Skip to content

พลิกปฐพี 212

ตอนที่ 212

ลักพาตัวผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเล!

บนทะเลแห่งทุกข์เขตที่อยู่ของพวกเผ่าปีศาจทะเล

ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทราบได้ว่าเขตทะเลที่ถูกเผ่าปีศาจทะเลปกครองอยู่มีขนาดใหญ่มากเท่าไร

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี เรือขนาดยักษ์ค่อยๆ เคลื่อนไปด้านหน้า แหวกผ่านนํ้าทะเลสีดำคลํ้าดุจนํ้าหมึกภายใต้ท้องฟ้าสีดำมืด แล่นไปด้านหน้าท่ามกลางม่านหมอก ด้านหลังตัวเรือก็ไม่มีกองทัพของเผ่าปีศาจทะเลที่ไล่ตามมาอีกแล้ว มีเพียงพลติดตามเพียงแค่ไม่กี่คน ที่ลอบติดตามไกลๆ อยู่ด้านหลัง จับตามองทุกการกระทำของพวกเขา

ไป๋สี่เดินไปยังข้างกายของมู่ชิงเกอ รับลมคู่กันกับนาง

ผ่านไปอึดใจหนึ่งนางก็หันมองไปทางมู่ชิงเกอ กล่าวถามอย่างสงสัย “เผ่าปีศาจทะเลฝั่งนั้นจะตอบรับข้อเสนอของพวกเราจริงๆรึ?”

“คงไม่” มู่ชิงเกอตอบออกไปตรงๆ ตามความจริง

คำตอบนี้ก็ทำให้ดวงตางามของไป๋สี่หรี่เล็กลง เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “แล้วทำไมเจ้ายัง…”

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางยอมร่วมมือ แล้วทำไมจะต้องทำเช่นนั้นอีก?

ไป๋สี่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างไม่เข้าใจ

นางแต่เดิมก็นึกว่าตนเองที่ดำรงอยู่มายาวจะมองมนุษย์ทะลุปรุโปร่งแล้ว สำหรับจิตใจของมนุษย์ก็รู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ว่า หลังจากที่ได้ใกล้ชิดกับมู่ชิงเกอ นางถึงได้ค้นพบว่าตนเองไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว

“ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แต่อย่างน้อยก็จะร้อนใจทำอะไรติดขัด” มู่ชิงเกอกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง

ไป๋สี่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของมู่ชิงเกอ ราวกับว่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของนางอยู่เล็กน้อย

เกรงว่ามู่ชิงเกอที่ยอมให้ฟู่คังกับเจี๋ยซั่งกลับไปรายงานข่าว ก็จะไม่ใช่แค่เรื่องกองหนุน

นางครุ่นคิดพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ปีศาจทะเลอาศัยอยู่ในเขตทะเลแห่งนี้มาหลายรุ่นต่อหลายรุ่น ตอนนี้ก็คงขยับ

ขยายออกไปจนไม่รู้ว่ามีจำนวนมากเท่าไร พวกเราเพิ่งจะมาเยือนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ไม่รู้ว่าขุมกำลังของพวกปีศาจทะเลฝั่งนั้นเป็นอย่างไร เจ้าที่ทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการดึงดูดความสนใจของพวกเขา ให้พวกเขาออกมาจากเงามืด?”

ยิ่งพูดไปถึงด้านหลัง ในใจของไป๋สี่ก็ยิ่งตระหนกขึ้น

นางที่รู้สึกตระหนกก็เพราะความคิดของมู่ชิงเกอนั้นลํ้าลึก ถึงกับสามารถวางหมากรองรับเหตุการณ์ล่วงหน้าในช่วงเวลาที่กำลังชุลมุน ทีละก้าว…ทีละก้าวดึงพวกปีศาจทะเลเข้าลู่กับดัก ถูกนางจูงจมูกมาอย่างช้าๆ

“แต่ว่าถ้าหากไปยั่วโมโหพวกปีศาจทะเลจริงๆ เข้า แล้วพวกเขาออกจากที่มั่นออกมาไล่ล่า พวกเราจะทำเช่นไรเล่า?” ไป๋สี่ก็กลายเป็นไม่เข้าใจแล้ว

มู่ชิงเกอกลับยิ้มขึ้นอย่างไม่ใส่ใจสายหนึ่ง “ในกลศึก ศัตรูอยู่ในที่ลับเราอยู่ในที่แจ้งก็ถือเป็นการเสียเปรียบ พวกเราบีบให้พวกเขาออกมาจากเงามืด แต่เดิมนี่ก็ถือ เป็นการพลิกเปลี่ยนจากความเสียเปรียบ เกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นเช่นไร ก็คงต้องดูการตอบกลับของพวกปีศาจทะเลฝั่งนั้นแล้ว”

ไป๋สี่ถูกประโยคนี้ของนางทำเอานิ่งชะงักไปอีกครั้ง

มู่ชิงเกอเหล่มองมาที่นาง ก่อนจะเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “ทำไมรึ?”

ถูกแววตากระจ่างกวาดมองมา ไป๋สี่ก็บ่นพึมพำว่า “ข้าก็ยังนึกว่าเจ้าไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถคาดเดาได้หมดเสียอีก”

มู่ชิงเกอนิ่งชะงักไป ก่อนจะหัวเราะขำขึ้นมา

หลังจากหัวเราะเสร็จแล้วนางก็หันไปเอ่ยกับไป๋สี่ “เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าสูงส่งขนาดนั้น ถ้าหากเรื่องทุกอย่างข้าสามารถคาดเดาได้หมดดุจทวยเทพ เช่นนั้นข้าก็ไม่ใช่ กลายเป็นเทพเซียนไปแล้วรึ?”

