Skip to content

พลิกปฐพี 102-3

ตอนที่ 102-3

จัดการกับเจ้าไม่ได้!

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มบนมุมปาก “ท่านช่างใจกว้างเสียจริง ถ้าเช่นนั้นโอสถนี้ก็ให้เป็นของท่านเถิด” พูดจบก็พึมพำเบาๆ แต่ทุกคนก็ล้วนได้ยินว่า “โอสถนี้ยังไม่ เห็นแม้กระทั่งเงา ข้าก็แค่เสนอราคาเพื่อความสนุกเพียงเท่านั้น”

คำพูดก่อนหน้านี้ทำให้คุณชายจูโล่งใจ แต่ว่าคำพูดหลังจากนั้นกลับท่าให้เขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา

ในตอนนี้ทุกคนจึงรู้ว่าคุณชายจูผู้เย่อหยิ่งก็มีมุมที่ถูกคนอื่นกลั่นแกล้งจนย่ำแย่ต่อหน้าสาธารณะชนเช่นกัน

คุณชายจูที่ถูกมู่ชิงเกอแกล้งจนหัวหมุนในตอนนี้ตะโกนอย่างดุร้ายพร้อมดวงตาอันแดงกํ่าว่า “สรุปว่าหอสรรพสิ่งมีโอสถนี้อีกหรือไม่” หากคำตอบคือ ไม่ ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังโดนแกล้งมิใช่หรือ

แต่ทว่า แม้ว่าจะมีโอสถ เขาก็ยังคงถูกแกล้ง แต่ทว่ามันก็ยังดีกว่าไม่มีโอสถแล้วมิหนำซํ้ายังโดนแกล้งไปโดยเปล่าประโยชน์

ในตอนนี้ผู้ดำเนินงานประมูลของหอสรรพสิ่งและท่านผู้เฒ่าตานสบตากันในใจเต็มไปด้วยความทุกข์

มีความรู้สึกราวกับยกก้อนหินก้อนโตขึ้นมาโยนลงไปที่เท้าของตัวเอง

ผู้ดำเนินงานประมูลขอความช่วยเหลือจากท่านผู้เฒ่าตาน แต่ทว่า ท่านผู้เฒ่าตานที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ทำได้เพียงแค่พูดต่อไปว่า “ยังมีโอสถอยู่อีกหรือไม่ คำถามนี้เราต้องถามเจ้าของโอสถ”

“ถ้าเช่นนั้นกิรีบไสหัวเจ้าไปถามสิ!” คุณชายจูพูดด้วยความโกรธ

ใบหน้าอันแดงกํ่าของตานเฉินจื่อมีความโกรธแฝงอยู่ แต่สุดท้ายก็เก็บความรู้สึกเอาไว้เพราะว่าเรื่องทุกอย่างได้ไปไกลเกินกว่าที่เขาจะสามารถควบคุมได้แล้ว

แม้ว่าคนอื่นไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้ ผู้ที่แข่งเสนอราคากับคนชายจูคือสหายน้อยมู่ เจ้าของโอสถ

แค่ใช้หัวแม่เท้าคิด ก็ยังรู้เลยว่าจงใจ

หลังจากที่ตานเฉินจื่อเดินออกมา เขาไม่ได้ไปหามู่ชิงเกอในทันที ทว่ากลับเข้าไปอยู่ในห้องลับอีกห้องหนึ่ง

ครู่หนึ่ง จึงปาดเหงื่อและเดินมุ่งไปในห้องที่มู่ชิงเกออยู่

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เว่ยกว่านกว่านยืนขึ้นมา มองมู่ชิงเกอครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางพยักหน้ารับ ก็รีบวิ่งไปเปิดประตู

ทันทีที่ห้องถูกเปิดออก เว่ยกว่านกว่านก็เห็นตานเฉินจื่อที่ยิ้มแย้มดั่งดอกไม้บาน

นางเบ้ปากและพูดเสียงแข็งว่า “ตาแก่ เจ้ายังจะกล้ามาอีก”

ตานเฉินจื่อฝืนยิ้มและพูดว่า “แม่หนูเว่ย ข้ามาหาสหายน้อยมู่”

