Skip to content

พลิกปฐพี 206-2

ตอนที่ 206-2

ท่านอาของข้าเจ้าสามารถลบหลู่ได้อย่างนั้นหรือ?

มู่ชิงเกอถูกเซวียเฉียวพามาถึงเรือนขับกลอน นี่เป็นสถานที่ที่ตระกูลเซวียใช้เป็นที่รับแขกโดยเฉพาะ

ก่อนที่มู่ชิงเกอจะมาถึง ของที่ใช้ตกแต่งด้านใน ทั้งอุปกรณ์ชงชา เครื่องหอมและอื่นๆ ล้วนถูกเปลี่ยนใหม่หมด อีกอย่างล้วนแต่เป็นของที่มู่ชิงเกอชอบหรือคุ้นเคย คนของตระกูลเซวีย สามารถรู้จักความชอบของมู่ชิงเกอได้ ก็แน่นอนว่ามาจากมู่เหลียนหรง

เข้าไปในเรือนขับกลอน ก็เหลือแค่เพียงคนของบ้านตนเอง

มั่วหยางและคนอื่นๆ หลังจากทำความเคารพมู่เหลียนหรงแล้ว ก็ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่

ไม่ได้พบมู่ชิงเกอตั้งนานในครั้งนี้มู่ชิงเกอยังปรากฎตัวในสถานะของหญิงสาวอีก นี่ก็ทำเอามู่เหลียนหรงทั้งตื่นเต้นดีใจ ทั้งแปลกใจ นางคิดจะถามอย่างชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้น แต่กลับถูกท่าทางที่ดูเยียบเย็นของมู่ชิงเกอทำให้ตื่นตระหนก

“เซวียเฉียว เจ้าปกป้องท่านอาของข้าอย่างนี้น่ะหรือ?” มู่ชิงเกอต่อว่าเซวียเฉียว

เซวียเฉียวชะงัก สีหน้าแดงขึ้น เขาไม่ได้สบตากับมู่ชิงเกอ แต่กลับขบริมฝีปากแน่น

ดูเหมือนว่า เขาก็จะรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

มู่เหลียนหรงเห็นมู่ชิงเกอโกรธก็รีบอธิบายว่า “ชิงเกอ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เซวียเฉียวปฏิบัติต่อข้าอย่างดีเสมอมา เป็นข้าที่ไม่ยอมให้เขาเกิดความเข้าใจผิดกับบิดามารดาของตนเองเพราะข้า”

มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างเคืองๆ ว่า “ท่านอาของข้าที่องอาจกล้าหาญ เหตุใดเมื่อแต่งงานแล้วถึงได้กลายเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกรังแกไปได้?”

ร่างของมู่เหลียนหรงชะงัก สองมือลูบเบาๆ ไปยังท้องที่รู้สึกปวดหนึบๆ ของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว

สายตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังท้องเล็กๆ ของนาง แล้วก็ถอนหายใจในใจ

“เจ้าพูดถูก เป็นข้าที่ไม่ปกป้องเหลียนหรงและลูกของเราให้ดี ทำให้นางได้รับความอดสูแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ช่วงเวลานี้ข้าจะพาเหลียนหรงออกไป กลับไปแคว้นฉินให้นางได้พักผ่อนดูแลครรภ์” เซวียเซียวที่เงียบไปนาน อึดใจหนึ่ง ในที่สุดก็เงียบจนได้ประโยคนี้ออกมา

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอถูกคำพูดของเขาประโยคนี้ทำให้โมโห

ผู้ชายคนนี้ คิดไปตั้งครึ่งค่อนวัน กลับคิดได้แต่วิธีหนีเท่านั้นน่ะหรือ?

พาท่านอากลับไปตระกูลมู่?

ฟังแล้วก็ดูเหมือนจะไม่เลว เพื่อภรรยาและบุตร ไม่เสียใจที่จะหันหลังให้ตระกูล ไปใช้ชีวิตที่บ้านภรรยา!