“เจ้าก็ไม่ต่างกันเท่าไรแล้ว’’ไป๋สี่เอ่ยออกมา

การกล่าวของไป๋สี่ มู่ชิงเกอก็ได้แต่ยิ้มอย่างไร้เสียง สายตาของนางร่วงตกลงไปยังผิวนํ้า ในใจเอ่ย ‘ไม่ ข้ายังไม่แข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้น! ในภายภาคหน้า ก็ไม่รู้ว่ายังมีอุปสรรคเท่าไรก็รอให้นางไปฝ่าทะลวงอยู่ เดินเข้าไปใกล้ๆ ข้างกายของชายผู้นั้นทีละก้าวๆ ไม่เป็นตัวถ่วงของเขา แต่กลายเป็นบ่าที่เขาสามารถพึ่งพิงได้’

หมู่เกาะในทะเลแห่งทุกข์ล้วนแต่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในม่านหมอก บนผืนทะเลก็ไม่อาจมองเห็นมันได้โดยตรง มีเพียงแต่เข้าใกล้แล้วถึงจะเห็นโขดหินและหมู่เกาะ

ตระหง่านสูงขึ้นจากก้นทะเล

หมู่เกาะพวกนี้ก็ราวกับเสาหินที่แตกร้าว และก็เหมือนกับร่มที่ยื่นออกมาจากผิวนํ้า ฝังปลายแหลมจมลึกลงไปยังก้นทะเล ฝั่งกว้างก็ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างผิวนํ้ากับท้องฟ้า

ด้านบนตัวเกาะ มีทั้งภูเขาแม่นํ้า ป่าไม้และที่ราบ สิ่งมีชีวิตนานาพรรณดูอุดมสมบูรณ์ ราวกับโลกที่ตัดขาดออกจากโลกภายนอก

ระหว่างหมู่เกาะพวกนั้นก็อาศัยเถาวัลย์ที่แข็งแรงและแน่นเหนียวในการไปมาหาสู่กัน ด้านบนสร้างสะพานแขวนขึ้น กลายเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางไปมาในเกาะ แต่ไกลออกไปบนโขดหินที่ยื่นออกมาด้านนอกจำนวนหนึ่ง ก็จะมีพลลาดตระเวนของเผ่าปีศาจทะเลค่อยจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวบนผืนทะเล

“ใคร!” ผิวทะเลยามราตรีสะท้อนขึ้นมาเสียงกระจายของสายนํ้า

ปีศาจทะเลนั้นมีสัมผัสที่รวดเร็วต่อการกระเพื่อมสั่นไหวของสายนํ้ามาก นี่ก็ทำให้พลลาดตระเวนบนโขดหิน กลายเป็นระมัดระวังขึ้นมา

“เป็นข้า” ในความมืด ดังขึ้นมาด้วยเสียงหยาบกระด้างเสียงหนึ่ง

พลลาดตระเวนเผ่าปีศาจทะเลตนนั้น ลุกยืนขึ้นมาจากโขดหิน พยายามเพ่งมองไปยังผืนทะเล

หลังจากปัดไล่ม่านหมอกออกไป กลุ่มปีศาจทะเลที่ขี่สัตว์อสูรจำพวกปลาก็พลันปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

เขามองปราดเดียวก็จำหน้าของนายกองปีศาจทะเลที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดได้ บนใบหน้าอัปลักษณ์นั่นพลันปรากฏรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา “ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าเจี๋ยซั่ง! ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว มาหาข้าที่นี่ก็มีเรื่องอันใดหรือขอรับ?”

ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเจี๋ยซั่ง นัยน์ตาทันใดนั้นพลันหดเล็กลง สีหน้าเปลี่ยนสี ร้องกล่าวเสียงหลง “ฟู่คังเจ้าทำไมถึงได้อยู่ที่นี่ได้? คุณหนูของพวกเราก็กล่าวเอาไว้แล้วว่าไม่อนุญาตให้เจ้าเยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตของพวกเราแม้แต่ครึ่งก้าว”

คำกล่าวของพลลาดตระเวนก็ทำเอาในแววตาของฟู่คังปรากฏแววโทสะขึ้นมาชั้นหนึ่ง

ราวกับว่าอยากจะลงมือสังหารพลลาดตระเวนที่กล้ากล่าววาจาดูหมิ่นเขา

แต่ว่าก่อนหน้าที่เขาจะระเบิดอารมณ์ เจี๋ยซั่งก็ยื่นมือออกมาก่อน ยื่นออกมาขวางด้านหน้าเขา “จัดการธุระสำคัญก่อน”

คำพูดประโยคเดียว ก็ทำเอาฟู่คังหยุดการระเบิดอารมณ์ลง

หลังจากจัดการกับฟู่คังแล้ว เจี๋ยซั่งก็หันไปกล่าวกับพลลาดตระเวน “พวกเราต้องการพบหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้า มีเรื่องสำคัญจะรายงาน”

พอได้ฟังว่ามีเรื่องสำคัญ พลลาดตระเวนก็ไม่กล้าชักช้า เร่งรีบหันไปส่งคลื่นเสียงแปลกประหลาดไปทางด้านหลัง

ไม่ทันไร ในความมืดจากที่ไกลๆ ก็มีคลื่นเลียงสะท้อนกลับมา

พลลาดตระเวนนายนั้นถึงค่อยหันมากล่าววาจากับเจี๋ยซั่ง “ใต้เท้าเจี๋ยซั่ง เชิญขอรับ”

เขาปลดการป้องกันออก ปล่อยให้พวกเจี๋ยซั่งพาคนเข้าไป

หลังจากผ่านเขตนํ้าตื้นที่ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยหินโสโครก เจี๋ยซั่ง ฟู่คังพวกเขาก็มาถึงหมู่เกาะแห่งหนึ่ง ตรงจุดกลางสุด เป็นตัวเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด บนตัวเกาะทันใดนั้นมีแผ่นไม้แผ่นหนึ่งตกลงมา เจี๋ยซั่งกับฟู่คังกระโดดขึ้นไป กระโดดขึ้นไปบนแผ่นไม้แผ่นนั้น ต่อจากนั้น ด้านบนก็มีคนค่อยๆ ดึงแผ่นไม้ขึ้นไป พาพวกเขาเข้าไปในเกาะ

พอขึ้นไปถึงบนเกาะ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาก็เป็นทหารปีศาจทะเลหลายสิบตน

ใบหน้าดุดันของปีศาจก็ดูไม่ออกถึงอารมณ์ของพวกเขา ทำได้เพียงคาดเดามันจากแววตาของพวกเขา

“ตามข้ามา” นายกองปีศาจทะเลตนหนึ่งหันไปกล่าวกับเจี๋ยซั่ง ฟู่คังประโยคหนึ่ง ก่อนจะหันกายนำทางไป เขาก็ไม่ได้เหมือนกับพลลาดระเวนที่มีรอยยิ้มเจิดจ้ากับเจี๋ยซั่งผู้นั้น ดูท่าคนผู้นี้อยู่ที่นี่จะมีสถานะที่ไม่ตํ่าต้อย

และท่าทีของเขาก็ไม่ได้ส่งผลให้เจี๋ยซั่งกับฟู่คังรู้สึกไม่พอใจแต่อย่างไร

ไปจนถึงขนาดตอนที่เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ในแววตาของพวกเขาสองคนก็ลอบฉายแววระมัดระวังขึ้นรางๆ คนที่สามารถทำให้พวกเขาที่อยู่ระดับสีม่วงขั้นสูงสุดเกิด ความรู้สึกระมัดระวังได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องไม่ธรรมดา!