เขาเห็นมู่ชิงเกอแล้ว แต่ว่ายังคงส่งสัญญาณให้กับเว่ยกว่านกว่าน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะให้มู่ชิงเกอเชิญเขาเข้าไปในห้องด้วยตัวเอง

แต่ทว่า มู่ชิงเกอเองก็ไม่มองเขาเลยแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียวและดื่มนํ้าชาอย่างตั้งอกตั้งใจ

ตานเฉินจื่อกระตุกมุมปาก หนวดที่อยู่บนริมฝีปากก็สั่นทีหนึ่ง บรรยากาศภายนอกยังคงไม่สงบ เมื่อไม่รู้ควรจะทำอย่างไรต่อไป เขาจึงต้องเดินเข้าไปอย่างหน้าด้านและไปหยุดตรงหน้ามู่ชิงเกอ ะ “สหายน้อยมู่ดื่มชาหรือ ชานี้รสชาติดีหรือไม่”

พูดจบ ไม่รอให้มู่ชิงเกอตอบ ตาทั้งสองข้างของเขาก็หันไปจ้องเหลียนเอ๋อร์ “เจ้าเอาชาแบบนี้ให้สหายน้อยมู่ดื่มได้อย่างไร รีบไปเอาชายอดเหมันต์ชั้นเลิศในห้องข้ามา”

เหลียนเอ๋อรํรีบถอยออกไป

มู่ชิงเกอเห็นเขากำลังเล่นละคร แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ตานเฉินจื่อมีท่าทางอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดอย่างอึดอัดใจว่า “สหายน้อยมู่ โอสถเก้าชีวิตหวนคืนยังมีอยู่หรือไม่”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเบิกบานและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าตาน คำตอบนี้ ข้าตอบไปแต่แรกแล้วมิใช่หรือ”

ใบหน้าของตานเฉินจื่อมีความอึดอัดแฝงอยู่ เขาสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง มีคนยกหีบใบใหญ่เข้ามาในทันที หีบใบนี้ ทุกคนล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันคือ กล่องใบที่ท่านเก๋อสั่งคนให้ยกเข้ามา

“ท่านผู้เฒ่าตาน นี่หมายความว่าอย่างไร” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วถาม

ตานเฉินจื่ออธิบายพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพื่อเป็นการไถ่โทษ เงินทั้งหมดที่ได้จากการประมูลโอสถเม็ดก่อนหน้านี้ หอสรรพสิ่งจะไม่รับไว้เลยแม้แต่ตำลึงเดียว ข้าขอมอบให้สหายน้อยมู่ ตอนนี้ขอเพียงสหายน้อยเอาโอสถนี่ออกมาอีกเม็ด ก็จะได้เงินเป็นการตอบแทน มีแต่ ได้กับได้ เหตุใดจึงไม่ทำเช่นนี้เล่า”

“ใครบอกท่านว่าข้ายังมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืน” มู่ชิงเกอมองเขา พร้อมยกยิ้มอย่างขบขัน

หากไม่มี เหตุใดเจ้าจึงแกล้งคุณชายตระกูลจูขนาดนั้น

อีกประการหนึ่ง เจ้านายของเขาบอกว่ามีก็ ต้องมีแน่นอน!

ท่านผู้เฒ่าตานแอบคิดในใจ แต่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ไม่มีใครบอก นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น”

“ที่แท้ก็เป็นการคาดเดาของท่านผู้เฒ่าตาน” รอยยิ้มของมู่ชิงเกอราวกับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ทำให้หน้าผากของตานเฉินจื่อมีเหงื่อไหลออกมา

ตานเฉินจื่อรู้สึกอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมเพราะรอยยิ้มของมู่ชิงเกอ จึงแกล้งไอทีหนึ่งและพูดเสียงตํ่าว่า “ไอ้ตัวผลาญสมบัติยังรออยู่ข้างนอก หรือว่า สหายน้อยมู่ไม่อยากจะทำให้เขาต้องเสียเงินอันมหาศาลนี้”

