Skip to content

พลิกปฐพี 102-1

ตอนที่ 102-1

จัดการกับเจ้าไม่ได้!

“มู่เกอ เราจะไม่ทำอะไรเลยรึ” เว่ยกว่านกว่านเดินกลับมาจากบริเวณประตูห้อง มองมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ

มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มตรงมุมปากจางๆ ยกนํ้าชาขึ้นดื่มอย่างเนิบช้า “ไม่เป็นไรนี่ นี่ถือเป็นการยืนยันประสิทธิภาพของโอสถชีวิตเก้าชีวิตหวนคืน เหตุใดข้าต้องปฏิเสธด้วยเล่า”

ไม่ต้องออกไปดู นางก็รู้พอจะเดาได้ว่า ในตอนนี้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกมีปฏิกิริยาอย่างไร

ผู้ที่แอบวางแผนนี้ คงอยากให้นางอับอาย แต่ดูเหมือนว่าจะต้องผิดหวังเสียแล้ว

นางไม่เพียงแค่มั่นใจในตำรับยาที่ได้รับถ่ายทอดมาแต่ยังมั่นใจในความสามารถในการปรุงยาของตนเองด้วย

ความเฉยชาของมู่ชิงเกอ ทำให้เหลียนเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจ ตามหลักแล้ว คนที่ถูกกลั่นแกล้งแม้ว่าจะไม่โกรธแต่ก็คงจะไม่นิ่งได้มากถึงเพียงนี้

‘แน่นอนว่า ผู้ที่เป็นดั่งปีศาจเหมือนเจ้านายของนางคนนี้ ความคิดของเขาคงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถคาดเดาได้’

เหลียนเอ๋อร์แอบเตือนตนเอง

“กลืนลงไปแล้ว!”

นอกห้อง มีเสียงอันตื่นตระหนกดังขึ้น

คิดแล้วคุณชายเก๋อคงจะกินโอสถเก้าชีวิตหวนคืนไปแล้ว

เว่ยกว่านกว่านรีบวิ่งออกไปในทันทีและมองออกไปนอกประตูห้อง เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ของข้างนอกอย่างไม่คลาดสายตา เว่ยฉีเองก็กำหมัดแน่นและยื่นคอออกไปมอง

เขาอยากจะวิ่งออกไปดูพร้อมๆ กับน้องสาวเป็นอย่างมาก แต่ว่าพอเห็นท่าทางอันนิ่งเฉยของมู่ชิงเกอ เขาก็รู้สึกว่าหากตนเองเป็นเหมือนน้องสาวก็จะทำให้ดูไม่เป็นผู้ใหญ่และถูกมู่ชิงเกอดูถูกเอาได้

เพราะฉะนั้น เขาจึงทำได้เพียงอดทนอย่างสุดความสามารถและนั่งอยู่กับที่ มีเพียงดวงตาดวงเล็กคู่นั้นเท่านั้น ที่คอยจ้องเว่ยกว่านกว่านอยู่บ่อยครั้ง

“โอสถนี้เข้าปากไปแล้วก็ละลายเลย กลิ่นหอมของโอสถก็เข้มข้นมากถึงเพียงนี้ ดูแล้วนี่คงไม่ใช่โอสถธรรมดาแล้วล่ะ”

ท่ามกลางการรอคอย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ ดังขึ้น

ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ก็มีคนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าช่างพูดอะไรไม่รู้ความ ก็พูดอยู่ว่าโอสถนี่เป็นโอสถระดับสูงชั้นยอดจะธรรมดาได้อย่างไร สิ่งที่เราสงสัยคือผลลัพธ์ของมันจะวิเศษอย่างที่หอสรรพสิ่งกล่าวไว้หรือไม่มากกว่า”

ผู้ดำเนินงานประมูลเมื่อได้ยินคำนี้ จึงยิ้มจางๆ “หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ผลลัพธ์ของโอสถนี้หอสรรพสิ่งของเราอ้างอิงมาจากคำพูดของเจ้าของโอสถก็เท่านั้น”

“เงียบให้หมด” ท่านเก๋อที่กำลังสังเกตปฏิกิริยาของลูกชายตะโกนขึ้นอย่างทนไม่ไหว

ในตอนนี้ลูกชายของเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ คนพวกนี้ยังจะมีอารมณ์มาพูดจาเหน็บแนมกัน ช่างน่าโมโหเสียจริง!

