(60%)ลวงพาขึ้นคอนโด
คีตกาลผวาเฮือก! เห็นผู้หญิงคนนั้นกระโจนเข้ามาด้วยท่าทางมุ่งร้าย เธอก็รีบวิ่งหนีทันที แต่ห้องก็ไม่ได้ใหญ่นัก จะหลบไปทางไหนได้เล่า!
“ปรา!” ตรีปุระรีบถลันเข้าไปจับตัวภรรยา
ปาราวตีเงื้อกรรไกรจ้วงแทง!
คีตกาลร้องลั่น “เหวอ!” เธอเบี่ยงตัวหลบแต่ปลายกรรไกรก็ยังเฉี่ยวข้อมือจนได้แผลเลือดอาบทันที
ตรีปุระรีบกระโจนเข้าไปยื้อยุดจับตัวภรรยาเอาไว้ “ปรา! ใจเย็นก่อน” หากไม่ใช่เพราะภรรยากำลังตั้งครรภ์ เขาคงถีบกระเด็น ตบให้คว่ำไปแล้ว ที่บังอาจทำร้ายคีตกาล
คีตกาลกุมบาดแผลเอาไว้ ทั้งตกใจทั้งตื่นกลัว ถูกปลุกปล้ำไม่พอ ยังจะถูกฆ่าอีก! แมร่งเอ้ย! วันนี้มันวันซวยอะไรวะ!
“ปล่อยปรา! ปราจะฆ่ามัน!” ปาราวตีดิ้นสุดแรง จนกรรไกรพลาดไปปักต้นแขนสามี ฉึก!
“โอ๊ย!” ตรีปุระร้องออกมา เลือดทะลักอาบแขนเป็นทาง
ปาราวตีตกตะลึงชะงักงัน! “คุณตัน!” เธอหน้าซีดมือสั่นสะท้านที่เผลอทำร้ายสามีเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
คีตกาลรีบฉวยโอกาสที่ภรรยาอาจารย์มัวแต่ตกใจ วิ่งไปคว้ากระเป๋า คว้ารองเท้า แล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“คีตกาล!” ตรีปุระเรียกเสียงหลง รู้สึกเหมือนดวงใจหลุดหาย
ครั้นวิ่งไปถึงหน้าลิฟท์ก็กดลิฟท์อย่างร้อนใจจิ้มปุ่มจนปุ่มแทบพัง
เมื่อลิฟท์เปิดออกก็รีบเข้าไปในลิฟท์กดปุ่มปิดรัวๆ หน้าซีดตัวสั่น เลือดหยดเป็นทาง เธอกอดกระเป๋า หิ้วรองเท้าไว้แน่น ครั้นลิฟท์เลื่อนลงไปถึงชั้นล่าง ลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบวิ่งออกไปทันที
ผู้คนได้แต่มองอย่างงงๆที่จู่ๆก็เห็นผู้หญิงวิ่งไปเหมือนหนีอะไรสักอย่าง
คีตกาลวิ่งเท้าเปล่าไปจนเหนื่อยก็หยุดหอบข้างกำแพง
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่มองดูอย่างงงๆ มีแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งนั่งขายของอยู่บริเวณนั้นก็ถามว่า “หนู เป็นอะไรรึเปล่า?” แม่ค้าถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตัวเองก็มีลูกสาวอายุอ่อนกว่านี้สักหน่อย
คีตกาลส่ายหน้า ทั้งๆที่ตัวยังสั่นๆหน้ายังซีดๆ หันไปเห็นผู้คนแถวนั้นมองมาเป็นตาเดียว จึงรู้สึกตัวว่าไม่ได้ใส่รองเท้า ก็รีบก้มลงวางรองเท้าแล้วสวมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินกอดกระเป๋าแน่น เดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แผลที่ข้อมือยังมีเลือดไหลก็ไม่ได้สนใจ
เธอเดินไปจนถึงหน้าศิวะสถาน(ตำหนักพระศิวะมหาเทพ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ MRT หัวลำโพง ด้วยความที่ต้องการหาที่พึ่งทางใจจึงเดินเข้าไปยกมือไหว้เทวรูปพระศิวะ กล่าวในใจว่า พระศิวะช่วยลูกด้วย!
คล้ายจิตใจจะสงบขึ้นมาหน่อย กลิ่นควันธูปเทียนหอมๆช่วยทำให้จิตใจที่กำลังสั่นกลัวค่อยๆสงบลง เธอเดินไปนั่งที่ม้านั่งแถวๆนั้น มองเทวรูปพระศิวะอย่างหาที่พึ่งทางจิตใจ
นั่งจนกระทั่งตัวหายสั่นแล้วจึงก้มลงมองตัวเอง เห็นข้อมือเลือดยังไหลซึมจึงล้วงผ้าเช็ดหน้ามาพันปิดแผลเอาไว้แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาคลีนิคเพื่อทำแผล เดินออกมาจากศิวะสถานได้หน่อยก็เจอคลินิกรักษาโรค จึงเดินผลักประตูเข้าไป
พยาบาลในคลินิกก็ลุกขึ้นต้อนรับ “ยินดีต้อนรับค่ะ ป่วยเป็นอะไรมาคะ?”
คีตกาลชูข้อมือข้างที่พันผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ มีเลือดซึมออกมา
พยาบาลก็รีบบอกว่า “เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พยาบาลเดินนำไปพบหมอทันที คีตกาลเดินตามไป
เมื่อเข้าไปในห้องตรวจ หมอก็ถามว่า “เป็นอะไรมาครับ?”
“โดนกรรไกรค่ะ” คีตกาลตอบแล้วก็วางกระเป๋าลงแกะผ้าเช็ดหน้าออก
หมอตรวจดูแผลเห็นว่าไม่ลึกมากก็หันไปสั่งพยาบาลว่า “เตรียมอุปกรณ์เย็บแผล เตรียมยาชา”
“ค่ะ” พยาบาลเดินไปหยิบของจากในตู้ออกมา
“ย้ายไปนอนบนเตียงเลยครับ” หมอบอกเสียงนุ่ม