ตอนที่ 157-2
ระเบิดจวนเจ้าเมืองของเจ้าซะ!
“เจ้าเมืองวั่น สั่งคนปิดประตูจวนกับประตูเมืองโดยด่วน จะให้หัวขโมยนี่หนีไปไม่ได้!” เฝิงคุนไหรีบหันไปสั่งวั่นเจี้ยนเฟิงที่ยังอึ้งไม่ได้สติ
วั่นเจี้ยนเฟิงที่โดนเขาตวาดเข้าก็ได้สติรีบพยักหน้าตอบรับทันที
เขาหยิบกระบอกกลมๆ หน้าตาประหลาดออกมาจากอ้อมอก ก่อนจะดึงให้เกิดเสียงเปรี้ยงที่ริมขอบฟ้า เพียงชั่วขณะ ก็มีเสียงแหลมปรี๊ดพุ่งออกมาจากกระบอกนั้น ลำแสงสีม่วงอมแดงพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ระเบิดเสียงก้องกลางฟ้า พุ่งกระจายไปทั้งสี่ทิศ ราวกับทั่วบริเวณมีไออากาศสีม่วงอมแดงครอบไว้
ลำแสงนี้มีเสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วท้องฟ้า
องครักษ์ที่คอยดูแลจวนเจ้าเมืองและประตูเมืองทั้งสี่ทิศ เงยหน้าขึ้นมองเห็นสัญญาณนี้ ก่อนจะระวังตัวกันขึ้นมา รีบเร่งเคลื่อนไหว ถ่ายทอดคำสั่งกันต่อๆ ไป
“รีบปิดประตูเมือง!”
“รีบปิดประตูเมือง!”
“ตรวจตรารอบเมืองให้เข้มงวด ตรวจตรารอบเมืองให้เข้มงวด!”
มู่ชิงเกอมองการเคลื่อนไหวของวั่นเจี้ยนเฟิงด้วยแววตาเยือกเย็น แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือไปขวาง
คนที่เข้ามาล้อมจับนางด้านล่างนั้นวุ่นวายกันไปหมด แล้วที่เหลือก็มีเพียงเฮยมู่ เฝิงคุนไห่ วั่นเจี้ยนเฟิง สามคน
มู่ชิงเกอประสานมือร่ายเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็ว พลางพูดเสียงเข้มว่า “พันสายฟ้า!”
การเคลื่อนไหวมือของนางรวดเร็วราวกับเงามายา เร็วจนคนมองตามไม่ทัน
ผมปลิวพลิ้วไหวไปโดยไม่มีลมพัด ท่ามกลางความมืดมิดในยามคํ่าคืน พลันก็มีเสียงสายฟ้าอันดุดันดังขึ้น
“แย่แล้ว! เขาจะใช้ทักษะสงคราม!” เฮยมู่เอ่ยเตือนขึ้น วั่นเจี้ยนเฟิงยังไม่เข้าใจในคำพูดของเขา ยังคงพ่นเสียงฮึ พลางเอ่ยว่า “ทักษะสงครามก็ทักษะสงครามสิ พวกเราไม่มีทักษะสงครามกันหรือไร?” พูดจบ เขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น หมายจะใช้เคล็ดวิชาของตน
โครม!
เสียงฟ้าผ่าก็ดังสนั่นขึ้นมา
เสียงฟ้าผ่าที่ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ราวกับเป็นการลงทัณฑ์จากฟ้า สั่นสะเทือนจนมือวั่นเจี้ยนเฟิงก็สั่นไปด้วย ผลของเคล็ดวิชาโจมตีจนชะงักลง ภายในเมืองวั่นเฟิง ชาวบ้านจำนวนมากต่างก็ยื่นหน้าออกจากตัวบ้านมาแหงนมองฟ้า แววตาที่มองท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับเห็นสัญลักษณ์วันทำลายโลก
พลังยิ่งใหญ่ โดนซ่อนแฝงไว้ในท้องฟ้า ราวกับว่าเมื่อโดนชักนำเข้าแล้ว จะเกิดภัยพิบัติร้ายแรง
“นี่มันทักษะสงครามระดับใดกัน? เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้!…” วั่นเจี้ยนเฟิงเข้าใจถึงคำเตือนของเฮยมู่ทันที
สีหน้าของเฮยมู่เคร่งขรึม ประสบการณ์ทำให้เขาตัดสินระดับของเคล็ดวิชาโจมตีที่มู่ชิงเกอใช้ได้ในทันที “ระดับสวรรค์…”
“ระดับสวรรค์!” วั่นเจี้ยนเฟิงถอนใจยาว ก่อนจะถามเสียงเบา “เขาเป็นใครกันแน่?”
