Skip to content

พลิกปฐพี 163-4

ตอนที่ 163-4

ท่านอา ข้าจะแบกเกี้ยวให้ท่าน!

สามวันถัดมา เมืองเจียงเฉิงแห่งแคว้นกู่วู่

การตกแต่งทั้งสามวัน เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิงกลายเป็นเมืองแห่งเทศกาลเฉลิมฉลอง ทุกครัวเรือนถูกปกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีแดงและดอกไม้ เพื่อเพิ่มสีสันสดใสให้กับเมืองเจียงเฉิง

ภายในพระราชวังแห่งเมืองเจียงเฉิง ก็ยิ่งถูกประดับตกแต่งอย่างงดงาม ดอกไม้หลากสีถูกจัดจนทำให้พระราชวังดูเหมือนว่าเป็นทะเลบุปผา ยอดเยี่ยมเช่น เดียวกับอยู่ในความฝัน

เวลาเริ่มต้นของงานแต่งงานยังเหลืออีกสองชั่วยาม มู่ชิงเกอเป็นญาติฝ่ายหญิง และก็ถูกเจียงหลีบังคับให้แต่งตัวให้ดูดี

การแต่งตัวให้ดูดี ก็แค่เปลี่ยนเป็นสวมเสื้อผ้าที่สวยงามขึ้น แต่ดูแล้วมีเสน่ห์งดงามไร้ที่ติ

“เจ้า ของที่เจ้าต้องการ”

ประตูถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับเสียงของผู้หญิง

มู่ชิงเกอไม่ได้หันหน้าไป เพียงแค่ถอนหายใจ เอ่ยอย่างเอือมๆ ว่า “เจ้าจะรู้จักการเคาะประตูตอนไหนกัน?”

เจียงหลีเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ข้าเป็นฮ่องเต้หญิง พระราชวังนี้ล้วนแต่เป็นของข้า ข้าเข้ามาในสถานที่ของข้า เหตุใดต้องเคาะประตูด้วย?”

“…” มู่ชิงเกอไร้คำพูดจะกล่าว รู้สึกว่าไม่มีวิธีจะพูดคุยกับผู้ที่มีสมองไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นเช่นนี้ได้เลย

จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วนางก็หันร่างกลับ ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกายไปชั่วขณะ เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เจ้าจะออกไปอย่างนี้หรือ นี่หวังจะให้สาวๆ ในแคว้นกู่วู่ของข้าหลงใหลจนลืมตาไม่ขึ้นหรือไร!”

“ขอบคุณที่ชม” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ทันใดนั้นดวงตาของนางก็ตกลงไปอยู่ที่สิ่งของในมือของเจียงหลี

ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ยื่นมือออกไปเอาของในมือของเจียงหลีแล้วเอ่ยว่า “ได้มาแล้วรึ!”

“ข้าก็พูดกับเจ้าแล้วว่าภายในสามวัน ข้าพูดคำไหนเป็นคำนั้น!” เจียงหลีเดินผ่านข้างกายของนางแล้วนั่งลงบนโต๊ะ หยิบผลไม้บนโต๊ะขึ้นมากิน

มู่ชิงเกอไม่ได้ตอบนาง กลับตั้งใจดูข้อมูลของตระกูลเซวีย และข้อมูลเกี่ยวกับเซวียเฉียว

ตระกูลเซวียเป็นตระกูลใหญ่ของแคว้นอวี่

จะพูดอย่างไรดี?

ดูเหมือนว่า ตระกูลเซวียจะเป็นเหมือนดั่งต้นไม้ใหญ่โบราณที่ขึ้นอยู่บนแผ่นดินแคว้นอวี่มานับพันปี ถึงจะมีอายุยาวนาน แต่กลับยังคงรุ่งเรือง เนื่องจากการเวลาเปลี่ยนแปลง ต้นไม้ใหญ่นี้ออกกิ่งก้านไปมากมาย รากหยั่งลึกเข้าไปในแผ่นดินของแคว้นอวี่ กิ่งก้านใบล้วนแต่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าของแคว้นอวี่

ในข่าวล่าสุดพบว่าองค์หญิงจากราชวงศ์ของแคว้นอวี่ แต่งงานให้กับผู้สืบทอดของตระกูลเซวีย เซวียฝาน ดูเหมือนจะพูดกันว่า เป็นราชวงศ์ที่เอ่ยขอเกี่ยวดองเอง ดูแล้วอิทธิพลของตระกูลเซวียต่อแคว้นอวี่ ทำให้พวกเขาล้วนต้องกริ่งเกรงไปสามส่วน

ตระกูลเซวีย ถือเอาบุ๋นเป็นหลัก เป็นขุนนางในราชสำนักมากมาย มีอีกมากที่เป็นนักเขียนนักกวีใหญ่ ยังมีลูกหลานอีกนับไม่ถ้วน คนในตระกูลบางส่วนในฝั่งพ่อค้า ก็เจริญเติบโตเป็นอย่างดี

ส่วนเซวียเฉียว เป็นรุ่นเยาว์อันดับเจ็ดในตระกูลเซวีย อยู่ในตระกูลเซวียที่แคว้นอวี่ก็ถูกเรียกว่าคุณชายเจ็ดตระกูลเซวีย ถือเป็นพวกนอกกรอบของตระกูลเซวีย