บนทางเดินตั้งเรียงรายไปด้วยสิ่งก่อสร้างและอาคารบ้านเรือน

แต่พอเปรียบเทียบกับสิ่งก่อสร้างของมนุษย์แล้ว งานสร้างของพวกปีศาจทะเลก็ดูหยาบและธรรมดากว่ามาก และยิ่งดูใกล้เคียงกับยุคแรกเริ่ม สิ่งของหลายอย่างพวกเขาก็เอามาจากของในพื้นที่ ทำมันขึ้นมาอย่างหยาบๆ เพียงแค่นั้นแล้วก็เอามันใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนแต่ไม่มีความประณีตหรือการขัดเคลือบของพวกมนุษย์เแม้แต่น้อย

บ้านเรือนของเผ่าปีศาจทะเลใช้แค่ท่อนซุงธรรมดาเป็นเสาคํ้า ใช้ก้อนหินเป็นกำแพง แล้วก็ใช้ต้นไม้ใบหญ้าที่มีความพิเศษและสีสันต่างๆ มาใช้ในการตกแต่ง

ถ้าหากมีศักดิ์ฐานะสูงหน่อย บนกำแพงก็อาจจะติดไว้ด้วยเปลือกหอยหรือไข่มุกที่เปล่งแสงแวววาว

เจี๋ยซั่งกับฟู่คังถูกพามายังด้านนอกของหมู่อาคารที่ดูใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่ง

พอมีปีศาจทะเลผู้นั้นนำทางพวกเขาก็สามารถเข้าไปได้ทันทีโดยไม่ต้องกล่าวรายงาน

หลังจากเข้ามาแล้วพวกเขาก็เห็นปีศาจทะเลเพศหญิงหลายนางกำลังใช้นํ้ามันปลาในการจุดตะเกียง ขับไล่ความมืดมิด

หลังจากเข้าไปยังโถงกว้างขวางแห่งหนึ่ง พวกเขาก็ถึงค่อยหยุดลง

ชั่วขณะนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ปีศาจทะเลร่างกายองอาจสูงใหญ่ที่อยู่ภายใต้ชุดหนังปลาผู้หนึ่ง เดินออกมาจากด้านใน เดินตรงไปนั่งลงที่เก้าอี้กระดูกปลาที่ ทำมาจากปลาขนาดยักษ์ในทะเล

“ดึกดื่นเช่นนี้พวกเจ้าสองคนมาพบข้าพร้อมกัน มีธุระอันใดรึ?” หัวหน้าเผ่ามองไปทางเจี๋ยซั่งกับฟู่คัง ในนํ้าเสียงของเขาแฝงด้วยความเป็นผู้อาวุโส และไม่เป็นว่าจะเป็นเจี๋ยซั่งหรือฟู่คังที่มีนิสัยมุทะลุ พออยู่ต่อหน้าเขา ล้วนแต่พากันเก็บอารมณ์ความรู้สึก รักษากิริยาที่รุ่นเยาว์ควรมีอย่างสงบเสงี่ยม

“ท่านหัวหน้าเผ่า ทาลิซ่าเกิดเรื่องแล้ว” เจี๋ยซั่งขบกราม กล่าวจุดประสงค์ที่มาเยือน คำกล่าวประโยคนี้พอหลุดออกไป หัวหน้าเผ่าที่แต่เดิมมีท่าทางเกียจคร้านพริบตาก็กลายเป็นหลังเหยียดตรงขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างขึ้น

ปีศาจทะเลที่พาพวกเขาเข้ามานายนั้น พริบตาเงยหน้าขึ้นในทันใด แววตาดุดันพุ่งตรงไปยังเจี๋ยซั่งกับฟู่คัง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หัวหน้าเผ่าตวาดคำรามเสียงดัง

“ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกข้า มีมนุษย์บุกเข้ามาฉุดตัวทาลิซ่าไป” ฟู่คังเร่งร้อนกล่าวขึ้น

“มนุษย์!” ในแววตาหัวหน้าเผ่าทันใดนั้นส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา แววตากลายเป็นแหลมคมขึ้น

เขาค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง เค้นถามไปทางฟู่คังกับเจี๋ยซั่ง “พวกเจ้าบอกว่า เขตแดนที่เผ่าปีศาจทะเลปกครองมีพวกมนุษย์โผล่ออกมา?”

“ขอรับ!” ครั้งนี้เจี๋ยซั่งก็เปิดปากขึ้นก่อนฟู่คัง

“มีจำนวนเท่าไร? พวกเขาที่ฉุดทาลิซ่าไปมีจุดประสงค์ใด?” หัวหน้าเผ่ากลับไปเป็นมีสติดังเดิม เอ่ยถามเสียงขรึม

เจี๋ยซั่งคิดแล้วคิดก่อนจะตอบกลับไป “จำนวนน่าจะมีประมาณหลายร้อยคน พวกเขาอยู่บนเรือ พวกเราไม่อาจตรวจสอบได้”

“ชายอัปลักษณ์ที่เป็นผู้นำของพวกเขาบอกว่า ขอเพียงยอมให้พวกเขาผ่านเขตแดนที่พวกเราปกครองออกไปอย่างปลอดภัย ก็จะปล่อยตัวทาลิซ่า ไม่เช่นนั้น…” ฟู่คัง เปิดปากพูดต่อประโยคของเจี๋ยซั่ง

เขาลอบมองไปทางหัวหน้าเผ่าสายตาหนึ่ง เห็นแววตาของเขาเริ่มที่จะกลายเป็นเย็นยะเยือกขึ้น ถึงค่อยกลืน นําลายอึกๆ กล่าวเสียงเบา “ไม่เช่นนั้นก็จะให้พวกเรา รอรับศพของทาลิซ่า”

“บังอาจ!”

