่ที่ราบลั่วรื่อจนหมดสิ้น เขาก็จะโจมตีเข้าไปภายในแคว้นฉิน จากนั้นก็จะเสพสมกับเหล้าชั้นดีและเหล่าสาวงามของแคว้นฉินให้สาสม

“โห่ๆๆ—,,

เสียงสัญญาณของแคว้นถูดังขึ้นท่ามกลางที่ราบลั่วรื่อ และกำลังต่อสู้กับเสียงกลองจากแคว้นฉิน

ทหารจำนวนมหาศาลของทั้งสองฝ่าย ในที่สุดก็ได้มาเผชิญหน้ากัน

ท่ามกลางทหารนับล้านของแคว้นถู เฮ่อเหลียนจ้านยืนอยู่ข้างหน้าสุด

ด้านหน้าตัวเขา มีเกราะกำบังปกป้องที่มีความสูงเท่าคนตั้งอยู่รอบๆ อย่างแน่นหนา

อาวุธของแคว้นถู มิได้เหมือนดั่งของแคว้นฉิน แต่ว่าอาวุธแต่ละชิ้นนั้นถูกสร้างขึ้นมาให้มีความแหลมคมเพื่อใช้ในการสังหารโดยเฉพาะ เรื่องนี้ราวกับมีความเกี่ยวพันกับอุปนิสัยที่ชื่นชอบสงครามของพวกเขา สิ่งที่สำคัญจึงไม่ใช่เรื่องของอาวุธว่าจะเหมือนกันหรือไม่

ทว่าเป็นประสิทธิภาพในการสังหารต่างหาก

สำหรับกองทหารของแคว้นฉินแล้ว กองทหารแคว้นถู เหมือนดั่งพวกป่าเถื่อนที่ยังไม่ได้รับการเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมอย่างนั้น ในสายตาจึงมีเพียงความโหดร้าย และการสังหาร

มู่ชิงเกอที่ขี่อยู่บนหลังเพลิงรัตติกาล เคลื่อนตัวออกมาจากทางที่กองทหารแคว้นฉินแยกตัวออกจากกัน นางที่อยู่ในชุดสีแดงเจิดจ้าดั่งเปลวเพลิงมีเสื้อเกราะห่อ หุ้มตัวอยู่ เผยให้เห็นเฉพาะใบหน้าอันน่าเย้ายวน เส้นผมสีดำปลิวไสวไปมาพร้อมกับสายลม ตัวตรงสง่าผ่าเผย ท่าทางเคร่งขรึม

ในทันทีที่นางปรากฏตัว ฝ่ายกองทหารแคว้นฉินก็ส่งเสียงดังกึกก้อง ราวกับกำลังต้อนรับเทพแห่งการรบ เฮ่อเหลียนจ้านหรี่ตา หยุดสายตาบนใบหน้าอันน่าเย้า ยวนของมู่ชิงเกอ ความงดงามไร้ที่เปรียบบนใบหน้าที่ยากจะตัดสินได้ว่าเป็นชายหรือหญิงเครื่องหน้าองอาจที่บีบคั้นผู้คนทำให้เขาเกิดความหลงใหล และเกิดความปรารถนาที่จะครอบครอง

คนเช่นนี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ก็ควรจะถูกเขาลากเข้ากระโจมและร้องเสียงหลงอยู่ใต้ร่างเขาสิถึงจะถูก!

และอาชาเพลิงพวกนั้น กองทัพแคว้นฉินขี่อาชาเพลิงเชียวรึ! ของทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของเขาต่างหาก !

ความคิดอันชั่วร้ายและความโลภของเฮ่อเหลียนจ้าน แสดงออกมาอย่างมิอาจเก็บซ่อนได้

มู่ชิงเกอเองก็สามารถสัมผัสความโลภที่แสดงออกมาทางสายตาของเขาได้อย่างลึกซึ้ง และแอบยิ้มอย่างเย็นเยียบ

“เจ้าเป็นใคร !” เฮ่อเหลียนจ้านชี้หน้ามู่ชิงเกอแล้วถามมู่ชิงเกออย่างบ้าคลั่ง

มู่ชิงเกอก้มสายตาลงและตอบว่า “หลานมู่ซง มู่ชิงเกอ”

มู่ชิงเกออย่างนั้นหรือ?

