Skip to content

พลิกปฐพี 165-3

ตอนที่ 165-3

คํ่าคืนอันครื้นเครง ข้าให้หนึ่งพันตำลึง!

“เจ้าว่าเจ้ามาจากแคว้นอวี่แคว้นอันดับสอง?” มู่ซงถามให้แน่ใจอีกครั้ง

งานเลี้ยงสังสรรค์ยามคํ่าคืนสนุกสนานครื้นเครง ดื่มกันไปสามรอบ มู่ซงก็ค่อยๆ ยอมรับในตัวบุตรเขย แต่ว่าเขายังคงมีความกังวลใจของตนเองอยู่

เซวียเฉียวพยักหน้า

มู่ซงขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ครอบครัวเจ้ายอมรับการแต่งงานของพวกเจ้าหรือไม่?” พูดไปก็มองหน้ามู่เหลียนหรงนัยน์ตาฉายแววกังวล

ไม่ใช่ว่าเขาคิดว่าบุตรสาวตนเองไม่คู่ควร แต่เป็นเพราะระหว่างแคว้นอันดับสองและแคว้นอันดับสามเดิมทีก็มีทะเลกั้นขวางอยู่

อีกทั้งอายุของบุตรสาวก็ค่อนข้างมาก ด้วยหน้าตาความสามารถของเซวียเฉียวย่อมหาสตรีในแคว้นอวี่แต่งภรรยาได้ไม่ยาก ตระกูลเซวียจะยอมรับบุตรสาวเขาไปเป็นสะใภ้หรือ?

คำพูดของมู่ซงทำเอามู่เหลียนหรงหลุบตามองตํ่า วางตะเกียบในมือลง

เซวียเฉียวเห็นเช่นนั้นจึงรีบกุมมือบางของนางไว้รับปากกับมู่ซงว่า “พ่อแม่ข้าเปิดกว้างมาก ย่อมต้องชอบเหลียนหรงแน่นอน อีกอย่างนี่คืองานแต่งของข้า ใครเหมาะสมที่จะมาเป็นภรรยาข้า ข้าเป็นผู้เลือกเอง ท่านพ่อตา ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อขอให้ท่านอนุญาต ผ่านไปสักระยะ ข้าก็จะพาเหลียนหรงกลับไปตระกูลเซวียที่แคว้นอวี่ รายงานเรื่องทั้งหมดให้ผู้อาวุโสที่บ้านทราบด้วยตนเอง ท่านโปรดวางใจ ข้าไม่มีทางรังแกเหลียนหรง และจะไม่ทำให้นางผิดหวัง!

คำพูดของเซวียเฉียวทำให้มู่เหลียนหรงกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

มู่ซงเองก็พยักหน้ารับอย่างวางใจ “ดี ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้า แต่ข้าจะบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า หากเจ้ากล้าทำให้เหลียนหรงเสียใจ ทำให้นางเจ็บชํ้า ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นแคว้นอันดับหนึ่ง แคว้นอันดับสองอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่สนด้วยว่าอำนาจตระกูลเซวียของเจ้าที่แคว้นอวี่จะยิ่งใหญ่เพียงใด กองกำลังทหารตระกูลมู่จะบุกไปถล่มตระกูลเซวียให้ราบคาบ เรียกร้องความเป็นธรรมให้บุตรสาวของข้า!”

เซวียเฉียวตะลึง สูดลมหายใจเอ่ยรับรอง “ท่านพ่อตาโปรดวางใจ ไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน!”

“ดี! ดื่ม!” มู่ซงยกจอกเหล้าขึ้น

เซวียเฉียวก็ไม่รีรอยกจอกเหล้าตรงหน้าขึ้นทันที ชนจอกกับมู่ซงแล้วดื่มหมดจอก

จากนั้น พวกเขาเหล่านั้นก็หารือรายละเอียดเรื่องงานแต่งของมู่เหลียนหรงที่จะจัดขึ้นที่แคว้นฉิน

ตามความคิดของมู่เหลียนหรงนั้นนางไม่ต้องการที่จะแต่งออกไปไกล เพราะว่าเป็นห่วงบิดา อีกทั้งรู้สึกหวาดกลัวหากต้องเข้าไปอาศัยที่ตระกูลเซวีย ไม่อยากถูกคุมขัง