เสียงของฟู่คังเพิ่งจบลง ก็ได้ยินเสียงหัวหน้าเผ่าตวาดคำรามขึ้นมา ที่พิงแขนของเก้าอี้กระดูกปลาก็ถูกเขาบีบจนเกิดรอยร้าว เศษผงสีเทาขาวกระจัดกระจายตกลง

มา

เจี๋ยซั่งกับฟู่คังสีหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่ลมหายใจแรงๆ ก็ไม่กล้าปล่อยออกไป

“พวกมนุษย์น่าตาย! ถึงกับกล้าฉุดลูกสาวของข้ามาข่มขู่ข้า! พวกเขาคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้พวกเราเผ่าปีศาจทะเลยอมสยบรึ?” หัวหน้าเผ่ากล่าวขึ้นอย่างชิงชัง ทันใดนั้นเอง เขาก็มองไปทางปีศาจทะเลตนนั้นที่อยู่ด้านข้างของเจี๋ยซั่งกับฟู่คัง สีหน้าคลายลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นกับเขา “คุน เจ้าไปจัดการเหล่ามนุษย์พวกนั้นเสีย นำ ตัวน้องสาวของเจ้ากลับมา”

“ขอรับ พ่อบุญธรรม” ปีศาจทะเลตนนั้นหลังจากรับคำสั่ง ก็มองไปทางเจี๋ยซั่งกับฟู่คัง กล่าวขึ้นเสียงเย็น “นำทาง”

“เจ้าแค่คนเดียว?” เจี๋ยซั่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก

คุนกลับกวาดมองไปทางเขาสายตาเย็น “ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เจี๋ยซั่งอยากจะพูดอันใดอีก แต่ก็ถูกฟู่คังหยุดยั้งเอาไว้

เจี๋ยซั่งมองไปทางฟู่คังอย่างไม่เข้าใจ ฝ่ายหลังกลับพยักหน้าให้เขา

ไม่ได้กล่าวมากความอะไรอีก เจี๋ยซั่งกับฟู่คังนำทางคุนจากไป เดินทางกลับไปยังเส้นทางเดิมกลับไปที่ผืนทะเล คุนเรียกปลาพาหนะของตัวเองมา ยืนอยู่บนแผ่นหลังที่โผล่อยู่เหนือผิวนํ้าของมัน ตามด้านหลังของเจี๋ยซั่งกับฟู่คังไป

“เจ้าเมื่อครู่ทำไมถึงไม่ให้ข้าเอ่ยวาจา? มนุษย์พวกนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนชุดแดงผู้นั้นก็ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ การโจมตีของพวกเราก็ไม่สามารถทะลวงปราการป้องกันของเรือลำนั้นได้” เจี๋ยซั่งกล่าวกับฟู่คังเสียงแผ่วเบา

ฟู่คังเค้นเสียงเย็นขึ้นสายหนึ่ง หางตาลอบมองไปทางคุนที่ตามอยู่ด้านหลังพวกเขา

ก่อนจะหันหน้าไปทางเจี๋ยซั่งที่เอ่ยถาม เขาตอบกลับไปนํ้าเสียงเย้ยหยัน “พูดมากเกินไปก็จะมีแต่ทำให้หัวหน้าเผ่าคิดว่าพวกเราไม่ได้ความ เปรียบกับการไปเปลืองนํ้าลายกับพวกเขาก็ไม่สู้ให้คุนไปเผชิญด้วยตัวเอง เขาก็ไม่ใช่ถูกพวกผู้อาวุโสชื่นชมว่าเป็นอันดับหนึ่งของพวกเรารุ่นนี้รึ? ข้าก็จะดูเสียหน่อยว่า ครั้งนี้เขาจะพาทาลิซ่ากลับมาได้หรือไม่”

คำกล่าวของฟู่คังก็เต็มไปด้วยความริษยา ทำเอาเจี๋ยซั่งต้องหุบปากลง

แน่นอนถ้าหากคุนไม่ใช่ลูกบุญธรรมของหัวหน้าเผ่า เป็นพี่ชายบุญธรรมของทาลิซ่าแล้วละก็ เกรงว่าเขาก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดที่จะเป็นสามีของทาลิซ่า

แต่ว่าในหมู่ของปีศาจทะเล ก็มียังข่าวลือบอกว่าคุนจริงๆ แล้วก็เป็นลูกนอกสมรสที่เติบโตอยู่ด้านนอกของหัวหน้าเผ่า ด้วยสถานะลูกบุญธรรมพาเขามาฝึกปรืออยู่ ข้างกาย ดังนั้นหัวหน้าเผ่าถึงไม่เคยพูดถึงการเปลี่ยนสถานะของเขาแล้วให้ลูกสาวแต่งกับเขา

แต่ไม่ว่ายังไง ข่าวลือเกี่ยวกับคุนผู้นี้ก็มีมากมายนัก อีกทั้งพลังของเขาก็ยังแข็งแกร่งมาก

ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยกลายเป็นการคงอยู่ของรุ่นเยาว์ที่คนรุ่นนี้ในหมู่ปีศาจทะเลไม่อาจข้ามผ่านได้ ราวกับภูเขามหึมาลูกหนึ่งที่กดทับอยู่ในใจของคนรุ่นเยาว์ของเหล่าปีศาจทะเล

เจี๋ยซั่งกับฟู่คังที่แต่เดิมพกความคิดอยากช่วยเหลือทาลิซ่ามา แต่ตอนนี้พอมีคุนมาอยู่ตรงหน้า ในใจของเขาก็กลับกลายเป็นสลับซับซ้อนขึ้น

ทั้งอยากให้ทาลิซ่าถูกช่วยออกมา และก็อยากให้คุนเจอของแข็ง ร่วงตกจากที่สูง

บนทะเลแห่งทุกข์ท้องฟ้าสีดำดุจหมึกค่อยๆ กลายเป็นจางลง แสงอาทิตย์ทะลุผ่านชั้นเมฆ เส้นแสงสายแล้วสายเล่าสาดส่องลงบนทะเลสีเขียวคล้ำ จนเกิดเป็นแสงสี ทองระยิบระยับบนผืนทะเล

เรือลำยักษ์ที่มุ่งหน้าไปยังโลกแห่งยุคกลาง ค่อยๆ แล่นไปด้านหน้า

ในม่านหมอกเหล่านั้นก็ราวกับว่าจะแอบซ่อนโลกที่พวกเขาไม่เคยรู้จักเอาไว้

ทันใดนั้นเองตัวเรือก็พลันหยุดลง ลอยลำอยู่บนผิวทะเล

มู่ชิงเกอที่กำลังฝึกปรืออยู่ในห้องพักหยุดการโคจรพลังลง ค่อยๆ เปิดดวงตาทั้งสองข้างขึ้น นัยน์ตากระจ่างใสคู่นั้นแฝงไว้ด้วยประกายอันลํ้าลึกไม่รู้ว่าคิดอ่านสิ่งใด วินาทีถัดไปนางก็หายไปจากในห้องพัก ปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าเรือ