น่าเสียดาย คำถามนี้ไม่มีใครสามารถตอบเขาได้
เฝิงคุนไห่หันไปมองเฮยมู่ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโสเฮยมู่ วันนี้คนที่จะสามารถหยุดเขาได้ เกรงว่าคงมีเพียงท่านเพียงคนเดียวแล้ว!”
เฮยมู่นึกก่นด่าในใจ ‘เรื่องไปตายล่ะให้ข้าออกหน้า!’ แต่เมื่อมองดูสัตว์อสูรที่หลุดพ้นจากการบังคับควบคุมของตนแล้วเข้ารุมทึ้งศิษย์สำนักหมื่นอสูรจนบนพื้นเต็มไปด้วยแขนขาที่หลุดจากร่าง เลือดนองไปทั่ว จะไม่ก้าวขาออกไปก็ไม่ได้
พลัน ในขณะที่เขาก้าวขาออกไปนั้นเอง ดวงตาวับวาวของมู่ชิงเกอก็จับจ้องมาที่เขา พร้อมกับมองเขาด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ดวงตาคู่นั้นชวนให้เฮยมู่ตัวแข็งไปทั่วร่าง ไร้ความรู้สึก เยือกเย็นเป็นความรู้สึกเมื่อแรกเห็นตาคู่นี้ เมื่อเขามองเห็นสายฟ้าที่ระเบิดวาบในตานั้น เขาก็เบิกตากว้าง อยากจะวิ่งหนีไปเสียให้พ้นทันที เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
สายฟ้าขนาดเท่าท่อนแขน จำนวนนับไม่ถ้วนฟาดลงมาจากท้องฟ้า กระแทกลงกลางเมืองวั่นเฟิง
สภาพราวกับวันสิ้นโลก ชาวบ้านในเมืองต่างกุมหัวกรีดร้อง พวกเขาหลบอยู่ในบ้านโดยไม่มีใครมาช่วย ได้แต่พรํ่าภาวนาให้เภทภัยครั้งนี้ผ่านไปโดยเร็ว
เสียงระเบิดดังขึ้นรอบๆ จวนเจ้าเมือง กองเพลิงโหมไหม้ไปทั่วจวนเจ้าเมือง
มู่ชิงเกอยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าที่รุนแรงราวกับเป็นสายฟ้าในวันสิ้นโลก ผมปลิวพลิ้วสยาย สีหน้าแววตาเยือกเย็น
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องที่ข้างหูเรื่อยๆ ทำเอาวั่นเจี้ยนเฟิง ถามขึ้นอย่างหวั่นใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หากเป็นเพียงฟ้าผ่าธรรมดาคงไม่มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ไม่มีใครเข้าใจแจ่มแจ้งเท่ามู่ชิงเกออีกแล้ว
ดวงตาเยือกเย็นไร้ความรู้สึกนั้น มองจ้องความวุ่นวายที่นางสร้างขึ้นกับมือด้วยแววตาสะใจ
ตอนที่เข้ามาในจวนเจ้าเมือง นางได้โยนดินระเบิดที่ทำเองกับมือไว้ตลอดทาง อาศัยฝีมือและความว่องไวของนาง ไม่มีใครจะสังเกตได้ทัน
เสียงระเบิดดังรับกันเป็นทอดๆ ทั่วทั้งเมืองวั่นเฟิงราวกับมีพลุระเบิดดังอยู่กลางเมือง
นางหันไปมองวั่นเจี้ยนเฟิง ยิ้มเยือกเย็นพลางเอ่ย “ใต้เท้าเจ้าเมืองอุตส่าห์เชิญข้ามา จะให้มามือเปล่าได้อย่างไร? ดอกไม้ไฟชุดใหญ่นี้ถือว่าเป็นของกำนัลจากข้าแล้วกัน ท่านใต้เท้าคงพอใจ”
วุ่นวายไปใหญ่แล้ว วุ่นแล้ว วุ่นแล้ว!
