Skip to content

พลิกปฐพี 124-1

ตอนที่ 124-1

ฟ่งอวี๋กุยผู้ขุดหลุมฝังตัวเอง

หน้าผาตัดลำไส้ ที่เป็นชื่อนี้เพราะที่นี่เต็มไปด้วยหญ้าตัดลำไส้

ที่กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามของโรงโอสถ ก็เป็นเพราะที่นั้นเต็มไปด้วยหญ้าพิษและดอกไม้พิษที่สามารถพรากชีวิตคนไปได้ในชั่วขณะเดียว ผู้ดูแลโรงโอสถจึงเกรงว่าลูกศิษย์จะเข้าใจผิดและกินเข้าไป กลัวว่าจะเด็ดหญ้าพิษและดอกไม้พิษเหล่านี้ไปทำความผิด จึงได้จัดให้ที่นี่เป็นพื้นที่ต้องห้าม

หากไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์คนใด ก็ยากที่จะเข้าไปใกล้

เวลาค่อย ๆ ย่างเข้าสู่พลบคํ่า เงาจันทร์ค่อย ๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ฟู่เทียนหลงกลับไม่มีกะจิตกะใจที่จะชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามนี้ เพียงเข้าไปยังหน้าผาอย่างเร่งรีบ เว่ยฉีที่แอบตามมา พูดกับมู่ชิงเกอว่า “มู่เกอ เราตามมาเช่นนี้จะมีคนเห็นและทำให้สุ่ยหลิงไม่ปลอดภัยหรือไม่”

“วางใจเถิด อีกฝ่ายมิได้มีความสามารถมากถึงเพียงนั้น” มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่ง

ในโรงโอสถ ผู้ที่สามารถรอดพ้นจากการตรวจตราโดยพลังจิตของนางไม่ได้มีมากนัก ส่วนผู้ที่หาเรื่องฟู่เทียนหลงนั้นแน่นอนว่าไม่ได้จัดอยู่ในคนกลุ่มนี้!

อีกประการหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะจากไป นางยังจงใจทิ้งกลิ่นอายของตนเองเอาไว้ในบ้านไม้ แม้ว่าจะมีคนมาเฝ้าอยู่ด้านนอกก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่านางได้ออกมาตั้งนานแล้ว

เมื่อได้รับการรับประกันจากมู่ชิงเกอ เว่ยฉีที่เป็นกังวลก็ผ่อนคลายลงบ้าง “ไม่รู้ว่าสุ่ยหลิงจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาพูดอย่างแฝงความเป็นห่วง

“เป้าหมายของอีกฝ่ายคือฟู่เทียนหลง ก่อนที่เขาจะปรากฏตัว สุ่ยหลิงจะต้องปลอดภัย” ในเรื่องนี้ มู่ชิงเกอมีประสบการณ์เป็นอย่างมาก เมื่อชาติก่อน นางได้ช่วยชีวิตคนมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มีทั้งประชาชนธรรมดารวมไปถึงผู้มีอำนาจระดับสูง

เพราะฉะนั้น ในด้านความคิดของผู้ร้าย นางพอจะมั่นใจอยู่บ้าง

เพียงแต่ว่า สิ่งที่นางไม่แน่ใจคือ ที่อีกฝ่ายใช้สุ่ยหลิงในการล่อฟู่เทียนหลงออกมา เพื่อที่จะลงโทษ หรือว่ามีเป้าหมายอื่น

“มู่เกอ ด้านหน้าคือหน้าผาตัดลำไส้” เว่ยฉีพูดเตือน

มู่ชิงเกอมองตาม เห็นเพียงแค่ฟู่เทียนหลงที่ยืนอยู่ใต้หน้าผา และเงยหน้าขึ้นมองหน้าผาที่สูงขึ้นราวกับเป็นปากเหยี่ยว ที่นั่นมืดสนิท จนไม่สามารถมองเห็น อะไรได้เลย

แต่ทว่า ฟู่เทียนหลงกลับสามารถหยุดสายตาบนร่างของสุ่ยหลิงได้ในทันที

เขาตะโกนเรียกชื่อสุ่ยหลิงด้วยความโกรธ และกระโดดขึ้นหน้าผาโดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใช้สันหน้าผาในการช่วยให้พุ่งขึ้นไปสู่ยอดหน้าผา

