ตอนที่ 104-4
จอมปีศาจหานฉายไฉ่
เมื่อนึกถึงรถม้าอันแสนสบายของตนเอง ในใจของมู่ชิงเกอก็พลันรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้นางไม่ทันได้ตระเตรียมรถม้าและอาชาเพลิงของตนเอง ทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในเรือนรับรองตระกูลเว่ย แน่นอนว่า นางก็ได้สั่งลุงโจวให้พาพวกมันไปรอนางอยู่ที่เมืองฮ่วนแล้ว
ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับเรื่องนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้สั่งการเอาไว้ สองพี่น้องตระกูลเว่ยเองก็คงจะพารถม้าและอาชาเพลิงไปที่เมืองฮ่วนเช่นกัน
นางเคยคิดว่า จะเก็บรถม้าและอาชาเพลิงเอาไว้ในพลังแห่งช่องว่าง ซึ่งการนำสิ่งมีชีวิตเข้าไปไว้ภายในนั้น เหมิงเหมิงก็มิได้มีปัญหาอันใด แต่ว่ามันจะเป็นการเปิดเผยว่านางมีพลังแห่งช่องว่าง ซึ่งตอนนี้นางยังไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
คนที่อยู่ภายในรถถูกปิดบังโฉมหน้าเอาไว้เป็นอย่างดี
แต่ทว่า รูปลักษณ์ของมู่ชิงเกอกลับสะท้อนอยู่ภายในดวงตาเรียวยาวและงดงามคู่นั้นอย่างสมบูรณ์ ในส่วนลึกของดวงตาอันงดงามดวงนั้นมีความฉงนใจแวบเข้ามาในดวงตาของเขา เขาคิดว่าตนเองนั้นงดงามไร้ที่เปรียบแล้ว แต่กลับไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ที่เขามาพบในวันนี้ไม่เพียงแค่มีสติปัญญาอันเฉียบแหลม แต่แม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกก็ยังเทียบเท่ากับเขา
‘อืม ช่างเป็นเรื่องราวและบุคคลที่งดงามยิ่งนัก หากไม่สามารถครอบครองได้ ก็ต้องทำลายทิ้ง จะทำอย่างไรดีนะ’ ประกายแห่งความโหดเหี้ยมเกิดขึ้นในดวงตา เรียวยาวคู่นั้น
ความเงียบสงบของรถม้าและทั้ง 4 ที่ตามมาด้วย ทำให้มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบาๆ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่แท้แล้ว ประมุขแห่งหอสรรพสิ่งก็เป็นแค่เพียงไอ้ขี้ขลาดหัวหดก็เท่านั้น”
“วิธียั่วยุทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ” เสียงโทนต่ำแฝงความเกียจคร้านดังแว่วออกมา เขาราวกับไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้ฐานะของตนเอง ในขณะที่เจอกับนาง เขาก็รับรู้ได้เลยว่าที่อีกฝ่ายมายืนอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมารอเขาโดยเฉพาะ เสียงที่แฝงความหยิ่งผยอง ทำให้มู่ชิงเกอรับรู้ถึงความหลงตัวเองของประมุขหอสรรพสิ่งผู้นี้ ตาของนางเป็นประกายแวบหนึ่ง แล้วก็เข้าใจกระจ่างในทันที และพูดกับคนข้างกายอย่างตื่นตระหนกว่า “เคยได้ยินมาว่าส่วนมากแล้ว คนที่มีเสียงอันไพเราะ มักจะมีรูปโฉมสามัญ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ควรจะให้ความเคารพเขาเสียหน่อย” เสียงนี้ไม่ได้ดังมากหรือเบาจนเกินไป แต่กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างได้ยินอย่างชัดเจน
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ในรถม้าก็มีเสียงสบถเย็นชาด้วยความโกรธดังออกมาเบาๆ
จากนั้น รถม้าที่เดิมทีดูธรรมดาโอบล้อมไปด้วยความเข้มงวดก็ได้บานสะพรั่งราวกับดอกไม้ต่อหน้ามู่ชิงเกอ!
บานสะพรั่งจริงๆ นะ!