เสียงตะโกนด้วยโทสะของท่านเก๋อทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เงียบลง

อย่างไรก็ตามก็คงไม่อยากมีเรื่องในตอนนี้

แม้กระทั่งคุณชายจูผู้เรื่องมากที่พบเจอก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็สั่งให้คนออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก ส่วนตนเองนั้นแอบพลอดรักอยู่กับคู่รักในห้อง

แม้ว่าเขาจะได้ยินคำพูดของท่านเก๋อ แต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร

“เย้ย! คุณชายเก๋อลืมตาแล้ว!” ทันใดนั้น เสียงอันตื่นตระหนกก็ได้ดังขึ้นท่ามกลางผู้คน

คำพูดนี้ทำให้สายตาของทุกคนไปรวมอยู่ที่ร่างของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแรงที่นอนอยู่บนเปล

ส่วนท่านเก๋อเองก็รีบหันกลับมามองลูกชายของตนเองด้วยสายตาอันร้อนรน

“อึ่ก ร้อนเหลือเกิน” คุณชายเก๋อราวกับถูกเปลวเพลิงอันปวดแสบปวดร้อนที่อยู่ภายในร่างกายกระตุ้นให้ตื่น ท่ามกลางความมึนงง เขาไม่รู้ด้วยซํ้า ว่าในตอนนี้ตนเองถูกพาตัวมาอยู่ที่นี่และเหตุใดจึงถูกคนมากมายรายล้อมเอาไว้

“ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว คุณชายเก๋อฟื้นแล้ว” เว่ยกว่านกว่านที่จับตาดูสถานการณ์ภายนอกอย่างใกล้ชิดพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

แต่ทว่า ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง คุณชายเก๋อก็ได้ไอออกมาอย่างรุนแรง

เสียงไอนั่นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกคันคอและเดินถอยหลังไปหลายก้าว

สีหน้าของท่านเก๋อเองก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รีบพยุงลูกชายของตนเองเอาไว้และถามด้วยความตื่นตระหนกว่า “ลูกข้าเจ้าเป็นอะไรไป ทรมานหรือ!”

คุณชายเก๋อไอไม่หยุด จึงไม่สามารถตอบคำถามของท่านพ่อได้ เพียงแค่กำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่นและไอจนเหงื่อตก สีหน้าก็พลันขาวซีดลงหลายส่วน

ทันใดนั้นคุณชายเก๋อก็เบิกตาทั้งสองข้างค้างโต พ่นเลือดสีแดงเข้มออกมาอึกใหญ่จนทำให้เสื้อถูกย้อมกลายเป็นสีแดง

ฉากนี้ ทำให้ท่านเก๋อตะลึงและจ้องผู้ดำเนินงานอย่างโหดเหี้ยมและพูดว่า “หากลูกชายของข้าเป็นอะไรไปหอสรรพสิ่งจะต้องชดใช้!”

“ท่านเก๋อ เราได้บอกเอาไว้แล้วว่าไม่มั่นใจในผลลัพธ์ของโอสถนี้ หากท่านอยากจะแก้แค้นให้กับลูกชายก็ควรจะไปหาเจ้าของโอสถผู้ปลอมสรรพคุณให้โอสถนี้ว่าเป็นยาวิเศษไม่ใช่หรือ” ผู้ดำเนินงานประมูลยิ้มอย่างเย็นเยียบ

ท่านเก๋อโกรธจนกัดฟันแน่นและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง คนผู้นั้นข้าไม่ปล่อยไว้แน่!”

“แย่แล้ว! คุณชายเก๋อ เราจะทำอย่างไรดี” เว่ยกว่านกว่านมองมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าที่ขาวซีด

แต่ทว่ามู่ชิงเกอยังคงเย็นชาและนิ่งเฉย มองไม่เห็นถึงความตื่นตระหนกจากนางเลยแม้แต่น้อย

เว่ยฉีที่สังเกตนางอย่างใกล้ชิด ความตื่นตระหนกในใจก็จางหายไปเพราะความแน่วนิ่งของมู่ชิงเกอ เขาจึงพูดกับน้องสาวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ดูต่อไปก่อน เราต้องเชื่อมู่เกอ”

“ท่านพ่อ” เสียงอันอ่อนแรงดังขึ้นจากข้างตัวท่านเก๋อ

ทันใดนั้น เสียงนั้นก็ได้ดึงความสนใจทั้งหมดของเขากลับมาในทันที

“ข้าดีขึ้นมากแล้ว” คุณชายเก๋อเงยหน้าขึ้น มองท่านพ่อของตนเองและพูดอย่างตั้งใจ

แม้ว่าภายนอกจะยังดูอ่อนแรงแต่ทว่าการหายใจไม่ได้แผ่วเบาเหมือนแต่ก่อน

ท่านเก๋อหรี่ตาลงและรีบจับมือของลูกชาย แล้วถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า “ลูกชายตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร”

