ตอนที่ 104-1
จอมปีศาจหานฉายไฉ่
ช่วงเวลากลางวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้ ผู้คนนับพันที่กำลังออกตามล่าต่างระมัดระวังตัวกันมากขึ้นและก็ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวีตอีกเลยแม้แต่คนเดียว!
แต่ทว่า เป้าหมายของพวกเขา กลับไม่ปรากฏแม้กระทั่งเงา
ทุกคนราวกับกำลังรู้สึกไปเองว่า ไอ้หนุ่มตระกูลมู่และคนของเขาหลังจากที่เข้ามาภายในผืนป่าแห่งนี้แล้ว ก็ได้สลายหายไป กลายเป็นใบไม้หรือดินโคลนที่ไม่สามารถหาเจอได้อีก
แต่ทว่า เมื่อคิดจะยอมแพ้ก็ถูกโอสถเก้าชีวิตหวนคืนคอยดึงดูดเอาไว้
ขบวนของคนจำนวนนับพันที่เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน หลังจากที่ได้พักผ่อนครู่หนึ่งแล้วก็ออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยของมู่ชิงเกอ
พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกดิน และท้องฟ้าค่อยๆ กลายเป็นสีรัตติกาลนั้น เทพแห่งความตายก็จะเคลือบคลานเข้ามาเยือนอีกครั้ง
“อ๊าก——— !” เสียงกรีดร้องอันแหลมคม ราวกับได้ทะลวงท้องฟ้า เหนือผืนป่าแห่งนี้
เสียงนั้นสนั่นหวั่นไหวไปทั้งผืนป่า ทำให้เหล่านกกาบินออกจากรังและทำให้พรรคพวกคนอื่นๆ ตื่นตระหนกตามไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น นั่นใครกำลังร้อง”
“เหมือนจะมาจากทางฝั่งของตระกูลเนี่ย!”
“ตระกูลเนี่ยอย่างนั้นหรือ?!”
“เร็ว! รีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ผู้คนที่กระจายตัวออกจากกันได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พลันมุ่งไปยังบริเวณที่ตระกูลเนี่ยกำลังค้นหาอยู่
ในขณะเดียวกัน ในบริเวณที่ตระกูลเนี่ยกำลังค้นหาอยู่ เนี่ยซงก็นำลูกน้องคนอื่นๆ ของตระกูลมุ่งหน้าเข้าไปยังต้นกำเนิดของเสียงอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆ อาจจะไม่คุ้นเคยกับเสียงนั่นมากนัก แต่ทว่าเขากลับรู้จักเป็นอย่างดี
เพราะว่านั่นคือเสียงลูกชายที่ผู้สืบทอดตระกูลเนี่ยคนปัจจุบันรักมากที่สุดและเป็นหลานที่เขารักมากที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน
ในการมาตามล่ามู่ชิงเกอในครานี้ ตอนแรกถือว่าเป็นการฝึกภาคสนามของตระกูลและคิดว่าไม่มีอันตรายอันใด ทว่าในตอนนี้กลับมีอันตรายอยู่รอบด้าน
ผืนป่าที่เคยคุ้นเคยเป็นอย่างดี พอถึงเวลากลางคืน กลับกลายเป็นดั่งปีศาจกินคนที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างไม่รู้หยุด
“เฉินเอ๋อร์! เฉินเอ๋อร์! เจ้าพูดสิ! ตอบพ่อที!”
เนี่ยซงยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงอันเศร้าโศกของประมุขตระกูลเนี่ย เสียงนั่นเต็มไปด้วยความเสียใจและความโกรธแค้น แม้ว่าจะอยู่ไกลเพียงใดก็สามารถสัมผัสได้
แย่แล้ว!