นางเพิ่งจะไปถึงดาดฟ้าเรือได้ไม่ทันไร หยินเฉินกับไป๋สี่ก็ได้ขยับเข้ามาหา

ไป๋สี่ที่อยู่ข้างกายของนาง กอดแขนทั้งสองข้าง ยิ้มเยาะเสียงเย็น “มียอดฝีมือมาแล้ว”

คำกล่าวถึงจะพูดเช่นนี้ แต่พอดูรวมกับท่าทีของนางก็มองไม่เห็นถึงท่าทีกังวลใจ แม้แต่น้อย

หยินเฉินมองไปทางมู่ชิงเกอ ในนัยน์ตาสีเลือดแฝงแววจริงจัง “ข้าขอออกไปเจอเขา”

“ไม่จำเป็น” มู่ชิงเกอทอดมองออกไปยังม่านหมอกด้านหน้า ค่อยๆ ส่ายหัวขึ้น “ข้าจะออกไปเอง” นางก็อยากจะรู้มากว่าระดับพลังของพวกปีศาจทะเลเป็นเช่นไรอีก อย่างหากต้องการจะเพิ่มความสามารถของตนอย่างรวดเร็ว ก็จะต้องผ่านการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

ตอนนั้นเองด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา เป็นมั่วหยาง ที่วิ่งเข้ามา

“คุณชาย” มั่วหยางหยุดยืนอยู่ด้านหลังมู่ชิงเกอก่อนจะร้องเรียกขึ้น

มู่ชิงเกอส่ายหน้าขึ้นน้อยๆ หันไปกล่าวสั่งการกับพวกเขา “ดูแลหญิงงามอันดับหนึ่งของพวกปีศาจทะเลให้ดี ให้คนทั้งหมดระมัดระวังความเคลื่อนไหวโดยรอบ ถ้าหากมีปีศาจทะเลคิดอยากลอบเข้ามา ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ สังหารทิ้งได้ทันที”

ในเมื่อไม่สามารถคุยกันดีๆ ได้เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าอันใดอีก

ไม่ฆ่าสักหลายๆ คน ปีศาจทะเลกลุ่มนี้ก็คงจะนึกว่านางเป็นพวกไม่ได้ความ!

มั่วหยางพยักหน้า ถอยออกไปอย่างเงียบๆ

ถึงแม้ว่าทั่วร่างของมู่ชิงเกอจะเต็มไปด้วยไอสังหาร ทั่วร่างแปดเปื้อนไปด้วยเลือด เขาก็ยังคิดว่านี่ถึงจะเป็นคุณชายตัวจริง เป็นคุณชายที่งดงามที่สุด ดีงามที่สุด

เปรี้ยง—–!

เสียงสะท้อนรุนแรงสายหนึ่งอยู่ๆ ก็ดังขึ้น ราวกับเสียงฟ้าร้องคำรามในฤดูแล้งก็ไม่ปาน

มู่ชิงเกอเงยหน้ามองไป เห็นเกราะโปร่งแสงที่คลุมอยู่บนตัวเรือเกิดรอยกระเพื่อมสั่นไหวขึ้นแวบหนึ่ง

เมื่อครู่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เสียงฟ้าร้องคำรามอันใด แต่มีคนกำลังโจมตีเข้ามา

ไป๋สี่ยิ้มขันเสียงเย็น “ก็ช่างใจร้อนเสียจริง!”

“ไร้สมอง” หยินเฉินกล่าวประเมินเสียงเรียบ

มู่ชิงเกอเพียงแค่ยกมุมปากขึ้นเบาๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยขึ้นมาสายหนึ่ง

บนผืนทะเล เขตทะเลที่ค่อนข้างไกลออกไปจากเรือยักษ์ เจี๋ยซั่งกับฟู่คังยืนอยู่เคียงข้างกัน

คุนก็ไม่ได้อยู่ด้านหลังของพวกเขาแล้ว แต่เป็นพุ่งตรงไปทางเรือลำยักษ์

พวกเขาจ้องมองไปยังคุนที่ลอยตระหง่านอยู่บนฟ้า ทำการโจมตีเกราะป้องกันด้านนอกของเรือยักษ์แววตาทอแววตาเย้ยหยันขึ้นสายหนึ่ง

“เจ้าว่าเขาจะทะลวงเกราะป้องกันนั้นได้หรือไม่?” เจี๋ยซั่งเอ่ย

ฟู่คังก็ยากนักที่จะพูดจาดีๆ กับเจี๋ยซั่งเช่นนี้ พอได้ฟังคำพูดของเขาแล้ว ก็ไม่เพียงทอแววเยาะเย้ยออกมา “รอดูเถอะ กล่าวไม่แน่ว่าคุนของพวกเราก็อาจจะพบกับ ปัญหาใหญ่ที่นี่ก็ได้”

“เช่นนั้นทาลิซ่าจะทำอย่างไร?” เจี๋ยซั่งเลิกคิ้วพลางเอ่ยขึ้น

สำหรับเรื่องนี้ฟู่คังก็เหมือนกับจะมีความกังวลใจลดลงไปส่วนหนึ่ง “วางใจเถอะ คนผู้นั้นก็แค่อยากจะผ่านทางไป ก่อนที่จะบรรลุเป้าประสงค์ทาลิซ่าจะต้องปลอดภัย”

เจี๋ยซั่งมองไปทางฟู่คัง เลิกคิ้วขึ้นกล่าวอย่างไม่ค่อยยินดีเท่าไรนัก “ความคิดเล่ห์เหลี่ยมของเจ้า ยิ่งมาก็ยิ่งคล้ายกับพวกมนุษย์มากขึ้นทุกที”

ฟู่คังกลับเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “อย่าได้ลืมว่าบรรพบุรุษของพวกเราก็เป็นมนุษย์”

“นี่เจ้ากำลังภาคภูมิใจอยู่รึ?” เจี๋ยซั่งเอ่ยขึ้น

ฟู่คังยิ้มเย็นพลางส่ายหน้าไปมา “ข้าก็แค่กำลังกล่าวความจริงเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น”

เจี๋ยซั่งขมวดคิ้ว กล่าวเตือนเขา “ไม่ว่าจะยังไง พวกเรากับพวกมนุษย์ก็เป็นสองฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกัน”

“วางใจ ตรงจุดนี้ข้าก็ไม่มีทางลืม ในเมื่อแรกเริ่มเป็นพวกมนุษย์ที่ทอดทิ้งพวกเรา เช่นนั้นก็ถือเป็นศัตรูของพวกเรา!” ฟู่คังพอกล่าวจบ นัยน์ตาก็ปรากฏแววกระหายเลือดขึ้นมา

เปรี้ยง—–! เปรี้ยง—–!