ดีที่เซวียเฉียวเข้าใจความคิดนาง และรับปากว่าพวกเขาเพียงแค่เดินทางไปแคว้นอวี่เพื่อแจ้งเรื่องแต่งงานเท่านั้น พอทุกอย่างเรียบร้อยทั้งคู่ก็จะเดินทางกลับมาอยู่เป็นเพื่อนมู่ซง จากนั้นก็เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ถือเอาจวนตระกูลมู่ที่แคว้นฉินเป็นบ้านที่จะลงหลักปักฐาน

เมื่อเห็นว่าหัวข้อที่พวกเขาทั้งสามสนทนากันไม่เกี่ยวกับตนเอง มู่ชิงเกอก็หลบออกไปเงียบๆ

ลั่วตูยามคืนราตรี ความมืดมิดค่อยๆ เข้าปกคลุม

บนอาคารสูงในพระราชวังที่ตั้งอยู่ใจกลางวังหลวง ฉินจิ่นเฉินยืนอยู่เพียงลำพัง ทอดสายตามองไปทางที่ตั้งจวนตระกูลมู่ ด้านหลังของเขามีท่านอาจารย์ที่ติดตาม เขาไปทุกที่กับหัวหน้าขันทีวังหลวง

เสื้อคลุมมังกรบนร่างของเขา เสริมบารมีกษัตริย์ครองแคว้นให้น่าเกรงขามขึ้นหลายส่วน บดบังความโดดเดี่ยวอ้างว้างไปหลายส่วน

แต่เขากลับไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด ราวกับว่าแผ่นดินที่กว้างใหญ่ภายใต้เท้านี้เป็นเพียงความรับผิดชอบแต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาร้องขอ

เมื่อช่วงหัวค่ำเขาได้รับรายงานจากประตูเมือง

เขากลับมาแล้ว

ตอนที่รู้ข่าวนี้ฉินจิ่นเฉินรู้สึกว่าชีวิตของตนเองมีสีสันขึ้นมาทันใด ทำให้เขามีความคาดหวังและรอคอย แต่ว่าตนกลับไม่รู้ว่าจะพบเขาอย่างไร

ใช้ฐานะของฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้า?

หรือว่าเชิญในฐานะสหาย?

สหาย?

ฉินจิ่นเฉินหลุบตายิ้มขื่นๆ พวกเขาสองคนนับเป็นสหายหรือไม่? แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่แน่ใจ

ที่สำคัญคือพบว่าตัวเองกลัวที่จะพบหน้าเขาอยู่บ้าง บนโต๊ะในห้องทรงอักษรของเขามีฎีกาขอให้เขาเลือกสนมแต่งตั้งฮองเฮากองเต็มไปหมด แต่ว่าเขากลับไม่สนใจ เป็นเพราะอะไรนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้แจ้งแก่ใจ

เพราะว่า ทุกครั้งที่เห็นการร้องขอในฎีกานั้นในห้วงความคิดของเขาก็มีภาพมู่ชิงเกอลอยขึ้นมา

‘ข้าจะทำเรื่องที่ผิดต่อเขาไม่ได้เด็ดขาด!’ มือที่จับราวของฉินจิ่นเฉินกำแน่น

ร่างกายของเขาดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากจนสามารถเริ่มฝึกพลัง แม้ว่าเขาจะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกพลังไปก็ตาม แต่เขาก็ยังคงเพียรพยายาม

เพื่ออะไรนั้นคล้ายกับว่าตัวเองเองจะรู้และก็คล้ายว่าจะไม่รู้

ฉินจิ่นเฉินเป็นผู้ที่ควบคุมตนเองให้อยู่ในกฎระเบียบที่สุดมาโดยตลอด เมื่อเขารู้ว่าตนเองเกิดความรู้สึกที่ไม่สมควรเกิดกับมู่ชิงเกอ เขาก็เริ่มรักษาระยะห่างระหว่างทั้งคู่เอาไว้ ลมราตรีพัดโบกสะบัดชายชุดคลุมมังกรของฉินจิ่นเฉิน

หัวหน้าขันทีเดินเข้ามาเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท ลมแรงแล้ว”

ฉินจิ่นเฉินพยักหน้าจนแทบไม่เห็น เอ่ยกำชับเบาๆ “กลับตำหนักเถอะ”

เมืองลั่วตูยามราตรี สถานที่ที่ครึกครื้นที่สุดหนีไม่พ้นแหล่งกามารมณ์กิจการร้านค้าอื่นๆ ปิดร้านพักผ่อนไปกันหมดแล้ว มีเพียงที่นี่ที่เพิ่งจะเปิดบริการ