“สุ่ยหลิงอยู่ไหน” เว่ยฉรีบถาม

มู่ชิงเกอเองก็เงยหน้าขึ้นมองบนจุดสูงสุดของหน้าผาเช่นเดียวกัน พลันหรี่ตาลงและพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบว่า “ถูกแขวนตัวอยู่บนยอดหน้าผา”

“ว่าอย่างไรนะ เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็น” เว่ยฉีลืมตาทั้งสองข้างขึ้นโตด้วยความตกใจ แต่ก็ยังคงไม่เห็นอะไรเลย

มู่ชิงเกอเม้มปาก หากไม่ใช่เพราะสายตาของนางเคยถูก ปรับสภาพโดยยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ นางเองก็คงมองไม่เห็น แต่ว่า ฟู่เทียนหลงกลับสามารถเห็นสุ่ยหลิงตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจของเขามีแต่สุ่ยหลิง

“ไปเถิด เราอ้อมไปทางข้างหลัง” มู่ชิงเกอพูดกับเว่ยฉี ในขณะที่ทั้งสองอ้อมขึ้นไปยังหน้าผาตัดลำไส้ ฟู่เทียนหลงก็ได้ใช้พลังเวทในการทำให้ตนเองพุ่งขึ้นไปถึงยอดหน้าผาแล้ว

ทันทีที่ขึ้นไปถึงด้านบนยอดหน้าผา เขาก็เห็นร่างบางของสุ่ยหลิงที่ถูกแขวนอยู่นอกหน้าผา มือทั้งคู่ของนาง ถูกมัดอยู่บนหินก้อนหนึ่งที่ยื่นออกไปจากบริเวณขอบหน้าผา ที่ทำท่าราวกับจะขาดได้ตลอดเวลา

ลมบนยอดหน้าผา พัดร่างของนางจนปลิวไปมาอย่างไม่ขาดสาย ดูบอบบางราวกับเป็นแผ่นกระดาษ

“สุ่ยหลิง!” ฟู่เทียนหลงรู้สึกปวดใจ และวิ่งเข้าไปหาสุ่ยหลิง

แต่ทว่า ในขณะที่เขาเข้าไปใกล้ก้อนหินที่ยึดร่างของสุ่ยหลิงเอาไว้ กลับมีแสงสีครามสามสายผ่าลงตรงปลายเท้าของเขา ดินโคลนแตกกระจาย ทั้งยังทำให้พื้นดินใต้เท้าของเขาเกิดรอยร้าวขึ้น

ฟู่เทียนหลงหยุดลงในทันที หันกลับไปจ้องมองความมืดมิดทั้งแถบที่อยู่ตรงหน้า

“ออกมา!” ฟู่เทียนหลงตะโกนด้วยความโกรธ

ท่ามกลางสายลมยามคํ่าคืน มีเสียงที่แฝงความยโสอย่างเป็นที่สุดดังขึ้น “ข้าขอเตือนว่าเจ้าอย่าขยับตัวจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น สิ่งที่ถูกทำให้แตกกระจาย อาจจะเป็นหินก้อนนั้น”

“ฟ่งอวี๋กุย เจ้าจะทำอะไรสุ่ยหลิง!” ฟู่เทียนหลงตะโกนเรียกคนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดด้วยความโกรธ

ในขณะที่มาที่นี่ เขาก็คาดการณ์เอาไว้แล้ว และในตอนนี้พอได้ยินเสียงนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจ

แน่นอนว่า เงาร่างอันสูงโปร่งค่อย ๆ เดินออกมาจากที่มืด คือ ฟ่งอวี๋กุย

ข้างหลังตัวเขามีผู้ติดตามอยู่สามคน ล้วนเป็นผู้ที่เข้ามาเป็นพวกเดียวกับเขาหลังจากที่เข้ามาอยู่ ในโรงโอสถ

ในตอนนี้ นอกจากฟ่งอวี๋กุยที่สีหน้าโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากแล้ว ท่าทางของอีกสามคนที่เหลือล้วนเต็มไปด้วยความดูถูกและเยาะเย้ย ราวกับว่า ในสายตาของ พวกเขา ฟู่เทียนหลงเป็นเพียงแค่ของเล่นฆ่าเวลาก็เท่านั้น

“เจ้าวางใจเถิด ตอนนี้ข้ายังจะไม่ทำอะไรนาง แน่นอนว่า อย่ารีบดีใจไป ข้าไม่รับประกันว่าอีกครู่หนึ่งจะทำอะไรนางหรือไม่” ฟ่งอวี๋กุยพูดพร้อมเสียงหัวเราะอันเย็นเยียบ

อีกสามคนที่เหลือต่างก็เผยรอยยิ้มจางๆ อย่างให้ความร่วมมือ

เสียงหัวเราะนี้กระตุ้นความโกรธของฟู่เทียนหลงอย่างเป็นที่สุด แสงครามจางๆ ค่อยๆเกิดขึ้นบนฝ่ามือของเขา ราวกับเตรียมลงมือได้ตลอดเวลา

ทันทีที่ฟู่เทียนหลงเผยความสามารถของตนเองออกมา ใบหน้าของผู้ติดตามทั้งสามของฟ่งอวี๋กุยก็นิ่งไปในทันที พลันหลบไปอยู่ข้างหลังฟ่งอวี๋กุยด้วยความกลัว พวกเขาเป็นนักปรุงยา ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการปรุงยา แน่นอนว่าการฝึกพลังเวทนั้นด้อยกว่า บางที ก่อนหน้านี้ พวกเขาอาจจะเดาไม่ออกเลยว่าฟู่เทียนหลงเป็นถึงยอดฝีมือสายคราม

แอบกลืนนํ้าลายทีหนึ่ง ทั้งสามล้วนพึ่งพาการปกป้อง จากฟ่งอวี๋กุย

ฟ่งอวี๋กุยจ้องฟู่เทียนหลงพร้อมรอยยิ้มที่ฉายความเยาะเย้ย แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ทำไมรึ อยากจะลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าในขณะที่กำลังต่อสู้กัน แม่นางสุ่ยหลิงของเจ้าจะตกลงไปจากหน้าผาตัดลำไส้น่ะ”

ฟู่เทียนหลงอึ้ง เปลวเพลิงแห่งโทสะในใจได้ถูกคำพูดของฟ่งอวี๋กุยดับลง แสงสีครามในมือก็ค่อย ๆ จางไป

ทั้งครู่เผชิญหน้ากันครู่หนึ่ง ฟู่เทียนหลงจึงกัดฟันพูดเสียงเข้มว่า “ปล่อยสุ่ยหลิงซะ เรื่องของข้าและเจ้าไม่เกี่ยวกับนาง ปล่อยนางไป ข้าจะอยู่ที่นี่เอง จะฆ่าจะ แกงอย่างไรก็ตามแต่ใจเจ้า!”

ความเยาะเย้ยในสายตาของฟ่งอวี๋กุยชัดเจนมากกว่าเดิม “ฟู่เทียนหลง เจ้าคิดว่าในตอนนี้เจ้ายังมีสิทธิ์มาต่อรองกับข้าอีกหรือ สิ่งที่เจ้าต้องคิดตอนนี้คือจะตอบ คำถามของข้าอย่างไร จึงจะทำให้ข้าพอใจ ไม่แน่ว่าเจ้าและสุ่ยหลิงอาจจะรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไว้ได้”

ในสายตาของฟู่เทียนหลงมีไอสังหารล้นทะลักออกมา แต่กลับไม่อาจขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย

เพียงเพราะสุ่ยหลิงคนเดียว ก็ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้

“ฟู่เทียนหลง ที่นี่เต็มไปด้วยหญ้าพิษ ดอกไม้พิษ ก่อนที่จะขึ้นมาเราได้กินยาถอนพิษไปแล้ว เจ้ากินไปหรือยัง ข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าแม่นางสุ่ยหลิงยังไม่ได้กิน ที่นี่ถูก กำหนดให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม เพราะฉะนั้น ข้าเองก็ไม่รู้ว่า ผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน ดมกลิ่นพิษจากหญ้าพิษ ดอกไม้พิษที่นี่นานถึงเพียงนี้จะเป็นอะไรรึเปล่า เพราะ ฉะนั้นเวลาที่ให้เจ้าคิดทบทวนไม่ได้มีมากนัก” รอยยิ้มอันเย็นเยียบเข้ากระดูกของฟ่งอวี๋กุย แฝงความโหดเหี้ยมอย่างมหาศาล

คำพูดนี้ ราวกับดับความรู้สึกที่จะต่อต้านของฟู่เทียนหลงลงจนหมดสิ้น ในสายตาของเขาแฝงความตื่นกระหนก ท่าทางแฝงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!