มีผู้บอกว่า ตั้งแต่เล็กเซวียเฉียวก็ไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านเพียงบันทึกการเดินทาง ไม่ชอบบุ๋น แต่กลับชอบบู๊ โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งจะอายุเต็มยี่สิบปี เขาก็เข้าสู่ ระดับพลังชั้นสีนํ้าเงินแล้ว ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะแห่งพลังของตระกูลเซวีย ส่วนพี่น้องอื่นๆ เหล่านั้นของเขา ในอายุเท่าเขานั้น ก็เพิ่งจะเข้าสู่ระดับพลังชั้นสีครามหรือ ระดับพลังชั้นสีเขียวเท่านั้น

เพราะว่าไม่ใช่บุตรคนแรกของตระกูล ดังนั้นตระกูลเซวียจึงไม่ได้เข้มงวดต่อเซวียเฉียวมากเท่าไหร่ ขอแค่เขาไม่ทำเรื่องอะไรให้ตระกูลต้องอับอาย ก็ตามใจเขา

เซวียเฉียวหรือคุณชายเจ็ดตระกูลเซวียผู้นี้ทำอะไรค่อนข้างเอาแต่ใจ ไม่สนใจขนบธรรมเนียม ทำตามใจของตนเอง อิสระเสรีมาก

ก่อนหน้านี้ห้าปี เขาออกจากแคว้นอวี่เริ่มเดินทางท่องเที่ยว ข่าวคราวจึงค่อยๆ น้อยลงไป

ในตอนที่มู่ชิงเกออ่านแผ่นสุดท้ายจบ เจียงหลีก็เอ่ยว่า “วางใจได้แล้วใช่หรือไม่? เซวียเฉียวคนนี้ยังคงใช้ได้ ไม่ว่าจะจากตระกูลชาติกำเนิด หรือว่าสถานะ หรือว่ารูปลักษณ์นิสัย ความสามารถ ล้วนแต่เหมาะสมกับท่านอาของเจ้า”

มู่ชิงเกอยิ้มๆ ในมือไหววูบก่อนจะมีเปลวไฟสีขาวอมนํ้าเงินลุกขึ้นอยู่บนฝ่ามือของนาง

เมื่อเปลวไฟนี้ลุก ก็ทำให้อุณหภูมิอบอุ่นทั่วทั้งห้องลดอุณหภูมิลง ดุจดังอยู่ในห้องน้ำแข็ง ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซวียและรายงานเกี่ยวกับเซวียเฉียวที่อยู่ในมือนาง ก็ล้วนแต่ถูกเผาไหม้เป็นขี้เถ้าไปด้วยเปลวไฟนํ้าแข็ง เปลี่ยนเป็นเกล็ดนํ้าแข็งตกลงพื้น

เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะร้องสูดปากและกอดแขนของตัวเอง “นี่เป็นเปลวเพลิงอะไรถึงได้หนาวขนาดนี้?”

“พญาเพลิงปีศาจไปกู่” มู่ชิงเกอเอ่ยออกมา โบกมือ เปลวเพลิงก็หายไป บรรยากาศภายในห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

นี่เป็นข้อดีของการสยบพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน ที่น่ารำคาญก็คือความสามารถที่พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนมี นางสามารถใช้ได้เพียงบางอย่าง เพียงแค่ตอนนี้ระดับความเข้ากันของนางกับหยวนหยวนยังไม่ถึงจุดสูงสุด ดังนั้นจึงสามารถใช้พญาเพลิงปีศาจไป๋กู่ได้ไม่มาก

ระดับความเข้ากันก็จะอิงตามระยะเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกัน แน่นอนว่าต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนั้นนางไม่ได้เป็นกังวล

แต่ทว่าวิธีนี้แตกต่างจากวิธีการกลืนกินของหานฉายไฉ่ วิธีของนางคือต้องการความช่วยเหลือจากหยวนหยวน ถ้าหากว่าหยวนหยวนต่อด้วยสู้เองหรือว่าอยู่ห่างจากนาง นางก็จะไม่สามารถใช้พญาเพลิงได้ แต่ว่าหยวนหยวนก็ยังสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ต่อไป และก็สามารถแข็งแกร่งไปพร้อมกันกับตนเองได้ คอยลุกไหม้อยู่ภายในร่างของมู่ชิงเกอ และก็ช่วยฝึกมู่ชิงเกอให้คุ้นชินกับความสามารถของพญาเพลิงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนแบบของหานฉายไฉ่เป็นการเอาพญาเพลิงมาเป็นของตนเองเลย เอาความนึกคิดของพญาเพลิงออก ให้มันผนึกอยู่ในสายเลือดแห่งเพลิงของเขา ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ และก็คือ ถึงแม้ว่าหานฉายไฉ่จะสามารถใช้งานพญาเพลิงเมฆสุริยาได้ทุกที่และตลอด เวลา แต่ว่าความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของพญาเพลิงก็จะคงที่ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

นอกจากว่า เขาจะเอาพญาเพลิงเมฆสุริยาในร่างออกจากนั้นก็กลืนพญาเพลิงชนิดอื่นที่แข็งแกร่งกว่า แต่ว่าอย่างไรก็ตามขั้นตอนของการเอาออกและการกลืนนั้นเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างยิ่งและสามารถตายได้ตลอดเวลา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!