แต่ว่า หากคิดให้ละเอียด ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีวิธีจะพูดคุยกับบิดามารดาและตระกูลให้ยอมรับภรรยา จนไม่อาจไม่ใช้วิธีหนีได้ หรือว่า เขาจะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเซวียไปชั่วชีวิตได้อย่างนั้นหรือ? มู่เหลียนหรงที่มีสถานะเป็นสะใภ้ของตระกูลเซวียก็ไม่สามารถเข้าสู่ตระกูลเซวียได้ตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ? เพียงแค่เข้ามาในตระกูลเซวียก็จะต้องยอมทนกับคำพูดเย็นชาที่ยากจะทนทานไปตลอดงั้นหรือ?

ตอนนี้เวลานี้ มู่ชิงเกอรู้สึกสงสัยจริงๆ ว่าท่านอาแต่งให้กับผู้ชายเช่นนี้นั้นเป็นการแต่งที่ผิดพลาดหรือไม่!

“เซวิยเฉียว ข้าขอบอกเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถทำให้คนของบ้านเจ้ายอมรับท่านอาของข้าจากใจจริงได้ เช่นนั้นข้าก็จะพาท่านอากลับไป นับแต่นี้ต่อไปไม่ใช่ สะใภ้ของตระกูลเซวียเจ้าอีก!” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างโมโห

“เจ้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้!” เซวียเฉียวมองมู่ชิงเกออย่างตกใจ

“มีอะไรทำไม่ได้? ในเมื่อเจ้าไม่สามารถปกป้องท่านอาของข้าอย่างดีได้ทำได้เพียงให้นางต้องทนอดสู เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีของนาง!” มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ฉายแววแข็งกร้าว

“ข้าสามารถ!” เซวียเฉียวตะโกนออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตะโกนเสียงดังต่อหน้ามู่ชิงเกอ

ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่ามู่ชิงเกอจะเป็นผู้เยาว์แต่เขาก็นับถือนางจากใจจริง

แม้แต่เมื่อวานที่ข่าวเรื่องที่มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงถูกร่ำลือมา เขานอกจากตกตะลึงแล้วก็ยิ่งเพิ่มความนับถือขึ้นไปอีก

เพราะว่า เขาสามารถจินตนาการออกได้เลยว่า หญิงสาวคนหนึ่ง สามารถเดินมาถึงระดับพลังและตำแหน่งในวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายดายเลยสักนิด

แต่ว่า ถ้าหากมู่ชิงเกอต้องการนำภรรยาของเขาไป เขาก็จะขอสู้ตายกับมู่ชิงเกอ!

“เซวียเฉียว!” มู่เหลียนหรงร้องออกมา ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นคนที่นางสนิทมากที่สุด มาตอนนี้กลับมาเผชิญหน้ากัน นี่ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยใจ นางเอ่ยกับเซวียเฉียวว่า “ชิงเกอเพิ่งจะมาถึง ต้องพักผ่อน เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก กลับไปก่อนเถอะ อีกครู่ข้าค่อยกลับไป”

“ข้าไม่ไป เจ้าคิดว่าข้าขัดตา ข้าก็จะไปรอเจ้านอกเรือน” เซวียเฉียวจับมือของมู่เหลียนหรงแน่น ดุจดังเด็กเล็ก

มู่เหลียนหรงยิ้มๆ ดึงมือของตนเองออกมา แน่นอนว่า นางรู้ดีว่าเซวียเฉียวตื่นตกใจอะไร รับรองกับเขาว่า “ข้าเป็นภรรยาของเจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะเป็น จุดๆ นี้จะไม่เปลี่ยนและข้าก็จะไม่จากเจ้าไปไหน”

เมื่อได้รับคำรับรอง เซวียเฉียวถึงได้ฝืนใจจากไป ก่อนจะไป ยังหันมามองมู่ชิงเกอแวบหนึ่งอย่างไม่วางใจ

หลังจากใช้สายตาส่งเซวียเฉียวจากไปแล้ว มู่เหลียนหรงก็หันกลับมามองทางมู่ชิงเกอ เห็นใบหน้าของนางดูเคร่งขรึม ก็ยิ้มๆ ดึงมือนางขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป? ยังโกรธอยู่หรือ? เอาละ อย่าโกรธอีกเลย เรื่องมันใหญ่แค่ไหนกันเชียวถึงทำให้คุณชายมู่ของพวกเราโมโหได้ถึงขนาดนี้? รีบนั่งลง พูดกับอาสิว่า เจ้าที่อยู่ในสภาพนี้ได้ มันเกิดอะไรขึ้น? เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าข้าที่อยู่ในเรือนฝ่ายในของตระกูลเซวีย มีเรื่องราวภายนอกมากมายที่ไม่รู้”