ในใจของเนี่ยซงพลันรู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องขึ้น บนกายมีแสงสีนํ้าเงินส่องประกายขึ้น แล้วทั้งตัวของเขาก็พลันหายไป
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็เห็นท่านเนี่ยที่ในตอนนี้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นกอดร่างไร้วิญญาณแล้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
เนี่ยซงรีบพุ่งเข้าไป สิ่งที่เห็นตรงหน้า กลับทำให้เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ในแววตาเต็มไปด้วยไอสังหารเต้นระริก
ร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มที่อยู่ในอ้อมกอด ของท่านเนี่ยเต็มไปด้วยเถาวัลย์ของไม้มีพิษ หนามอาบพิษทิ่มแทงตัวเขาจนไม่เหลือสภาพ ร่างไร้วิญญาณร่างนี้ ค่อยๆ กลายเป็นสีม่วงคลํ้า สภาพการตายนั้นน่าหวาดผวาเป็นอย่างมาก
ผืนป่าที่ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์วิญญาณนี้ จะมีเถาวัลย์ที่เติมไปด้วยพิษเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
เนี่ยซงเองก็คงคิดไม่ถึง เขาปล่อยหมัดออกไป ทำให้เถาวัลย์พิษที่พันอยู่บนร่างของศพคลายออก ลอยขึ้นกลางอากาศ เถาวัลย์พิษได้แปรเปลี่ยนเป็นเศษผงกระจายลงทั่วพื้นดินเพราะลมหมัดอันรุนแรงนั้น
“เฉินเอ๋อร์! เฉินเอ๋อร์!” ท่านเนี่ยที่จมอยู่ในความเจ็บปวด ไม่อาจจะทำใจได้
เนี่ยซงกลับยืนอยู่ข้างๆ เขา และสังเกตรอบๆ ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด ราวกับอยากจะดึงเถาวัลย์พิษทั้งหมดออกมา เพื่อเป็นการแก้แค้น!
‘เถาวัลย์พิษอย่างนั้นหรือ! หึ ภายในผืนป่าแห่งนี้ แม้ว่าจะมีเถาวัลย์พิษจริงๆ แต่จะมีผลลัพธ์อันน่าทึ่งเช่นนี้หรือ’ ตานเฉินจื่อที่แอบสังเกตการณ์ทุกอย่างอยู่ในที่มืดได้กระจ่างเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
เขากล้าใช้เกียรติแห่งการเป็นนักปรุงยาของตนเองยืนยันเลยว่า เป็นความจริงที่เถาวัลย์นี้เป็นเถาวัลย์พิษ แต่ว่า ได้ถูกใครคนหนึ่งวางยาพิษที่มีผลลัพธ์ร้ายแรงกว่าลงบนหนามเอาไว้ก่อน
ใครกัน ที่คิดลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ คำตอบนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้
นี่ถือเป็นการลอบสังหารกันชัดๆ! ไม่ว่าจะเป็นใคร เพียงเดินเข้าไปในกับดักและไม่มีความสามารถมากพอที่จะหนี มีแต่ตายสถานเดียว!