ก็เป็นการโจมตีสองสายพุ่งออกไปติดต่อกัน ปะทะเข้ากับเกราะโปร่งแสง แต่มันก็ยังคงเดิมไม่อาจทำอะไรเกราะป้องกันของเรือยักษ์ได้

บนดาดฟ้าเรือ ไป๋สี่เอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “เกราะแสงนี่ก็ต้องใช้พลังมากเท่าไรถึงจะทำลายได้กัน? ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าการโจมตีก่อนหน้าที่ปะทะกับเกราะแสง ก็ได้ไปถึงระดับของขั้นกักเก็บแล้ว”

มู่ชิงเกอนิ่งเงียบไปไม่กล่าววาจา นางก็สามารถกะพลังเมื่อครู่ได้อยู่รางๆ

ของชิ้นนี้ที่ซือมั่วมอบให้แน่นอนว่าไม่มีทางด้อยไปไหนได้ แต่ว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ไหนกัน? บนทะเลแห่งทุกข์ระดับการฝึกฝนระดับสูงสุดก็มีถึงขั้นไหนกันแน่?

หรืออาจจะถามได้ว่าขีดจำกัดที่เกราะแสงนี้สามารถรับไหว เป็นการโจมตีที่ต้องมีระดับมากเท่าไรกัน?

ถ้าหากปีศาจทะเลทั้งหมดโจมตีเรือยักษ์ลำนี้พร้อมกัน เกราะแสงที่เหมือนกับจะไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถทนทานได้ถึงเมื่อใด?

มู่ชิงเกอค่อยๆ หลุบตาลง นัยน์ตากระเพื่อมสั่นไหว

ด้านนอกเรือยักษ์ ในมือของคุนก็ถือตรีศูลเอาไว้ สายตาจ้องมองไปยังบนเรือยักษ์ขมวดคิ้วขึ้น

นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พลันยกตรีศูลขึ้นมาอีกครา ชูมัน ออกไปกลางอากาศ ไอพลังดุดันที่เปรียบกับเมื่อครู่แล้ว ดูบ้าคลั่งกว่ามากพุ่งออกไปจากจากตรีศูล พุ่งตรงไปทางเรือลำยักษ์

แต่ว่ายังไม่ทันถึงเรือยักษ์ก็ถูกปราการขวางกั้นเอาไว้อีกครั้ง ก่อนจะดีดมันไปยังผืนทะเล เกิดเป็นเสียงสะท้อนดังสนั่นขึ้น

ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้คุนไม่พอใจยิ่งนัก เขาพลันตะโกนไปทางเรือลำยักษ์ “พวกมนุษย์ชั้นตํ่า ออกมารับความตาย!”

เสียงสายนั่นทะลุผ่านเกราะแสง พุ่งเข้าไปในตัวเรือ หนึ่งคน หนึ่งงู หนึ่งจิ้งจอก ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ แน่นอนว่าต้องฟังได้ยิน

“หึ ช่างไม่รู้จักที่ตายนัก” ไป๋สี่แววตาเย็นยะเยือก กล่าวดูแคลนออกไป

หยินเฉินนัยน์ตาสีเลือดก็กลายเป็นดำคล้ำลง ในแววตาทอแววฆ่าฟันพุ่งออกไป

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่มู่ชิงเกอก็เป็นมนุษย์! มู่ชิงเกอก็เป็นถึงเจ้านายของพวกเขา ไม่ว่าคนผู้ใดที่กล้ามาหลู่เกียรติเจ้านายของพวกเขา ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ รนหาที่ตาย!

“พวกมนุษย์ชั้นตํ่าขี้ขลาด ออกมารับความตาย!” เสียงของคุนดังเข้ามาอีกครั้ง

มู่ชิงเกอนัยน์ตากลายเป็นดำคลํ้า มุมปากยกขึ้นด้วยรอยยิ้มราบเรียบนิ่งสงบ ก้าวเดินออกไปหนึ่งก้าว

นิ้วชี้ที่มือข้างขวาของนางทันใดพลันเปล่งแสงออก ปลอกนิ้วประณีตกลายเป็นทวนหลินหลง ถูกนางกำเอาไว้ในมือ ปลายเท้าสะกิดเบาๆ มู่ชิงเกอทะยานสูงขึ้นไปจากดาดฟ้าเรือ พุ่งตรงออกไปยังด้านนอกของปราการแสง

คุนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็พอดีกำลังจะร้องคำรามขึ้นครั้งที่สาม

ทันใดนั้นเองแสงสีม่วงเทาสายหนึ่งอยู่ๆ ก็โจมตีมาทางเขา นัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาพลันหดเล็กลง เร่งรีบวาดตรีศูลออกไปต้านรับอย่างรวดเร็ว

พลังสายนั้นปะทะอย่างแรงเข้ากับตรีศูล กระแทกจนมือของคุนไหลแล่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด ถอยร่นออกไปหลายจั้งกลางอากาศ

แสงสีม่วงเทาพอสลายหายไป ตรงแขนไปจนบ่าทั้งสองข้างของคุน ผิวหนังปริแตก เต็มไปรอยแผลเป็นทางยาว ทั้งยังสามารถเห็นกล้ามเนื้อด้านในอยู่รางๆ

อาการบาดเจ็บเช่นนี้ก็ทำเอานัยน์ตาของเขากลายเป็นดุดันขึ้น พลังกดดันรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า

ตอนนั้นเองมู่ชิงเกอที่ถือทวนหลิงหลงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เผชิญหน้ากับเขา

นัยน์ตากระจ่างกวาดมองไปยังบาดแผลบนแขนของคุนอย่างราบเรียบ มู่ชิงเกอเพียงยิ้มเยาะขึ้นอย่างไม่ใส่ใจสายหนึ่ง ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเปิดปากด่าว่านางหลายอย่างเช่นนั้น นางถ้าหากไม่ลอบโจมตี ไม่ทำตัวชั้นตํ่าเสียหน่อย นั้นก็คงจะเป็นการดูถูกเขาแล้ว

“มนุษย์ชั้นตํ่าหน้าตาอัปลักษณ์!” คุนมองไปทางมู่ชิงเกออย่างนึกรังเกียจ

ริมฝีปากแดงของมู่ชิงเกอยกสูงขึ้นน้อยๆ เอ่ยปากอย่างดุดัน “เจ้าก็ช่างไม่เข้าใจในการชื่นชมความงามเสียจริง ข้าก็รู้สึกสงสารเจ้ายิ่งนัก”

นางก็ไม่ว่างถึงขนาดที่จะไปโต้แย้งถึงมุมมองความงามกับพวกปีศาจทะเล!