มู่ชิงเกอยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร

ตานเฉินจื่อหางตากระตุกทีหนึ่งและพูดต่ออีกว่า “เงินจำนวนสามสิบด้านตำลึงทองและแก่นสมองของสัตว์จำนวน 100 อันนี้ หอของเราจะไม่รับ แม้แต่เสี้ยวเดียว เพียงแค่อยากจะผูกมิตรกับสหายน้อยมู่ แน่นอนว่า หากสหายน้อยยังมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนเหลืออยู่บ้าง หอสรรพสิ่งก็พร้อมจะซื้อเอาไว้แม้ว่าราคาจะสูงเพียงใด”

“ไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าตานเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า ของเหลวเย็นหรือไม่” มู่ชิงเกอเปลี่ยนเรื่อง

“ของเหลวเย็นอย่างนั้นหรือ” ประเด็นที่ถูกเบี่ยงไปอย่างกะทันหัน ทำให้ตานเฉินจื่อไม่ทันตั้งตัว เขาทวนคำพูดของมู่ชิงเกอในหัวหลายรอบ แล้วจึงพูดว่า “ของเหลวเย็น แน่นอนว่าข้ารู้จัก สหายน้อยต้องการหรือ”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ตานเฉินจื่อเข้าใจในทันที และพูดว่า “สหายน้อยวางใจเถิด ข้าจะรีบให้คนไปหาข้อมูลจากสำนักย่อยอื่นๆ ดูว่าจะสามารถค้นหาของเหลวเย็นให้กับท่านได้หรือไม่”

“ถ้าเช่นนั้นก็ขอขอบคุณท่านผู้เฒ่าตานแล้ว” มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้ม

หลังจากนั้น ท่ามกลางใบหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยของตานเฉินจื่อ นางก็โยนขวดกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งออกไป

ตานเฉินจื่อรีบพุ่งตัวออกไปรับ แล้วเปิดดมและพบว่านี่เป็นกลิ่นหอมละมุนของโอสถเถ้าชีวิตหวนคืน แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที

“เรื่องราวต่อจากนี้ ข้าไม่ขอข้องเกี่ยวด้วย” มู่ชิงเกอพิงอยู่บนพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย

ตานเฉินจื่อกระจ่างเป็นอย่างดีว่านางหมายถึงเรื่องที่จะทำให้คุณชายจูยอมจ่ายเงิน จึงรีบยืนยันว่า “สหายมู่วางใจเถิด เรื่องเล็กแค่นี้ หอของเรา สามารถจัดการได้”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

เมื่อได้โอสถมาไว้ครอบครอง ในขณะที่ตานเฉินจื่อกำลังจะออกไป ก็ได้หันกลับมาหยั่งเชิงดูว่า “สหายน้อยมู่ โอสถนี้จะมีอีกหรือไม่ หากมีข้ายอมเสียเงินทองไม่ว่าจะมากเพียงใดเพื่อซื้อมันเอาไว้”

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าตาน ท่านคิดว่าโอสถระดับเทพที่สามารถช่วยชีวิตคนได้นี้เป็นลูกกวาดลูกอมหรือ”

ใบหน้าที่แดงกํ่าอยู่แล้วของท่านผู้เฒ่าตาน ในตอนนี้แดงประหนึ่งตับหมู พร้อมยิ้มแห้งๆ สองที หลังจากนั้นจึงถอยออกไป

ร่างของท่านผู้เฒ่าตานที่เข้าไปในห้องและออกมาจากห้องพิเศษนั้นได้ตกอยู่ในสาตาของทุกคน ไม่จำเป็นต้องถามก็กระจ่างเป็นอย่างดีว่า ห้องนี้เป็นห้องของเจ้าของโอสถอันพลิกฟ้าพลิกปฐพีนี้

คุณชายจูสั่งองครักษ์ด้วยนํ้าเสียงอันเหี้ยมโหดว่า “จับตาดูคนที่อยู่ในห้องนั้น ข้าอยากจะรู้ว่า ใครที่มันกล้าหลอกเงินจากข้า!” เสียงเสนอราคาเมื่อครู่นี้ ก็ดังมาจากห้องนั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าเขาจะโง่เขลาสักเพียงไหน ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

แม้ว่า ผู้ที่นำสิ่งของมาเข้าการประมูล ไม่สามารถเสนอราคาสิ่งที่เอามาประมูลได้ แต่ทว่าการ แข่งขันเมื่อครู่นี้ ยังไม่ได้เอาโอสถออกมา ไม่ถือว่าผิดกฎแต่อย่างใด