ชื่อนี้ ทำให้สายตาของเฮ่อเหลียนจ้านแฝงความฉงนใจ ทันใดนั้น คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเขา จากนั้นเขาจึงแสดงสีหน้าเข้าใจ พลันพูดเยาะเย้ยว่า “ที่แท้เจ้าก็คืออมเสเพลที่มีชื่อของแคว้นฉินนี่เอง!”

“ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง กึกก้องอยู่ภายในสนามรบ “แคว้นฉินไม่มีคนอื่นแล้วจริงๆ หรือ จึงได้ส่งจอมเสเพลอย่างเจ้ามารบกับข้า! ข้าว่าเจ้ายอมแพ้เสียเถิด ไม่แน่ว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปและยังให้โอกาสเจ้าได้ปรนเปรออยู่ข้างกายข้า” นํ้าเสียงของเฮ่อเหลียนจ้านเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

สำหรับนํ้าเสียงที่ฉายแววเย้ยหยันและสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนนั้น มู่ชิงเกอเพียงยิ้มอย่างคลุมเครือ และพูดว่า “สู้กับคนอย่างเจ้า แค่จอมเสเพลไร้ค่าอย่างข้าก็เพียงพอแล้ว ใช่สิ พบกันครั้งแรก ข้าได้เตรียมของขวัญไว้ให้เจ้าด้วย”

พูดจบ นางก็ยกมือขึ้นและกระดิกนิ้วทีหนึ่ง องครักษ์เขี้ยวมังกรจึงถือกระสอบใบหนึ่งออกมาโยนไปตรงใต้เท้าเพลิงรัตติกาล

ในกระสอบ มีเสียงร้องอันเจ็บปวดดังออกมา

ทหารแคว้นฉินนายหนึ่งใช้หอกยาวเปิดกระสอบออก ร่างอันอ้วนกลมกลิ้งออกมาในทันที และทันทีที่คนผู้นี้ปรากฏตัว ฝ่ายแคว้นถูก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาในทันที รวมทั้งเฮ่อเหลียนจ้านผู้แสนเย่อหยิ่งเองก็ยังไม่วายที่จะ ตกใจ ใบหน้าพลันดำคลํ้าลงในทันที

“นี่เรียกของรับขวัญยามพบหน้า พวกป่าเถื่อนคงจะไม่เข้าใจ เฮ่อเหลียนจ้าน ของขวัญชิ้นนี้ถูกใจเจ้าหรือไม่” มู่ชิงเกอพูดพร้อมยิ้มเบาๆ

ในขณะที่พูด นางก็ก้มสายตาลงมองฮ่องเต้แคว้นถูที่ยังไม่สามารถตั้งสติได้ พลางยิ้มอย่างเบิกบานและพูดว่า “ฮ่องเต้แคว้นถู ดูสิว่าตรงหน้าท่านเป็นใคร”

ฮ่องเต้แคว้นถูได้สติก็รีบมองตาม ในกองทัพอันคุ้นเคยมีผู้คนที่คุ้นเคยอยู่ เขาตะลึงและรีบตะโกนว่า “จ้านเอ๋อร์ ช่วยข้าด้วย”

“เป็นฝ่าบาท! ฝ่าบาทถูกพวกเขาลักพาตัวมา!”

“ฝ่าบาทจริงๆ ด้วย ฝ่าบาททรงประทับอยู่ที่หวังถิงมิใช่หรือ?”

“สวรรค์! ฝ่าบาทอยู่ในมือพวกเขาแบบนี้ เราจะสู้ต่อไปได้อย่างไร”

ทหารนับล้านนายของแคว้นถูตกอยู่ในสภาวะความลังเล ฮ่องเต้ของตนเองอยู่ในมือศัตรู จะสู้ต่อไปได้อย่างไร ?

