Skip to content

พลิกปฐพี 191-4

ตอนที่ 191-4

มู่ชิงเกอ ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว

อาณาจักรเซิ่งหยวน เมืองเทียนตู

บริเวณที่ตระกูลหลานอาศัยอยู่ ถูกทหารองครักษ์ล้อมไว้อย่างแน่นหนา

คนตระกูลหลานและเหล่าเชื้อพระวงศ์เริ่มตรึงกำลังกัน ไม่ถึงก้าวสุดท้ายไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากที่จะสะบั้นความสัมพันธ์ ตอนนี้ผู้ที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอกประตูตระกูลหลาน ไม่ใช่มีเพียงเชื้อพระวงศ์ตระกูลหวงฝู่เท่านั้น ยังมีสามตระกูลที่เหลือ

หวงฝู่เฮ่าเทียนและประมุขหลานยืนประจันหน้ากันใบหน้าสุขุมเยือกเย็น “ประมุขหลานจะดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ไม่ตามข้ากลับวังหลวงหรือ?”

เดิมทีเขาทำตามที่หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยแนะนำ เรียกตัวประมุขตระกูลหลานเข้าวัง แต่กลับไม่คิดว่าจิ้งจอกเฒ่านี้จะอ้างว่าป่วยไม่ยินยอมเข้ามา ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งก็ล้วนแต่ไม่ได้ผล เขาจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่แข็งกร้าว

พูดจากใจ เขาไม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะเปิดศึกในเทียนตู

อย่างไรก็ตามหากตระกูลหลานยังคงเป็นเช่นนี้อีกต่อไป เพื่อมหาปราชญ์แล้วเขาก็ทำได้เพียงออกคำสั่งเปิดศึก

“เหอะ จักรพรรดิหยวน ท่านและข้าต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากตามท่านเข้าวังก็จะมีเรื่องดีๆ อะไรรออยู่? พอถึงเวลาเกรงว่าตระกูลหลานของข้าจะกลายเป็นลูกไก่ใน กำมือ” ประมุขหลานเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

“ประมุขหลาน! ท่านพูดเช่นนี้ดูท่าว่าท่านคงมีส่วนร่วมจริงๆ สินะ! ท่านคิดที่จะจัดการกับคุณชายมู่เช่นไร ยังไม่รีบเผยออกมาอีกหรือ!” หวงฝู่เฮ่าเทียนตวาดเสียงดัง

ประมุขหลานกลับยิ้มเย็นเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “จักรพรรดิหยวน ท่านดูท่าทางหน้าไม่อายของตัวท่านในตอนนี้สิ ยังคล้ายฮ่องเต้อยู่หรือ? ถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนจากแคว้นระดับสามจูงจมูกเดิน อาณาจักรเซิ่งหยวนให้ความสำคัญกับประชาชนชาวแคว้นระดับสามตั้งแต่เมื่อใด? ข้าไม่รู้จริงๆ”

“เจ้า! เจ้าชัดเจนว่าเป็นตัวโง่งม! คุณชายมู่ก็เป็นคนที่องค์มหาปราชญ์ต้องการตัว เจ้าก็ยังกล้าคิดร้ายต่อเขา!” เสียงของหวงฝู่เฮ่าเทียนแผดขึ้นสูงอย่างถี่รัว

เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกไป ประมุขของอีกสามตระกูลที่เหลือต่างพากันสูดอากาศหนาวเหน็บ ผู้ที่มหาปราชญ์ต้องการ? นี้มันหมายความว่าอย่างไร?

ในขณะที่ประมุขทั้งสามตระกูลปล่อยความคิดให้บินไป สีหน้าของประมุขหลานก็เปลี่ยนไป เอ่ยเสียงแข็งว่า “ผู้ที่มหาปราชญ์ต้องการอะไร ก็แค่ข่าวลือที่ปล่อยออกไปก็เท่านั้น แค่ถูกมหาปราชญ์เรียกเข้าเฝ้าเพียงครั้งเดียว จะหมายถึงอะไรได้? เขาทำร้ายลูกข้าอย่างโหดเหี้ยม หากข้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ก็เป็นเพียงฟันต่อฟันเท่านั้น”

ประโยคสุดท้ายของเขา เอ่ยขึ้นด้วยความเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันฉายชัดถึงความโกรธแค้น

“เจ้าจะไปรู้อะไร!” หวงฝู่เฮ่าเทียนโกรธจนไม่สนใจฐานันดร ในเวลานี้เขาไม่คิดที่จะปิดบังอีกต่อไป เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า “มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้เข้าเมืองเทียนตู ฮ่วนเอ่อร์ ก็ถูกมหาปราชญ์เรียกตัวเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลีกง กำชับกับเขาว่าไม่อนุญาตให้คุณชายมู่ถูกรังแกในระหว่างที่อยู่ในเทียนตู เจ้าพอจะเข้าใจไหมว่านี่เป็นเพราะอะไร?”

ตึง!

คำพูดของหวงฝู่เฮ่าเทียนราวกับท้องฟ้าคำรามสะเทือนพื้นดิน ไม่เพียงประมุขหลานตกตะลึง ยังมีประมุขอีกสามตระกูลที่เหลือด้วยที่ตกตะลึง ไม่เพียงเท่านี้คน ตระกูลหลานทั้งในและนอกไม่ว่าสถานภาพเช่นไร ต่างก็ถูกประโยคนี้ทำให้ตกตะลึง

สื่อถึงอะไร? สื่อถึงว่าการที่มู่ชิงเกอถูกมหาปราชญ์ให้ความสนใจไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือโคมลอย

เวลานี้เอง หวงฝู่ฮ่วนก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบ สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์

เขาเดินมาหยุดตรงข้างกายจักรพรรดิหยวน เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า “เสด็จพ่อ มีบางคนใช้ยันต์เคลื่อนย้ายถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วพะยะค่ะ ข้าได้ถามพวกเขาอย่างละเอียดแล้ว ในช่องว่างแห่งการทดสอบไม่พบคุณชายมู่และไม่พบคนของตระกูลหลาน” พูดจบเขาก็ปรายตามองสีหน้าอึมครึมหม่นหมองของประมุขหลานแวบหนึ่ง ยันต์เคลื่อนย้ายยังคงมีประสิทธิภาพ คำตอบนี้ทำให้จิตใจของจักรพรรดิหยวนผ่อนคลายลงได้บ้าง ประมุขตระกูลอื่นก็ลอบผ่อนลมหายใจ

หลังจากได้สติ หวงฝู่เฮ่าเทียนก็เอ่ยกับประมุขหลานว่า “พวกเจ้ามีแผนการอะไรกันแน่ ยังไม่รีบพูดออกมา!”

ประมุขหลานกลับเหมือนไร้กระดูก ทรุดลงกับพื้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวาดผวา “ไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้ว…”

คนอื่นยังฟังไม่ออกถึงความผิดปกติ หวงฝู่เฮ่าเทียนกลับจับสังเกตได้อย่างแม่นยำ เขาเอ่ยขึ้นทันทีว่า “คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีสกปรกกับยันต์เคลื่อนย้ายของคุณ ชายมู่!”

ประมุขหลานราวกับถูกฟ้าผ่าทั้งร่าง จู่ๆ เลือดก็ลดน้อยถอยลงทั่วร่าง

“เจ้า!” หวงฝู่เฮ่าเทียนโกรธจนดวงตาแทบจะระเบิดออกมา อยากที่จะลงมือฉีกประมุขหลานเป็นชิ้นๆ ด้วยตนเอง พร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยมิได้นัดหมาย ราวกับสัมผัสได้ว่าท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนแปลง บางทีถัดจากวันนี้ไป สี่ตระกูลใหญ่ก็จะเหลือเพียงสามตระกูลแล้ว

พวกเขาในเวลานี้ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความสำคัญของมู่ชิงเกอที่มีต่อซือมั่ว รู้สึกเพียงแค่ว่าผู้ที่โชคร้ายคือตระกูลหลาน

“ทหาร กุมตัวคนตระกูลหลานทั้งหมดเอาไว้!” หวงฝู่เฮ่าเทียนออกคำสั่ง องครักษ์หลวงเตรียมจะขยับ

“ข้าจะดูสิว่าใครกล้ามาแตะต้องตระกูลหลานของข้า!” จู่ๆ เสียงตวาดดังเลื่อนลั่น ก็แว่วออกมาจากส่วนลึกของตระกูลหลาน

กลางอากาศ เงาร่างโปร่งแสงสายหนึ่งปรากฏออกมา พลังนั้นกดอัดจนผู้คนส่วนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ร่างกายไร้เรี่ยวแรง

ที่สามารถต้านทานได้ก็มีเพียงผู้อาวุโสไม่กี่ท่านที่หวงฝู่เฮ่าเทียนพามา

ผู้อาวุโสพวกนั้นยันแรงกดดันนี้กลับไป เอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านผู้เฒ่าหลาน อย่าได้สร้างเรื่องวุ่นวาย!”

“เหอะ พวกเจ้าจะทำลายตระกูลหลานของข้า ยังไม่อนุญาตให้ตาเฒ่าเช่นข้าออกโรงอีกรึ?” เสียงเผด็จการกำเริบเสิบสานของท่านผู้เฒ่าหลานแว่วมา

หวงฝู่เฮ่าเทียนยกมือขึ้นยั้งบรรดาผู้อาวุโส หัวเราะดุดัน สายตาหยุดลงที่ประมุขหลานที่ปวกเปียกราวดินโคลน “พวกเจ้าตระกูลหลานก็รอไฟแค้นจากมหาปราชญ์เถอะ!”

“เจ้าเด็กน้อยหวงฝู่ อย่าเจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจ ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามหาปราชญ์จะทำให้ตระกูลหลานเราลำบากเพื่อเด็กน้อยคนหนึ่ง! ไสหัวไป!”

คลื่นอารมณ์ที่ก่อร่างจากพลังจิตมาเป็นระลอกไม่หยุดที่จะจู่โจมองครักษ์หลวงจนต้องถอยออกไป

หวงฝู่เฮ่าเทียนพยายามยืนปักหลักอย่างมั่นคง สีหน้าเปลี่ยนไปไม่บ่งบอกอารมณ์

หวงฝู่ฮ่วนที่ยืนอยู่ข้างกาย เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ “เสด็จพ่อ ภารกิจเร่งด่วนในเวลานี้คือหาวิธีช่วยพวกเขาออกมา”

ภายในช่องว่างแห่งการทดสอบ มู่ชิงเกอไม่คิดมาก่อนเลยว่าโชคของตัวเองจะดีเพียงนี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะพบกับคนจากสี่ตระกูล ตระกูลจิ่ง ตระกูลฮวา ตระกูลเฉิน และตอนนี้คนตระกูลหลานก็กำลังยืนอยู่เบื้องหน้านาง

เพียงแต่ว่า ความรู้สึกที่พวกเขาให้นางไม่คล้ายกับว่า กำลังตามหาแผ่นป้าย แต่ว่ากำลังตามหานางอยู่

นางไม่ได้ดูผิดไป ตอนที่หลานเฟยเยว่มองนาง นัยน์ตาก็ฉายชัดถึงความยินดี…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!