สายตาของมู่ชิงเกอดูตะลึงไปและมองห้องโดยสารของรถม้าอย่างอึ้งงัน ราวกับเห็นดอกตูมของดอกไม้ ค่อยๆ บานสะพรั่งกลายเป็นดอกไม้อันสวยสดต่อหน้า ภายนอกยังคงเป็นสีดำ แต่ทว่ากลางกลีบดอกที่บานสะพรั่งนั้น กลับมีเกสรที่สาดแสงสีแดงและชมพูภายในของตัวรถม้าเหมือนกลายเป็นกลีบดอกไม้ที่ทับซ้อนกันมากมาย ทำให้ใจกลางดอกไม้เป็นประกายและน่าดึงดูดดั่งไข่มุกแห่งท้องสมุทร ใจกลางดอกไม้…
มู่ชิงเกอสัมผัสได้ว่า สิ่งที่ต้องการจะพูดถึงไม่ใช่เบาะนุ่มทรงกลมสีทอง ที่อยู่ ณ ใจกลางดอกไม้นั้น ไม่ใช่หยกขาวที่อยู่รอบๆ และไม่ใช่กานํ้าชาสีม่วงหรือกระถางเครื่องหอมปิดทองเหล่านั้น แต่เป็นคน…คนที่นอนตะแคงอยู่บนเบาะนิ่มนั้น!
ผมดำเงาของเขาละเอียดดั่งเส้นไหม แผ่สยายเต็มเบาะนิ่มเดินเส้นทองใต้ร่างและไม่มีการตกแต่งอันใดเพิ่มเดิมอีก ราวกับว่าการตกแต่งเพียงเล็กน้อยจะทำลายความสวยงามของเส้นผมเขา
มือใหญ่ที่ละเอียดลออดั่งหยกคํ้าศีรษะเอาไว้ โครงหน้าอันสมบูรณ์แบบไร้ที่เปรียบ ดวงตาเรียวยาวอันงดงามกำลังจับจ้องภาพบรรยากาศทุกอย่างเอาไว้ ใบหน้านั่นงดงามจนผู้คนที่อยู่รอบข้างลืมการมีตัวตนอยู่ของตนเอง
ความงดงามนี้แฝงไว้ด้วยความอ่อนละมุน แต่มิได้ดูเหมือนผู้หญิงเกินไปนัก หากจะบอกว่าในใจของมู่ชิงเกอยกซือมั่วให้เป็นดั่งเทพเจ้าแล้วล่ะก็ ถ้าเช่นนั้นผู้มีรูป ลักษณ์อันงดงามที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะเป็นดั่งภูตจิ้งจอกที่บำเพ็ญตบะมาแล้วนับพันปี!
คางอันเรียวเล็ก ลำคอยาวระหง เรื่อยลงมาจนถึงไหปลาร้าน่ามอง ที่สำคัญที่สุดคือ เส้นตรงหน้าอกที่ชัดเจนนั่น เพราะความกว้างของเสื้อ ทำให้มันเผยออกมา ดูผ่อนคลายน่าสนิทสนมไม่น้อยเลย ในสายตาของมู่ชิงเกอฉายแววตื่นตาตื่นใจอย่างไม่อาจจะปกปิดได้ แต่ว่ากลับถูกลายดอกไม้ที่ปักอยู่บนชุดของเขาทำให้รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นไปอีก
ชุดยาวสีสันฉูดฉาดดูสง่างาม ชุดสีชมพูก็ถือว่าฉูดฉาดมากพอแล้ว แต่ยังมีลวดลายดอกไห่ถางสีเงินและสีทองอีกจำนวนมากมายอีก
แต่ว่า เสื้อผ้าสีฉูดฉาดเช่นนี้ เมื่ออยู่บนตัวของเขาแล้ว กลับงามสง่าได้มากถึงเพียงนี้!
นางควรจะเปรียบเทียบอย่างไรดี ความงดงามคือความเอาแต่ใจอย่างนั้นหรือ
จอมหลงตัวเอง!
คำเปรียบเทียบที่ดีที่สุดนี้แวบเข้ามาในหัวของมู่ชิงเกอ
ใช่แล้ว! คนที่อยู่ตรงหน้า นอกจากจะทำให้นางตื่นตาตื่นใจในความงดงามแล้ว ยังหลงตัวเองเป็นเป็นอย่างมาก ราวกับอยากจะประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า เขางดงามที่สุด เขางดงามที่สุด งดงาม งดงาม งดงามเป็นที่สุด!