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับมู่เหลียนหรง สีหน้าของมู่ชิงเกอถึงได้ผ่อนคลายลง

นางไม่ได้อธิบายเรื่องราวของตนเอง แต่กับเอ่ยกับมู่เหลียนหรงว่า “ท่านอา ท่านอยู่ตระกูลเซวียได้รับความอดสู หรือไม่? ท่านอย่าคิดที่จะปิดบังข้า ท่านก็รู้หากว่าข้าอยากรู้ก็มีวิธีที่จะรู้ได้อยู่ดี”

มู่เหลียนหรงยิ้มๆ ส่ายหน้า ดึงมู่ชิงเกอมานั่งบนเก้าอี้ อธิบายกับนางว่า “ชิงเกอ อารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอา แต่ว่าสภาพการณ์ในตระกูลเซวียนั้นซับซ้อนมาก มีเรื่องหลายเรื่องที่ไม่ได้ง่ายดายอย่างภาพเบื้องหน้า ท่านแม่…ก็เป็นแม่ของเซวียเฉียวและก็ไม่ได้มีเจตนาจะรังแกข้า”

“ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านอาสบายดีหรือไม่เท่านั้น หากว่าไม่สบายพวกเราก็กลับบ้าน” มู่ชิงเกอเอ่ยตรงๆ

มู่เหลียนหรงยิ้มๆ พยักหน้า ใบหน้าฉายแววมีความสุข “ข้าสบายดี”

“ที่จริงแล้ว ในตอนก่อนที่จะรู้ว่าเจ้าจะมานั้น ข้ากับเซวียเฉียวได้เคยพูดคุยตกลงกันแล้ว ตระกูลเซวียข้าไม่อาจอยู่ได้ ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ยอมที่จะอยู่ที่นี่ ผ่านไปอีก สักระยะ พวกเราก็จะกลับแคว้นฉิน เพื่อให้ข้าได้ดูแลครรภ์และคลอดลูกในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยและวางใจ รอลูกคลอดออกมาแล้ว ท่านปู่ของเจ้าก็สามารถมีความสุขร่วมกันได้ เมื่อลูกโตขึ้นมาหน่อย พวกเราค่อยพาเขาท่องเที่ยวไปทั่วหลินชวน” มู่เหลียนหรงอธิบายกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “ตระกูลเซวียจะยอมตกลงหรือ?”

“ตระกูลเซวีย…” มู่เหลียนหรงครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “เซวียเฉียวจะจัดการเอง”

มู่ชิงเกอไม่พูดจา

นางไม่อยากจะพูดว่าท่านอากับเซวียเฉียวคิดเรื่องนี้ง่ายดายเกินไป

นับจากที่พบกันเมื่อครู่ นางก็สามารถรู้สึกได้เลยว่าฮูหยินคนนั้นของตระกูลเซวียเป็นคนที่ดื้อดึง เมื่อก่อนที่ตระกูลเซวียสามารถให้เซียวเฉียวออกไปท่องเที่ยวด้าน นอกได้นั้น ก็เป็นเพราะถึงอย่างไรนกออกจากรังก็ต้องกลับมารังอยู่ดี ไม่ว่าเซวียเฉียวจะอยู่ที่ไหน ตระกูลเซวียก็คือรากเหง้าของเขา แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงออกไป แต่งงานเองด้านนอก ทั้งยังอยากกลับไปอยู่บ้านกับภรรยาอีก นี่เป็นการตบหน้าตระกูลเซวียอย่างไม่ต้องสงสัย

ตระกูลใหญ่เช่นตระกูลเซวีย ถือหน้าตาสำคัญเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แล้วจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

วิธีเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ก็คือต้องทำให้ตระกูลเซวียยอมรับท่านอาเป็นสะใก้ด้วยใจจริง ทำให้นางไม่ว่าจะอยู่จวนตระกูลเซวียหรือว่ากลับบ้านเดิมก็อยู่อย่างสบายใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!