ทั่วเมืองวั่นเฟิงราวกับตกลงไปในขุมนรก ทั่วเมืองเต็มไปด้วยเสียงระเบิด ทุกที่เติมไปด้วยทะเลเพลิงทั่วทั้งผืนนํ้า และแผ่นดินในเมืองล้วนมีเสียงครํ่าครวญดังก้อง
วั่นเจี้ยนเฟิงเองก็แยกไม่ออกแล้วว่าเขาตัวสั่นเพราะความโกรธหรือเพราะความกลัว เพียงแต่ดวงตาที่เขามองมู่ชิงเกอนั้นราวกับเห็นปีศาจอสูรเข้า แววตาหวั่น ผวาหวาดกลัว
“ชาวบ้านไม่เกี่ยวด้วย เจ้าก็ยังกล้าลงมือ!” วั่นเจี้ยนเฟิง โดนสายฟ้าฟาดเข้า กระอักเลือดออกมา ก่อนจะเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างลำบาก
มู่ชิงเกอหัวเราะเสียงดังก้อง “ชาวบ้านไม่มีความผิด? เป็นข้าที่มีความผิดหรือ? ข้าเองก็เห็นว่าตัวข้านั้นไร้ความผิดเช่นกัน แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงได้อยากเอาชีวิต ข้า? ข้าไม่ใช่เจ้าเมืองวั่นเฟิง ชาวบ้านจะเป็นจะตายเกี่ยวอะไรกับข้า? จะโทษก็ต้องโทษที่พวกเขามีเจ้าเมืองแสนดี จึงได้เกิดภัยเช่นนี้!”
การเลือกของคนๆ หนึ่ง ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่คนทั้งหมดต้องยอมรับ!
คำพูดของมู่ชิงเกอเหมือนเป็นมีดกรีดกลางใจ สีหน้าของวั่นเจี้ยนเฟิงซีดเผือดจนถ้อยคำจะตอบโต้!
มู่ชิงเกอกวาดตามองอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่ง ‘ใช้ชาวบ้านมาดึงรั้ง คิดว่านางหน้าตาใจดีหรือไร? นางไม่ใช่ดอกบัวขาวบริสุทธิไร้มลทินเช่นนั้น!’
อีกอย่าง โจมตีโดนคนไร้ความผิดหรือไม่ ไม่มีใครเข้าใจกระจ่างไปยิ่งกว่ามู่ชิงเกอ
สายฟ้าที่ฟาดลงในเมือง อย่างมากก็เพียงฟาดลงที่กระเบื้องไม่กี่แผ่น หรือไม่ก็ต้นไม้ แน่นอนว่า หากมีคนวิ่งออกมารนหาที่ตายจะโทษนางก็คงไม่ได้ การโจมตี หลักๆ มุ่งลงที่จวนเจ้าเมืองและดินระเบิดที่มาจากโลกอื่นก็มีเพียงแค่ในจวนเจ้าเมือง
เพียงแต่ว่า วั่นเจี้ยนเฟิงอยู่ตรงกลางเสียงระเบิด เลยไม่อาจเห็นสภาพจริงได้จึงได้แต่คิดไปเองว่าในเมืองก็คงมีสภาพเดียวกัน
“เจ้าทำผิดมหันต์ต่อเมืองวั่นเฟิง วันนี้ต้องจับเจ้าให้ได้!” เฮยมู่ตวาดเสียงก้อง แส้ที่มีเงาสะท้อนราวงูนั้น พุ่งเข้าโจมตีมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอยิ้มประหลาดให้เข้า และก่อนที่แส้นั้นจะถึงตัว ร่างนางก็หายวับไป
ดวงตาของเฮยมู่เบิกกว้าง สีหน้าเปลี่ยนแปรไปรวดเร็ว ก่อนจะเหลือบตาไปมองทางเผิงคุนไห่เอ่ยเตือนเสียงดังว่า “รีบหลบเร็ว!”