คุณชายเก๋อแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในร่างกายและพูดกับท่านพ่อว่า “ก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกเพียงแค่ว่ากระดูกราวกับกำลังจะแตกละเอียด เส้นชีพจรขาดสะบั้น อวัยวะภายในแปรปรวนปวดร้าวไปทั้งร่างกายจนไม่อาจทนได้ หายใจได้ไม่คล่อง แต่ว่าในตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลาย อาการปวดร้าวราวกับกระดูกจะแตกหักก็ค่อยๆ จางหายไป นอกจากไม่ค่อยมีแรงแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ”

คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนตกใจ ในดวงตาอันสว่างไสวของผู้ดำเนินการงานพลันมืดมนลง

“พูดจริงหรือ” ความดีใจอันมหาศาลนี้ทำให้ความโกรธในใจของท่านเก๋อหายไปในทันที

คุณชายเก๋อพยักหน้าเพื่อยืนยันอีกครั้ง

เพื่อให้ท่านพ่อเชื่อคำพูดของตนเอง เขายังลุกขึ้นจากเปลนอนและเดินอยู่กับที่หลายก้าวด้วย

ในขณะนี้ทุกคนตื่นตระหนกมากกว่าเดิม

เมื่อครู่นี้ ตอนที่คุณชายเก๋อถูกหามเข้ามา พวกเขาล้วนเห็นกับตา แต่ทว่าเพียงพริบตาผู้ที่นอนรอความตายกลับสามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้ จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไรเล่า

“ลูกชายของข้าหายแล้ว! ลูกชายของข้าหายแล้ว!” ท่านเก๋อดีใจจนนํ้าตาไหล

“ยานี้วิเศษอย่างทีว่าจริงๆ”

“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น ไม่เห็นอาการของคุณชายเก๋อในตอนนี้หรือไง”

“โอ๊ย สมบัติอันลํ้าค่าเช่นนี้เราพลาดไปได้อย่างไร!”

เสียงวิพากษํวิจารณ์ดังขึ้นอีกครั้ง และในตอนนี้ผู้ดำเนินการประมูลกลับพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “เพื่อเป็นการรับประกันในคุณภาพให้กับท่านเก๋อ ให้ท่านผู้เฒ่าตานแห่งหอสรรพสิ่งตรวจร่างกายให้กับคุณชายเก๋อเลียหน่อยจะดีกว่า”

“หึ ตาแก่นั้นคงไม่อยากจะให้คุณชายเก๋อดีขึ้นจริงๆ ล่ะสิ?” เว่ยกว่านกว่านที่กำลังตื่นตระหนกในตอนแรก เมื่อได้ยินผู้ดำเนินการประมูลพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที

ในขณะนี้เอง เว่ยฉีก็ได้ผ่อนคลายลงแล้ว และยิ้มอย่างเบิกบานให้กับมู่ชิงเกอ “ข้าว่าเขากลัวว่าเราจะแอบร่วมมือวางแผนจัดฉากกับพ่อลูกตระกูลเก๋อ ท่านว่าใช่หรือไม่”

มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่งและไม่ได้พูดอะไร

ความจริงแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นางรู้แก่ใจดี แต่นางเพียงอยากจะเห็นว่า เมื่อความจริงปรากฏผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะจัดการกับเรื่องวุ่นวายนี้อย่างไร

นอกห้อง ท่านเก๋อที่กำลังอึ้งกับอาการของลูกหายที่หายอย่างเป็นปลิดทิ้ง รีบพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ดี รบกวนท่านผู้เฒ่าด้วย”

ทันใดนั้น เงาร่างอ้วนกลม ผมสีขาวของตานเฉินจื่อที่พวกมู่ชิงเกอคุ้นเคยก็ได้เดินออกมาอย่างรวดเร็วราวกับรอคอยเวลานี้มานานแสนนาน

“หึ! ตาแก่น่ารังเกียจ!” เว่ยกว่านกว่านกัดฟันแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม

สีหน้าของเว่ยฉีเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เขาหันไปมองมู่ชิงเกอและพูดว่า “มู่เกอ ต่อไปเราอย่าได้ค้าขายแลกเปลี่ยนกับหอสรรพสิ่งอีกเลย”

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มตรงมุมปาก สายตาอันแฝงความเยาะเย้ยกวาดผ่านเหลียนเอ๋อร์ที่กำลังอึดอัด “ได้”

คำตอบสั้นๆได้ใจความ ทำให้เหลียนเอ๋อร์สะดุ้งทีหนึ่งและก้มหน้าลงตํ่ากว่าเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!