หอคณิกาที่โด่งดังที่สุดของลั่วตูชื่อว่า จุ้ยหงโหลว

พอยามราตรีมาเยือน ที่แห่งนี้ก็คึกคักเป็นแหล่งรวมตัวกันของคนหลากหลายฐานะ ครึกครื้นราวกับตอนกลางวัน

บรรดาหญิงคณิกาที่แต่งกายสวยสะพรั่งต่างมาออกันอยู่ด้านนอกประตู โยนผ้าเช็ดหน้า ชม้ายชายตาให้บรรดาชายหนุ่มที่เดินผ่านมา

แน่นอนว่าพวกนี้เป็นเพียงหญิงคณิกาธรรมดาของร้าน

ส่วนหญิงคณิกาที่หน้าตาสะสวยหมดจดพวกนั้นต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องหับของตนเอง เรียกราคาเป็นที่พอใจ ก่อนจะแสดงตัวออกมา

ค่ำคืนนี้ที่จุ้ยหงโหลวคึกคักเป็นพิเศษ ยังไม่ทันเท่าไร ด้านในก็คลาคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย

ไม่ใช่อื่นใด เพียงเพราะคํ่าคืนนี้ดาวเด่นของจุ้ยหงโหลวในช่วงหลายเดือนมานี้จะเปิดให้ประมูลคืนแรก ย่อม ทำให้บรรดาคุณชายเจ้าสำราญตบเท้าเข้ามาแย่งกัน ประมูล

“โอ้-! คุณชายเช่ามาแล้ว! เด็กๆ คุณชายเช่ามาถึงแล้ว ยังไม่ออกมาปรนนิบัติกันอีก!”

เมื่อเห็นเหยื่อชิ้นโตก้าวเท้าเข้ามาทางประตูใหญ่ แม่เล้าก็นวยนาดเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กลิ่นเครื่องหอมบนกายนางฉุนจัดจนรับไม่ไหว แต่เจ้าอ้วนเช่ากลับชื่นชอบอย่างยิ่ง

ไม่นานก็มีหญิงคณิกาหน้าตาสะสวยสองนางเดินเข้ามาขนาบซ้ายขวาเจ้าอ้วนเช่า อิงแอบแนบอกเขาออดอ้อนฉอเลาะ

สามคนหยอกเย้ากันอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าอ้วนเช่าก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยกับแม่เล้าว่า “คืนนี้เป็นคืนแรกของแม่นางเยาเถา ย่อมต้องเป็นของข้า แม่เล้าท่านต้องเตรียมการให้พร้อม แม่เล้าท้าวสะเอวเอ่ยขึ้นว่า “แหม คุณชายเช่าไยจึงพูดเช่นนี้ หากท่านสามารถประมูลคืนแรกของเยาเถาได้ ข้ารึไหนเลยจะไม่จัดเตรียมให้พร้อม? เพียงแต่ว่า ท่านก็ทราบดีว่าเยาเถาของเราหยิ่งในศักดิ์ศรีเพียงใด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่จะตอบตกลงให้เปิดประมูลคืนแรก นางคิดที่จะเลือกแขกอย่างไร ข้าไม่ได้เข้าไปจัดแจง”

“จุ๊จุ๊ แบบนี้แสดงว่าไม่ใช่ว่าเสนอราคาสูงแล้วจะได้ไปง่ายๆ สินะ” เจ้าอ้วนเช่าเดาะลิ้นถาม

แม่เล้ายิ้มแห้งๆส่งสายตาให้หญิงคณิกาปรนนิบัติเจ้าอ้วนเช่าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความคิดของเยาเถา เชิญคุณชายเช่ารีบเข้าประจำที่ ข้าได้ เตรียมที่นั่งที่ดีที่สุดไวให้ท่านแล้ว รับประกันว่าเยาเถานั้นสามารถเห็นท่านตั้งแต่แวบแรกแน่นอน”

ดวงตาเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียวของเจ้าอ้วนเช่ายิ้มหยีเป็นเส้นตรง ควักเงินออกมาหนึ่งก้อนยัดใส่มือแม่เล้า “จัดการได้ดีมาก ตบรางวัล!”

แม่เล้าหน้าตายิ้มแย้มขึ้นมาทันที โค้งคำนับให้เจ้าอ้วนเช่า ส่งเขาเดินเข้าไปในจุ้ยหงโหลว จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปร้องเรียกเชิญชวนลูกค้ารายอื่นๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!