ใช่ เจ้าสามารถบอกว่าข้าไม่สวยได้ แต่บอกว่าข้า คุณชายมู่อัปลักษณ์นั้น… มู่ชิงเกอก็อยากจะทุบตีคนเสียจริง!

คุนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของมู่ชิงเกอ ยกตรีศูลชี้ไปทางเขา “ส่งตัวทาลิซ่าออกมา ข้าก็อาจจะให้เจ้าตายได้สบายๆ หน่อย!”

มู่ชิงเกอเอ่ยเย้นหยันไปทางเขา “ทำไม? เจี๋ยซั่งกับฟู่คังไม่ได้เอาคำพูดของข้าไปบอกรึ? อยากได้ตัวทาลิซ่านั้นได้ แต่ว่าก็จะต้องให้ข้าข้ามทะเลแห่งนี้ไปซะก่อน”

“เจ้าฝันไปเสียเถอะ! มนุษย์ที่กล้าเหยียบเข้ามาในเขตแดนของพวกเราเผ่าปีศาจทะเล ก็ไม่ต้องไปคิดทีจะมีชีวิตรอดกลับไป!” คุนปฏิเสธออกมาอย่างไม่ลังเล

“อ้อ? เจ้าไม่สนใจความเป็นความตายของทาลิซ่า?” มู่ชิงเกอถามอย่างนึกสนุก

คุนริมฝีปากนิ่งเงียบ นิ่งสงบลง

เขาก็แน่นอนว่าไม่อาจไม่สนใจความเป็นตายของทาลิซ่าได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถถูกมนุษย์ข่มขู่เช่นกัน ทำให้เผ่าปีศาจทะเลต้องเสียหน้า

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” คิดแล้วคิด คุนก็ยังคิดว่าการฆ่าพวกมนุษย์ทั้งหมด แล้วเข้าไปช่วยทาลิซ่ามาตรงๆ จะดีกว่า เขาทันใดนั้นก็ยกตรีศูลขึ้นมาก่อนจะพุ่งไปทางมู่ชิงเกอ

บนตรีศูลก็เกิดการกระเพื่อมของเส้นแสงสีม่วงขึ้น

แต่ว่าสีเทาที่อยู่ด้านในพวกนั้นก็ไม่ได้มากเท่ามู่ชิงเกอ

“ขั้นกักเก็บชั้นต้น” มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลงก่อนจะทำการคำนวณระดับชั้นของคุน

ตรีศูลในตำนานก็ถือเป็นอาวุธของเทพแห่งท้องทะเล สามารถสั่งการเผ่าต่างๆ ในทะเลได้ แล้วก็จะสามารถควบคุมนํ้าทะเล เรียกอัญเชิญพลังแห่งมหาสมุทร อาวุธ เช่นนี้ในหมู่ปีศาจทะเลก็มีเพียงนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะสามารถครอบครองและมีคุณสมบัติที่จะใช้มัน

“รับความตายเสียเถอะ!” คุนตวาดขึ้นเสียงเกรี้ยวกราด เขาทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ตรีศูลวาดออกไปด้วยเส้นแสงสีม่วงประกายเทา ก่อนจะแยกออกเป็นหลายสาย พุ่งโจมตีไปทางมู่ชิงเกอ การโจมตีนี้ก็ถือเป็นสกัดกั้นเส้นทางถอยหนีทั้งหมดของมู่ชิงเกอ พร้อมกันกับเสียงคำรามเกรี้ยวของคุน ทุกทิศทางที่ตรีศูลพาดผ่าน ผิวนํ้าทะเลก็จะล้วนแต่พุ่งสูงขึ้น พลังที่ใช้ออกดุดันตระการตายิ่งนัก

“ยุทธภัณฑ์ระดับครึ่งเทวะ!” มู่ชิงเกอนัยน์ตาทั้งสองข้างหดเล็กลง พอสัมผัสได้ถึงพลังที่ตรีศูลส่งออกมา ในใจก็ร้องเสียงตระหนกขึ้น

ในหมู่ปีศาจทะเลรุ่นเยาว์คนหนึ่งก็สามารถครอบครองยุทธภัณฑ์ครึ่งเทวะเช่นนี้ได้!

เช่นนั้นก็สามารถกล่าวได้ว่า ในหมู่เผ่าปีศาจทะเลก็ต้องมีการคงอยู่ของยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ!

ถ้าหากนี่เป็นความจริง ทวนหลิงหลงของนางก็จะไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป

มู่ชิงเกอนัยน์ตาเยียบเย็น ทวนหลิงหลงในมือใช้ออกด้วยกระบวนท่าดุดัน สอดประสานกับท่าก้าวดาราก่อกำเนิด หลบหลีกการโจมตีของคุน ก่อนจะพุ่งปลายทวนไปทางเขา

ในสายตาของคุน เงาร่างของมู่ชิงเกออยู่ๆ ก็กลายเป็นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาดขึ้น

นางทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ล้วนแต่อยู่ใกล้ๆ แต่เขากลับไม่สามารถกะระยะแน่นอนที่นางอยู่ได้

ชั่วขณะนั้น เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันดุดันที่พุ่งบีบเข้ามาใกล้ ต่อจากนั้นไม่ทันไร ตรงหน้าของเขาก็พลันปรากฏเงาร่างของมู่ชิงเกอ ปลายทวนแหลมก็ได้พุ่งมาถึงตรงหน้าลำคอของเขาแล้ว

คุนในใจตกตะลึง ยกตรีศูลขึ้นมาต้านรับ ลำคอหลบออก คิดจะหลบการโจมตี

แต่นั้นก็ยังถูกทวนหลิงหลงทิ้งร่องรอยบาดแผลเอาไว้บนลำคอของเขา

ถ้าหากเขาช้าไปเพียงก้าวเดียว หรือบางทีทวนหลิงหลงเร็วขึ้นอีกนิดหนึ่ง เขาก็คงจะถูกสะบั้นลมหายใจ ตกตายไปในกระบวนท่าเดียว!