มุมปากกระตุกขึ้นทีหนึ่ง ประมุขแห่งหอสรรพสิ่ง ทำให้นางแปลกใจเป็นอย่างมาก
“รูปโฉมของข้าธรรมดาหรือ” เสียงโทนตํ่าและเกียจคร้าน ในครั้งนี้ฉายแววอันตรายเล็กน้อย
ราวกับว่าหากคำตอบของมู่ชิงเกอไม่ถูกใจเขา เขาก็จะ เริ่มสังหารในทันที
‘หลงตัวเองจริงๆ!’
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะทีหนึ่ง ทุกอย่างตรงหน้าได้กลับลู่สภาพเดิมแล้ว “รูปโฉมของประมุขแห่งหอสรรพสิ่งช่างงามสง่ายิ่งนัก ดูเหมือนว่าบางทีเรื่องที่เขาเล่าต่อกันมาก็ไม่อาจจะเชื่อถือได้”
“หึ” เจ้านายผู้หลงตนเองอุทานอย่างเย็นเยียบและเย่อหยิ่งคำหนึ่ง
ท่าทางนี้ ทำให้มู่ชิงเกอพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
เมื่อครู่ใครกันนะที่บอกว่าวิธียั่วยุใช้กับเขาไม่ได้ผล? แต่พอต่อมามีคนสงสัยในรูปโฉม ก็ทนไม่ไหวจนต้องกระโดดออกมาเองแบบนี้น่ะ? และยังเป็นการ ปรากฏตัวที่ดูสะดีดสะดิ้งและเกินความจำเป็นเช่นนี้อีกด้วย!
ดอกไม้ดอกนั้น ถือว่ามากพอแล้ว!
“คุณชายตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน ช่างสมกับคำรํ่าลือ” หลังจากความเย่อหยิ่ง ดวงตาอันงดงามพลันเป็นประกาย และบอกฐานะของมู่ชิงเกอออกมาอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับเรื่องนี้ มู่ชิงเกอไม่ได้แปลกใจมากนัก หอสรรพสิ่งได้ชื่อว่าไม่มีอะไรที่ไม่รู้หากประมุขผู้นี้สนใจในตัวนาง เพียงแค่ฐานะของนาง เขาจะไม่สืบมาอย่าง ละเอียดแล้วได้อย่างไร
“ดูเหมือนว่า ประมุขหอสรรพสิ่งได้สืบประวัติของข้ามาอย่างละเอียดแล้ว”
ท่าทางอันเยือกเย็นและแฝงความเย็นชานั่น ทำให้เจ้านายผู้หลงตัวเองผู้นั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในตอนแรก เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใบหน้าเล็กๆ อันงดงามดวงนั้นจะฉายความประหลาดใจออกมาเสียอีก
“แต่ว่า ไม่ทราบว่าหากข้าอยากจะทราบประวัติของประมุขหอสรรพสิ่ง จะสามารถแลกด้วยเงินทองได้หรือไม่” มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งสองข้างลงอย่างขี้เล่น
ประมุขผู้หลงตัวเองยกมือขึ้นประคองแขนเสื้อของตนเอง ลวดลายของดอกไม้ปลิวไปตามสายลมราวกับมีชีวิต “การที่เจ้าสามารถทำให้ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็ถือว่ามีความสามารถมากแล้ว หากจะรู้ว่าข้าเป็นใคร วันนี้ข้าจะบอกเจ้า คุณชายตระกูลมู่ จงฟังให้ดี ข้าชื่อหานฉายไฉ่ ผู้สืบทอดและประมุขเพียงคนเดียวของหอสรรพสิ่ง”
ฮึๆ!
เสียงหัวเราะที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ดังออกจากฝังของมู่ชิงเกอ
ราวกับว่า คิดไม่ถึงว่า ประมุขของหอสรรพสิ่ง จะมีชื่ออัน…อืม ชื่ออันแสนธรรมดาเช่นนี้
หานฉายไฉ่ ช่างเหมาะสมกับคำว่าหลงตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ!