ตอนที่ 198-3
ข้าจะพาเจ้าไปฆ่าล้างตระกูล!
มู่ชิงเกอเก็บกระจกส่องเทพกลับ ในที่สุดสายตาก็กวาดไปหยุดอยู่ที่ร่างของโหลวเสวียนเถี่ย
เมื่อถูกนางมองมา โหลวเสวียนเถี่ยก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งกายเหมือนกับอยู่ในถํ้านํ้าแข็ง
มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นอย่างแปลกประหลาด ทันใดนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เขา พญาเพลิงปาฮวงซูคงไร้รูปลอยออกมาจากนิ้วของนางไปตกอยู่สองเท้าของโหลวเสวียนเถี่ย
“อ๊าก—–!”
อยู่ดีๆ ก็รู้สึกร้อนขึ้น ทำให้โหลวเสวียนเถี่ยร้องออกมาอย่างโหยหวน
เขาพยายามจะดับไฟ แต่ว่าเขามองไม่เห็น เพียงแค่รู้สึกถึงความแสบร้อนและเห็นภาพสยองขวัญที่สองเท้าของเขาถูกไฟเผาไหม้หายไป
เปลวไฟที่มองไม่เห็นเหล่านี้ลามขึ้นไปบนสองเท้าของเขา ค่อยๆ ลามขึ้น ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ กลืนกินเขาทั้งร่าง
คนที่ไม่รู้จักพญาเพลิงล้วนแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนดวงตาทั้งคู่ของหานฉายไฉ่กลับเยียบเย็นขึ้นมา ดวงตาเรียวยาวฉายแววขึงขัง กัดฟันพ่นคำออกมาประโยคหนึ่ง “เป็นพญาเพลิงปาฮวงซูคง!”
เขามองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงสามารถควบคุมพญาเพลิงปาฮวงซูคงได้!
หอสรรพสิ่งไม่มีอะไรที่ไม่รู้ หานฉายไฉ่รู้ว่ามู่ชิงเกอถูกไล่ฆ่าในแคว้นหรงและก็รู้ว่าเกิดการต่อสู้ขึ้นที่แม่นํ้าไร้พรมแดน
แต่ว่าที่เขาไม่รู้ก็คือมู่ชิงเกอได้ชิงพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนมาได้ อีกอย่างยังสามารถทำให้มันยอมสยบ ยิ่งไม่รู้อีกว่า มู่ชิงเกอยังบังเอิญได้รับพญาเพลิงปีศาจไป๋กู่ และทำพันธะสัญญากับพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน จากนั้นก็รวมกับพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนกลืนพญาเพลิงปาฮวงซูคงอีก เหมือนกับมีพญาเพลิงสามชนิดในการครอบครอง!
ดูท่า หอสรรพสิ่งก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องจริงๆ!
ในขณะที่โหลวเสวียนเถี่ยร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดออกมา เขาก็ค่อยๆ สลายหายไป
ตอนที่เขาเหลือไว้แค่เพียงร่องรอยของเถ้าสีดำนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อจัดการสี่ผู้นำของเรื่องวุ่นวายด้วยตนเองแล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา
นางเหนื่อยแล้ว
ขุมกำลังที่เหลือนางก็ขี้เกียจจะไปใช้สมองจัดการแล้ว นางพิงตัวซือมั่ว พิงอกเขา เอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่ดูเกียจคร้านว่า “ที่เหลือนี้เจ้าจัดการเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
สุดท้ายแล้วใครก็อย่าได้คิดที่จะหนี นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววอำมหิต
ซือมั่วไม่สนใจสายตาของคนอื่น ยื่นมือออกไปโอบเอวของมู่ชิงเกอ ปกป้องนางเป็นอย่างดี เอ่ยปลอบว่า “เหนื่อยแล้วก็พักเถอะ”
จากนั้นเขาก็เอ่ยกับกู่หยาและกู่เย่ว่า “นายหญิงของพวกเจ้าอยากจะดูดอกไม้ไฟ”
ดอกไม้ไฟ? ดอกไม้ไฟอะไร?
กลางวันแสกๆ จะมีดอกไม้ไฟมาจากไหน?
ทุกคนรู้สึกสงสัย แม้แต่คำพูดประกาศสิทธิ์ที่ซือมั่วเอ่ยออกมาว่า ‘นายหญิง’ พวกเขาก็ละเลยไป
หรือเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ปริมาณข้อมูลมีเยอะเกินไป พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะหาความหมายของคำๆ นี้!
พวกเขาไม่เข้าใจ แต่กู่หยาและกู่เย่นั้นเข้าใจดี
มู่ชิงเกอก็เข้าใจดี ดังนั้นนางจึงเอนตัวพิงซือมั่วยิ้มเบาๆ
กู่หยาและกู่เย่ขยับพร้อมกัน โยนคนของขุมกำลังทั้งสามลอยขึ้นฟ้า
ไม่ว่าคนในนั้นจะมีระดับพลังชั้นสีม่วง หรือว่าชั้นกักเก็บ เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ล้วนแต่อ่อนแอเหมือนกับเด็กทารก!
คนเหล่านี้ถูกซือมั่วข่มขวัญจนใกล้ตาย แล้วก็ยังถูกตัดลิ้น จากนั้นก็ได้เห็นความน่ากลัวของมู่ชิงเกอ ในตอนที่ถูกโยนขึ้นไปกลางท้องฟ้า แล้วคิดเชื่อมต่อคำพูด ของมหาปราชญ์ประโยคนั้น ดูเหมือนพวกเขาจะมองเห็นชะตาของตนเองแล้ว
เสียงครวญครางที่สิ้นหวังดังขึ้นมาในท้องฟ้า
บึ้ม—–!
ร่างๆ หนึ่งถูกระเบิด มองดูแล้วก็ดุจดั่งดอกไม้ไฟสีเลือดดอกหนึ่งกลางอากาศ
นั่นคือหลานกัง ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลหลาน
อดีตประมุขตระกูลหลานมองด้วยดวงตาเศร้าโศก แต่กลับไร้หนทางช่วยเหลือ
บึ้ม บึ้ม บึ้ม—–!
ร่างถูกละเบิดกลางอากาศทีละร่าง เศษเลือดเนื้อดุจดั่งสายฝนตกลงมา
หากไม่คิดว่ามันเป็นเลือด ในภาพก็อาจบอกได้ว่ามันสวยงามมาก ดูเหมือนกับดอกไม้ไฟยามกลางวันที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของมันกลางอากาศ
คนหลายร้อย ระเบิดตามกันไปเรื่อยๆ หยดเลือดที่สาดตกลงมา กระเซ็นเปื้อนไปยังทุกคนบนพื้น และก็ทำให้พระราชวังของอาณาจักรเซิ่งหยวนถูกปกคลุมไปด้วยเศษเลือดเนื้อ
คนที่อยู่บนพื้น แม้แต่องครักษ์เขี้ยวมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องอดทนต่อความรู้สึกไม่สบายใจปล่อยให้เศษเลือดเนื้อสาดใส่ร่างกาย
มีเสียงอาเจียนหลายเสียงดังเข้ามา ทุกคนตกเข้าไปอยู่ในความหวาดกลัว
ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าดอกไม้ไฟ!
ในนั้นมีเพียงแค่มู่ชิงเกอและซือมั่วที่ยังสามารถรักษาความสะอาดไม่มีร่องรอยของเลือดเปื้อนไว้ได้อยู่
ในตอนที่ร่างสุดท้ายถูกระเบิดบนท้องฟ้าแล้ว บนพื้นก็เต็มไปด้วยเลือดผสมกับกลิ่นโคลน ส่งกลิ่นฉุน แต่ว่ากลับเงียบสงบจนแม้แต่เข็มตกลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน
ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันที่ร้อนมาก แต่ว่าร่างกายของทุกคนที่นี่กลับรู้สึกเย็นเฉียบ เลือดทั้งร่างเย็นจนจับตัวกันเป็นก้อน พวกเขาคิดอยากจะหนีไปจากสถานที่อันน่าสยดสยองแห่งนี้ แต่ก็ไม่อาจจะขยับได้!
หวงฝู่เฮ่าเทียน หวงฝู่ฮ่วน สามตระกูลใหญ่ จ้าวหนานซิง ฟ่งอวี๋เฟย เจียงหลี หานฉายไฉ่ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
พวกเขาล้วนแต่ถูกเศษเลือดเนื้อเปื้อนไปทั้งตัว ได้รับรู้ถึงด้านที่เหี้ยมโหดของซือมั่ว
คนเหล่านี้สำหรับเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก ตอนที่เขาไม่สนใจสามารถปล่อยเลยตามเลยได้ หากว่าต่อต้านเขา เขาก็จะใช้วิธีที่เหี้ยมโหดที่สุดจัดการได้ เช่นเดียวกัน มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองที่ซือมั่ว เขาเป็นคนที่สะอาดสะอ้านไม่ชอบสิ่งสกปรกมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถูกล้อมรอบไปด้วยเลือด มองเห็นรูปลักษณ์ที่ดูสบายๆ ของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับฉากที่เต็มไปด้วยเลือดมานานแล้ว เมื่อรู้สึกว่าถูกมู่ชิงเกอลอบมอง ร่างของซือมั่วก็แข็งทื่อขึ้นมา ก้มลงมองนาง กะพริบตาเล็กน้อย เขาเอ่ยถามเสียงเข้มว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์กลัวหรือไม่?”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมจึงต้องกลัว?”
“…” ซือมั่วชะงัก รูปลักษณ์ของนางสงบเงียบไม่มีร่องรอยของการเสแสร้ง ทำให้เขาพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
เดิมเขาคิดจะถามนางว่ารู้สึกว่าตนเองโหดร้ายหรือไม่
แต่ว่าท่าทางของมู่ชิงเกอได้ตอบทุกอย่างแล้ว
นี่ทำให้ในใจของเขาสบายใจขึ้นมาไม่น้อย!
ไม่ผิด! นี่ถึงจะเป็นตัวจริงของเขาที่เป็นตัวแทนของการฆ่าล้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด!
มีแต่ตอนที่อยู่ต่อหน้านางเท่านั้น ที่เขาจะสามารถล้างกลิ่นคาวเลือด ใช้ทุกอย่างที่มีไปรักนางทะนุถนอมนาง
ในโลกนี้ มีแค่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอและมีค่าในหัวใจของเขา ถือเป็นทุกอย่างที่เขามี!
ซือมั่วยิ้มแล้ว รอยยิ้มของเขาระงับความหมองเศร้าของเลือด เขาหัวเราะขึ้นมา หัวเราะอย่างยินดี มีมู่ชิงเกอที่เข้าใจเขาก็พอแล้ว
รอยยิ้มของเขาส่งผลไปยังมู่ชิงเกอและก็ทำให้มุมปากของนางโค้งขึ้น ในตอนที่ทุกคนชะงัก อยู่ดีๆ ซือมั่วก็หยุดหัวเราะ เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าจะพาเจ้าไปฆ่าล้างตระกูล!”
เมื่อคำพูดหลุดออกไป ทั้งสองคนก็หายตัวไปจากจุดเดิม กู่หยาและกู่เย่ก็รีบตามไป
ในตอนที่ทุกคนกำลังมึนงง กลางอากาศก็มีเสียงอันเย็นชาของซือมั่วดังขึ้นมา “ทุกคนที่กล้าทำร้ายเจ้า ล้วนแต่ต้องสังหาร สังหาร สังหาร!”
คำพูดประโยคนี้เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังเตือนคนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์!
คนไปแล้ว แต่ว่าคนที่คุกเข่าอยู่ในเขตหวงห้ามกลับยังไม่ได้สติขึ้นมา พวกเขายังคงดูเหมือนว่าอยู่ในขุมนรกอยู่
“คุณชาย—–!”
องครักษ์เขี้ยวมังกรได้สติ ยืนขึ้นมา คิดจะตามไป แต่เจียงหลีกลับหยุดพวกเขา เอ่ยกับพวกเขาว่า “อย่าไปเลย จะไล่ตามทันหรือ? ไปรอที่เรือนรับรองเถอะ”
พูดเสร็จแล้วนางก็มองเลือดที่เปื้อนตัวนางอย่างนึกรังเกียจ พึมพำออกมาประโยคหนึ่งว่า “ข้าอยากจะกลับไปอาบนํ้าแล้ว! อำมหิตเกินไปแล้ว! จะจบฉากเช่นนี้ก็ช่วยสนใจในความรู้สึกของข้าบ้างได้หรือไม่?”