สายตาของเฮ่อเหลียนจ้านแวววับด้วยรังสีสังหาร สำหรับเสียงร้องของฮ่องเต้นั้นเขาได้ยินเพียงแต่ไม่สนใจ เขาจ้องมู่ชิงเกอ พลางพูดด้วยนํ้าเสียงอันโหดเหี้ยมว่า “เจ้าริบังอาจขู่ข้าหรือ”

มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างเย็นเยียบ พลันพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าอย่าทะนงตนมากไปนัก ข้าเพียงแค่เชิญฮ่องเต้แคว้นถูมาชมภาพอันน่าประทับใจก็เท่านั้น”

“มั่วหยาง ดูแลฮ่องเต้แคว้นถูให้ดี อย่าทำให้พระองค์ต้องทรงตกพระทัย” มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มจางๆ เพียงยกมือขึ้น ทัพใหญ่ของแคว้นฉินก็พุ่งตัวเข้าไปในสนามรบโดยไม่ลังเล องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งห้าร้อยนายที่พุ่งตัวเข้าหากองทหารแคว้นถู ดั่งหมาป่าผู้หิวกระหาย ทุกซอกทุกมุมที่เคลื่อนตัวผ่านล้วนมีร่างไร้วิญญาณล้มลง

ความเก่งกาจในการสงครามที่ผสมผสานกับความสุขุมของอาชาเพลิง ทำให้กองทหารเขี้ยวมังกรลงมือสังหารได้อย่างง่ายดาย จนทำให้กองทหารแคว้นถูผิดแผนการ สงครามที่วางเอาไว้ ทหารแคว้นฉินคนอื่นๆ เพราะแรงกระตุ้นที่ได้รับจากองครักษ์เขี้ยวมังกร ทำให้พวกเขาต่างก็แสดงศักยภาพของตนเองออกมา ในทุกๆ ครั้งที่สังหารทั้งเด็ดขาดและโหดเหี้ยมกว่าที่ผ่านมา

สำหรับฝ่ายกองทหารแคว้นถู ที่เพิ่งเห็นว่าฮ่องเต้ของตน เองถูกคุมตัวเอาไว้ ยังตั้งสติไม่ได้ ก็เห็นทหารแคว้นฉินพุ่งเข้ามา ไม่พูดพรํ่าทำเพลงก็ลงมือลังหารคนแล้ว

แคว้นถูที่กำลังแย่ ทำได้เพียงป้องกันตัวและสาปแช่งแคว้นฉินที่ไม่ทำตามกฎกติกา

หมดกัน! ทุกอย่างผิดแผนไปหมดแล้ว!

แม่ทัพแคว้นถูยังคงไม่หยุดที่จะสั่งให้กำลังทหารออกโจมตี แต่ทว่าความวู่วามของแม่ทัพ ทำให้แผนการที่ได้วางเอาไว้ในตอนแรกพังทลายลง

แล้วยิ่งฮ่องเต้ของตนเองยังอยู่ในมืออีกฝ่าย ความสุขุมของทหารแคว้นถูก็ยิ่งถูกทำลายลงไม่มีเหลือ

ท่ามกลางความวุ่นวาย เฮ่อเหลียนจ้านจ้องมู่ชิงเกอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาชูอาวุธในมือของตนเองขึ้นและพุ่งเข้าหานาง

มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก พร้อมทั้งพูดกับฮ่องเต้แคว้นถูว่า “ฮ่องเต้แคว้นถู ท่านจับตาดูเอาไว้ หากท่านยังกล้าสjงทหารโจมตีแคว้นฉินอีก นี่จะเป็นจุดจบ

ของท่าน!

พูดจบ เพลิงรัตติกาลก็กระโดดขึ้นสูง บนร่างกายสาดฉายกลุ่มควันโขมงสีดำและพุ่งตัวไปหาเฮ่อเหลียนจ้านดั่งสายฟ้า…..