ความกลัวเกิดขึ้นในใจของตานเฉินจื่อ แผ่นหลังค่อยๆ มีเหงื่อซึมออกมา
หากว่าเขาเองไม่ระมัดระวัง จุดจบก็คงจะต้องตายเพราะ ‘อุบัติเหตุ’ เหมือนคนพวกนั้นใช่หรือไม่
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ตานเฉินจื่อก็กลืนนํ้าลายอย่างยากลำบาก เขารํ่าไห้ตัดพ้อในใจ เจ้านายนะเจ้านาย! คราวนี้ท่านไปยั่วโทสะปีศาจประเภทใดกัน ท่านจะสามารถชนะเหมือนที่ผ่านมาได้หรือไม่
เนี่ยซงอยู่ที่นี่และกำลังโกรธแค้นอย่างที่สุด ตานเฉินจื่อไม่อยากจะถูกจับได้ หลังจากที่สงบอารมณ์ในใจได้แล้ว จึงค่อยๆ ถอยออกมาอย่างเงียบๆ
และในขณะนี้เอง ทั่วทั้งผืนป่าได้เกิดเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น
ทันใดนั้น ผู้คนที่เข้ามาภายในผืนป่าก็ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
ยิ่งตื่นตระหนกมากเพียงใด ก็ยิ่งง่ายต่อการหลงเข้าไปในกับดักมากเท่านั้น
ดวงตาแต่ละคู่ที่สังเกตการณ์ทุกอย่างอยู่ในที่มืด มองคนที่ตายเพราะกับตักที่ตนเองสร้างขึ้นอย่างแนบนิ่ง ในหัวสมองกำลังคิดวิเคราะห์ว่าในคราวต่อไป ควรจะปรับปรุงการวางกับดักอย่างไร จึงจะเป็นการล่าที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในผืนป่าแห่งนี้ถือเป็นคำเตือนที่มู่ชิงเกอมอบให้กับทุกคน แล้วทำไมจึงไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อการฝึกของพวกเขาเล่า
เสียงร้องโหยหวนดังมาอย่างต่อเนื่องมาจนฟ้าสว่างจึงหยุดลง
ในคํ่าคืนนี้ขบวนตามล่านับพันคน กลับเรียกว่าพันคนไม่ได้อีกต่อไป เพราะว่า จำนวนคนที่เหลืออยู่ในตอนนี้มีเพียงแปดร้อยกว่าคน และในค่ำคืนนี้ ผู้คนที่ตายเพราะ‘อุบัติเหตุ’ ราวกับจะมากกว่าคืนก่อน
ตอนกลางวัน แสงอาทิตย์สาดแสงสว่างลงบนกิ่งไม้บดบังแสงจากดวงอาทิตย์เพื่อเป็นร่มเงาให้กับผู้คนได้พักพิง แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ความหวาดผวาในใจของพวกเขาลดน้อยลงได้
พวกเขายอมรับว่าพวกเขากลัวแล้ว!
ผืนป่าแห่งนี้แปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว ในยามรัตติกาล เป็นดั่งปีศาจกระหายเลือด
พวกเขาอยากจะถอยทัพ แต่ทว่ากลับมีคนไม่อนุญาตให้พวกเขาออกจากที่นี่!
ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ผุดออกมาจ้องคนแรกที่เสนอว่าจะออกจากที่นี่ ไม่ได้พูดอะไรมากเพียงหมัดเดียวอีกฝ่ายก็หยุดลมหายใจลงอย่างอนาถ
ทุกคนต่างตะลึง!
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย หากมีผู้ใดกล้าถอนตัว นี่คือตัวอย่างสภาพของมันผู้นั้น! ไม่ว่าจะเป็นใครที่เล่นสกปรกอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ ก็จะต้องตายด้วยนํ้ามือของข้า!” เนี่ยซงพูดพลันมองทุกคน
ทุกคนเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าแสดงตัวออกต่อต้านอีก เนี่ยซงก็พูดต่อว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะค้นหาเพียงแค่ตอนกลางวัน กลางคืนทุกคนจะพักผ่อนโดยอยู่รวมตัวกัน ข้าจะดูสิว่าใครยังจะตายเพราะอุบัติเหตุอีก!”
ค้นหาเพียงแค่ตอนกลางวันอย่างนั้นหรือ
คำพูดนี้ ทำให้จิตใจที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาค่อยๆ อบอุ่นขึ้นบ้าง
ราวกับว่า ขอเพียงแค่ไม่บีบบังคับให้เขาไปตาย ในตอนนี้พวกเขาก็สามารถยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของเนี่ยซงชั่วคราว
คนที่ถูกเนี่ยซงสังหาร ไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มผู้มีตระกูล น่าจะเป็นเพียงคนที่ไม่มีพรรคสังกัด เพราะฉะนั้น การตายของเขาจึงไม่ได้ทำให้ผู้มีอำนาจท่านใดเกิดความไม่พอใจ
เมื่อสร้างข้อตกลงกันได้แล้ว ทุกคนก็เริ่มต้นการค้นหาขึ้นอีกครั้ง