เฝิงคุนไห่ได้ยินเสียงเตือนของเฮยมู่ ในขณะที่คิดจะหลบหลีก กลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ ดูตึงเครียด ราวกับเขาตกอยู่ในสภาวะหนักหน่วง ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้
ใบหน้าของมู่ชิงเกอปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา
เฝิงคุนไห่เห็นเพียงมู่ชิงเกอยกยิ้ม หลังจากนั้นก็รู้สึกปวดขึ้นที่หน้าอก เขาได้สติก้มลงมอง ก็พบว่าอกของเขามีโพรงขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้น และภายในนั้นก็โล่งว่าง ไม่มีอะไร
เฝิงคุนไห่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเยือกเย็นราวนํ้าแข็งคู่นั้น สะท้อนเข้าภายในดวงตาเขา
ความเจ็บปวดเกินจะทน ทำให้เขาแทบอยากจะส่งเสียงร้องออกมา แต่ว่าเมื่ออ้าปากขึ้นก็เป็นเลือดสดๆ ที่มีเศษเนื้อเละๆ ปะปนออกมา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น
เฮยมู่ยังเข้าช่วยไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวั่นเจี้ยนเฟิงที่ยืนข้างๆ เฝิงคุนไห่แต่โดนวาจาไม่กี่ประโยคของมู่ชิงเกอตรึงไว้เลย
“รนหาที่!” เฮยมู่เห็นเฝิงคุนไห่โดนมู่ชิงเกอสังหาร แส้สีม่วงเข้มกรีดผ่านอากาศ หมายจะฟาดลงที่ร่างของมู่ชิงเกอ
แต่ว่า เมื่อยามที่ปลายแส้เขาสะบัดลง ร่างของมู่ชิงเกอก็พลันหายไปอีก
แส้งูสีม่วงเข้ม ฟาดลงที่ร่างของเฝิงคุนไห่ ทำให้ศพเขากลายเป็นเนื้อเละๆ กระจายไปทั่วพื้น
พลัน เฮยมู่ก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง เสียงของมู่ชิงเกอดังขึ้นด้านหลังเขา “เจ้าสุนัขเฒ่า ชีวิตเจ้าข้าจดไว้แล้ว วันหน้าข้าจะมาเอา!”
พูดจบนางก็สะบัดฝ่ามือฟาดลงที่ด้านหลังของเฮยมู่ จนเลือดลมเขาวิ่งพล่าน ก่อนจะล้มลงกับพื้นในทันใด
แส้งูสีม่วงเข้มพุ่งสะบัดออกไปโจมตี
แต่ทันใดที่พื้นใต้เท้าของมู่ชิงเกอก็มีค่ายกลปรากฏขึ้น และในขณะที่แส้จะเข้าโจมตีนั้นร่างของนางก็หายวับไปจากในจวนเจ้าเมืองวั่นเฟิง
และสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำก็หายไปพร้อมกับมู่ชิงเกอด้วย
เมืองวั่นเฟิงกลับสู่สภาวะปกติ แต่ภายในจวนเจ้าเมืองกลับวุ่นวายเละเทะ คนเจ็บตายเกลื่อนพื้น มีเพียงศิษย์สองคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ในเมืองวั่นเฟิง พวกเขาไม่ได้ใส่ใจการบาดเจ็บของตนเอง เข้ามาประคองเฮยมู่ วั่นเจี้ยนเฟิงก็ได้สติจากการตายของเฝิงคุนไห่ ก่อนจะเร่งเดินมาถามว่า “ผู้อาวุโสเฮยมู่ แล้วคนล่ะ? ตอนนี้จะทำอย่างไร?”
เฮยมู่บิดริมฝีปากหากแต่ไม่เอ่ยอะไร และในขณะที่วั่นเจี้ยนเฟิงจะระดมถาม เขาก็อาเจียนเลือดสีดำออกมาอย่างเหลือทน ก่อนจะล้มหงายหลังไป
“ผู้อาวุโสเฮยมู่ ผู้อาวุโสเฮยมู่!”