บนร่างกายของเฮ่อเหลียนจ้าน มีแสงสีครามปรากฏขึ้นแวบหนึ่งและค่อยๆ กลายเป็นสีนํ้าเงิน

และร่างกายของมู่ชิงเกอก็ได้มีแสงสีนํ้าเงินเข้มที่เกือบจะกลายเป็นสีม่วงสาดส่องออกมา ทั้งสองฝ่ายเผยพลังของตนเอง การรบครั้งนี้กลายเป็นการรบที่สามารถ ประเมินแพ้ชนะได้ชัดเจนในทันที

ฮ่องเต้แคว้นถูมองภาพหน้าตรงหน้าอย่างตะลึง ความตื่นตระหนกในแววตาไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็มิอาจซ่อนได้

หลานชายของมู่ซง เป็นคนไร้ประโยชน์ที่ขึ้นชื่อมิใช่หรือ?

คำพูดนี้ ผุดเข้ามาในหัวของเขา ทำให้เขาตกใจจนทั้งร่างเหมือนกลายเป็นหินก็ไม่ปาน

“สายนํ้าเงินขั้นสูงสุด! เป็นไปได้อย่างไร!” เบ้าตาของเฮ่อเหลียนจ้านแทบจะทะลุออกมาและมองม่ชิงเกออย่างเหลือเชือ

และมู่ชิงเกอกลับเพียงแค่ยิ้มจางๆ ให้เขา มือขวาพลันเกิดประกายเป็นแสงสีเงิน ทวนหลิงหลงอยู่ในกำมือของนางในทันที และนางก็พุ่งทวนหลิงหลงใส่เฮ่อเหลียนจ้านอย่างไม่ลังเล

ทันใดนั้น ทวนนับหมื่นก็ได้พุ่งตัวเข้าหาเฮ่อเหลียนจ้าน จนเขาหมดหนทางหนี

เสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานดังขึ้นจากปากของเฮ่อเหลียนจ้าน เนื้อหนังบนร่างกายของเขาแยกออกเป็นพันๆ ชิ้นในทันที และกระจายลงพื้นดั่งสายฝน โครงกระดูกที่ยังมีเนื้อหนังติดอยู่บ้างก็ตกลงจากหลังม้า

“ไม่—!” ฮ่องเต้แคว้นถูเห็นภาพทั้งหมดกับตา

เฮ่อเหลียนจ้านตายอย่างไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ ทำให้สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา

ร่างกลมๆ ของเขาเริ่มมีอาการสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาในทันที ขาทั้งคู่สั่นและอ่อนยวบลง

เขามองมู่ชิงเกอ พลางพูดเพียงแค่คำว่า “ปีศาจ! เจ้ามันเป็นไอ้ปีศาจ!”

และกองทหารแคว้นถู หลังจากที่เห็นเฮ่อเหลียนจ้านตายอย่างทุกข์ทรมาน ก็มีความคิดที่จะหนีในทันที มู่ชิงเกอที่อยู่ในชุดสีแดงเพลิงคล้ายดั่งโลหิต เป็นดั่งปีศาจร้าย ที่กำลังเผยรอยยิ้มแห่งความตายอยู่ตรงหน้าพวกเขา “ฆ่า อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้ม ตรงมุมปากด้วยความกระหายเลือด กองทหารแคว้นฉินได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง และตามสังหารกองทหารแคว้นถูจนหมดสิ้น ทหารนับล้านของแคว้นถูไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ต่างก็ทิ้งชีวิตเอาไว้ที่ที่ราบลั่วรื่อแห่งนี้ รอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและร่างไร้วิญญาณ มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก ในแววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นเยียบ

ในขณะนี้ทวนหลิงหลงได้กลับกลายมาเป็นปลอกนิ้วดังเดิม นางนวดข้อมือของตนเองทีหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงมองฮ่องเต้แคว้นถูที่ตอนนี้ตกใจจนนิ่งอยู่กับที่ พลางยิ้ม ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแผนร้ายและพูดว่า “ฮ่องเต้ แคว้นถู ตอนไปที่หวังถิงรวมทั้งทั่วแคว้นถู ข้าได้เตรียมของขวัญชิ้นหนึ่งไว้ให้กับท่าน หลังจากที่ท่านกลับแคว้นแล้ว ขอให้ค่อยๆ ชื่นชมและจำสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากข้าให้ขึ้นใจล่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!