แต่ประเด็นคือ เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ หอสรรพสิ่งเข้าข้างฝ่ายตรงข้าม

แน่นอนว่า เขาสามารถเดินออกไปอย่างไม่สนใจการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ แต่ทว่า หลังจากนั้นชื่อเสียงของเขาก็จะถูกทำลายลงและไม่มีที่ยืนในเมืองจื้อ อีกต่อไป

เมื่อไตร่ตรองทบทวนหลายรอบ ในที่สุดคุณชายจูก็ได้วางแผนอันชั่วร้ายขึ้น

เขาจะยอมจ่ายเงินทั้งหมดและหลังจากที่ออกจากหอสรรพสิ่ง ก็จะสั่งกำลังคนไปสังหารคนที่กล้าเปิดศึกกับเขา เขาก็จะได้ทั้งโอสถและไม่เสียเงินด้วย!

ตานเฉินจื่อออกจากห้องไม่นาน ก็ได้เดินเข้ามาอย่างผ่อนคลาย

ทันทีที่เข้ามา เขาก็ยืนยันกับมู่ชิงเกอว่า คุณชายจูไม่กล้าเบี้ยวแน่นอน

ในขณะเดียวกัน ก็มาบอกข่าวที่ท่านเก๋ออยากจะขอบคุณด้วยตัวเอง

แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับปฏิเสธโดยแทบจะไม่ไตร่ตรองว่า “ไม่จำเป็น”

“เพราะเหตุใดกันสหายน้อย” ตานเฉินจื่อคิด ไม่ตกว่าเหตุใดมู่ชิงเกอจึงปฏิเสธ

มู่ชิงเกอกวาดสายตาอันสว่างไสวมองโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เรื่องในวันนี้ ไม่ว่าจะผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ ต่างก็มีนางเป็นจุดศูนย์กลาง หากยังจะไปพบท่านเก๋อและเผยฐานะที่แท้จริงออกไป จะยิ่งตกเป็น

เป้าหมายเข้าจริงๆ มิใช่หรือ

เหล่าผู้คนที่ต้องการโอสถเก้าชีวิตหวนคืน ต่างก็อาจจะลงมือ ส่วนคุณชายจูที่ถูกกลั่นแกล้งจนย่ำแย่ ก็อาจจะไม่ปล่อยนางไปอย่างง่ายดาย

นางมั่นใจว่า ในตอนนี้ต้องมีผู้มีอำนาจคอยจับจ้องสถานการณ์ห้องของนางและอยากจะรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในคือใคร

ในตอนนี้ เกรงว่าหากก้าวออกจากเมืองจื้อแม้เพียงก้าวเดียว ก็คงจะต้องเกิดการฆ่าฟันกันแน่

ในแววตากระจ่างของนางมีประกายวาบผ่าน เดาว่าผลลัพธ์เช่นนี้ คงจะเป็นสิ่งที่ผู้ที่อยู่หลังม่านนั้นได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว หากไม่ได้เป็นเช่นนั้นคงจะดี แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถือว่าแผนการของคนผู้นี้ลํ้าลึกยากจะคาดเดาจริงๆ

ตอบโต้ใส่หอสรรพสิ่งแห่งนี้เพียงคราเดียว กลับทำให้ตนเองต้องเผชิญอันตรายจากการถูกลอบสังหาร

สำหรับคำประเมินค่าในการลงมือของคนผู้นี้ มู่ชิงเกอขอเพิ่มคำว่า…โหดเหี้ยม…และอำมหิต!

แต่ทว่า เมื่อกระจ่างในแผนการทั้งหมดของอีกฝ่าย นางก็ยังคงเลือกที่จะกลั่นแกล้งคุณชายจู ไม่ได้มีเป้าหมายอื่นใด เพราะแม้จะเลือกกลั่นแกล้งเขา ฉากจบก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

ถ้าเช่นนั้น เหตุใดนางจึงไม่รีบหากำไรตอนนี้ รวมทั้งของเหลวเย็น ในเมื่ออีกฝ่ายได้ดึงตัวนางเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ต้องเอากำไรหน่อยมิใช่หรือ

มู่ชิงเกอไม่ยอมไปพบท่านเก๋อ ตานเฉินจื่อเองก็ไม่ได้บังคับ เพียงพูดว่า “เมื่อครู่นี้มีคนส่งข่าวมาแล้ว ครานี้ถือว่าสหายน้อยมู่โชคดีมาก ในสาขาย่อยที่ตั้งอยู่ในเมืองฮ่วนมีคนเข้ามาเสนอของประมูลเป็นของเหลวเย็นหยดหนึ่ง งานประมูลของเมืองฮ่วนจะเกิดขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้า”

เจอของเหลวเย็นแล้ว!

ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สายตาของมู่ชิงเกอก็เปล่งประกาย

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าตานมาก” มู่ชิงเกอพยายามเก็บงำสายตาที่เป็นประกายแล้วพูดกับตานเฉินจื่อ

ตานเฉินจื่อยกมือขึ้นโบกและพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “สหายน้อยมู่อย่าได้เกรงใจ อย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกัน ในห้องมีทางลับเล็กๆ เส้นหนึ่ง หากพ่อหนุ่มน้อยต้องการสามารถออกจากทางลับนั้นได้”

ความเอื้อเฟื้ออันเหลือล้นนี้ ทำให้มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มตรงมุมปาก

เว่ยกว่านกว่านกลับพูดตรงๆ โดยไม่คิดว่า ะ “ตาแก่นี่ เจ้าเป็นคนดีขนาดนี้เชียว?”

“แม่หนูตระกูลเว่ย ข้าถือเป็นคนดีคนหนึ่ง” ตานเฉินจื่อลูหนวดของตนเองและบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่

แต่ทว่า ในสายตาของพี่น้องตระกูลเว่ย กลับมีเพียงแค่คำเดียว ‘เสแสร้ง!’

ในมือถือตั๋วเงินสามสิบล้านตำลึงทองที่แลกมาแล้วและแก่นสมองสัตว์จานวน 100 แก่น ทั้งมู่ชิงเกอและอีกสองคนเตรียมพร้อมจะออกจากหอสรรพสิ่ง

ตั๋วเงินเป็นปึกๆ ทำให้นางรู้สึกว่าชีวิตราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถือว่าตนเองพอจะมีทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ บ้างแล้ว!

ถึงว่า ทุกคนต่างก็บอกว่าหากอยากเป็นมหาเศรษฐี ต้องไปเรียนการปรุงยา!

ช่างเป็นหนทางสู่ความรํ่ารวยที่ดีมากทางหนึ่งเลยทีเดียว!

ในเมื่อสามารถออกจากทางลับได้ แน่นอนว่ามู่ชิงเกอจะไม่เลือกออกไปทางห้องโถงอย่างเปิดเผย แต่ทว่าก่อนจะเดินเข้าไปในทางลับ ตานเฉินจื่อกลับ พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “ช้าก่อน! ช้าก่อนสหายน้อยมู่ เมื่อครู่นี้ข้าลืมบอกเจ้าว่า ก่อนหน้านี้ที่เจ้าได้ตอบตกลงรับภารกิจคุ้มกันไว้ ผู้ว่าจ้างเพิ่งจะส่งคนมาบอกข่าวว่ามีการเปลี่ยนแผน อีก 10 วันถัดจากนี้ นัดพบกันที่เมืองอวี้จื้อ”

สายตาของมู่ชิงเกอเย็นชาและพูดพร้อมยิ้มเย็นว่า “ได้”

จากนั้น ก็พาสองพี่น้องตระกูลเว่ยออกจากหอสรรพสิ่งโดยใช้ทางลับ

หลังจากที่ทั้งสองจากไป เหลียนเอ๋อรจึงเดินไปอยู่ข้างๆ ตานเฉินจื่อ แล้วพูดอย่างเกรงๆว่า “ท่านผู้เฒ่า เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าคุณชายมู่น่ากลัวกว่า เจ้านายของเราเสียอีก”

ตานเฉินจื่อหรี่ตาอันสว่างใสทั้งสองข้างลง พูดในสิ่งที่เหลียนเอ๋อร์เหมือนกับจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจว่า “ดูเหมือนว่าครานี้เจ้านายของเราจะเจอคู่ปรับเข้าให้แล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!