‘มนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป!’ หลังจากผ่านไปหนึ่งกระบวน คุนก็ร้องตระหนกขึ้นในใจ

ตอนนั้นเอง ในแววตาที่หันไปมองมู่ชิงเกออีกครั้งก็ได้เก็บความดูเบากลับไปแล้ว

ถูกคุนหลบออกไปได้ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด นางยิ้มเย็นขึ้นสายหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับคุนขึ้นอีกครั้ง บนท้องฟ้าของทะเลแห่งทุกข์ทั้งสองคนประมืออยู่ด้วยกันอย่างดุเดือด รวดเร็วจนเหลือเพียงเงาร่างสองสายรางๆ คนที่จ้องมองการปะทะก็ไม่อาจมองออกถึงกระบวนท่าของพวกเขา

มู่ชิงเกอประมืออย่างตั้งใจ นี่ก็ถือเป็นการปะทะกับคู่มือครั้งแรกหลังจากที่นางทะลวงมาถึงขั้นกักเก็บชั้นกลาง

ถึงแม้ว่าระดับการฝึกปรือของคุนจะต่ำกว่านางอยู่ช่วงหนึ่ง

แต่เคล็ดวิชาอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกปีศาจทะเลกลับทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกถึงความแปลกใหม่

นางก็กำลังใช้คุนมาฝึกฝนความสามารถในการต่อสู้ของตน

ส่วนคุนตอนนี้กลับยิ่งมายิ่งตื่นตระหนก!

ในหมู่ปีศาจทะเล เขาที่อยู่ในคนรุ่นเดียวก็ไม่ได้มีคู่ต่อกรมานานแล้ว ถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสบางคนก็ล้วนแต่ไม่ใช่คู่มือของเขา! แต่ว่ามนุษย์ผู้นี้ก็เป็นอันใดกัน?

มองดูแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอายุมากกว่าทาลิซ่า แต่กลับครอบครองพละกำลังที่น่าหวั่นเกรงขนาดนี้ได้!

ทั้งสองคนปะทะกันอย่างดุดันที่กลางอากาศ

บนผืนทะเล เจี๋ยซั่งกับฟู่คังที่เงยหน้าจ้องมองไป ในแววตาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเจ้าจะสามารถรับมือได้กี่กระบวน?” เจี๋ยซั่งเอ่ยถามขึ้นอย่างห่อเหี่ยว

ฟู่คังไม่กล่าววาจา ทำเพียงจับจ้องไปยังเงาร่างสองสายนั่น

ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตอบกลับ แต่เจี๋ยซั่งก็สามารถสัมผัสได้ถึงความตกตะลึงในใจของเขา เพียงแต่ว่าฟู่คังก็ไม่คิดอยากจะยอมรับมันก็เท่านั้น

พวกเขาอยู่ใต้เงื้อมือของคุนก็ไม่มีทางรับมือได้เกินสิบกระบวน

แต่เจ้ามนุษย์ผู้นั้นกลับสามารถประมือจนเสมอกับคุนได้!

ไม่! เจี๋ยซั่งนัยน์ตาคู่นั้นพลันหดเล็กลง พยายามมองให้ชัดขึ้น ก่อนเขาจะค้นพบอย่างตกตะลึงว่าการปะทะที่ดูเหมือนมีพลังเท่าเทียมกันนี้จริงๆ แล้วเจ้ามนุษย์ผู้นั้นก็ได้เปรียบคุนอยู่ไม่น้อย!

การค้นพบนี้ก็ทำเอาในใจของเขาเกิดหวาดกลัวขึ้นมา บนเรือยักษ์ หยินเฉินกับไป๋สี่ก็ยากนักที่จะยืนอยู่ด้วยกัน โดยที่ไม่ถากถางและสร้างความลำบากให้แก่กันเช่นนี้ เหตุผลก็เพียงเพราะตอนนี้ความสนใจของพวกเขาทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่ที่การปะทะบนท้องฟ้า

ทั้งสองคนที่ปะทะอยู่ด้านบน ทุกที่ที่พาดผ่าน ก็เหมือนกับบนท้องฟ้าเกิดดอกไม้ไฟระเบิดออกก็ไม่ปาน

เส้นแสงพลังที่งดงามพวกนั้นก็เปรียบเสมือนดอกไม้ไฟที่ระเบิดออก

เงาร่างของทั้งสองที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็วก็ทำเอาท้องฟ้าด้านบน ผิวทะเลล้วนแต่ทิ้งเงาร่างของพวกเขาเอาไว้ มีบางครั้งที่การโจมตีตกลงไปยังผืนทะเล ก่อนจะระเบิดออกเป็นเสานํ้าขนาดใหญ่ พวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า

ทาลิซ่าที่ถูกขังเอาไว้ในห้องพักด้านใน นางหยุดการดิ้นรนลงแล้ว มองผ่านหน้าต่างทรงกลมออกไปยังการปะทะด้านนอก ดวงตาแวววาวคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“เขาถึงกับร้ายกาจเช่นนี้! สามารถประมือจนเสมอกับคุนได้?” ทาลิซ่าเอ่ยกระซิบกระซาบ

เพราะเป่ายิ้งฉุบแพ้ องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งที่ไม่อาจไม่มาเฝ้านางได้ ก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของนาง แววตากลายเป็นไม่พอใจกวาดมองไป สีหน้าเย็นชาเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “นี่นับเป็นอันใด? คุณชายของพวกเราเพียงแค่กระดิกเท้า แผ่นดินใหญ่ของพวกเราก็ยังต้องสะเทือนสั่นไหว!”

ทาลิซ่าหันหน้ามองไปทางเขา เอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “เขาที่อยู่ในโลกมนุษย์ของพวกเจ้าก็ยังร้ายกาจมากรึ?”

สายตาของนางที่มองกลับมา ก็น่าตกใจเสียจนองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ไม่ทันตั้งตัวผู้นั้นเกือบจะอยากทำให้ตัวเองตาบอดให้รู้แล้วรู้รอดไป

หลบเลี่ยงใบหน้าอันน่าตกตะลึงของทาลิซ่าอย่างยากลำบาก เขาเอ่ยขึ้น “แน่นอนที่ที่พวกเราอยู่แห่งนั้นไม่ว่าใครก็ไม่กล้าล่วงเกินคุณชายของพวกเรา! ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดท่านนั้น พออยู่ต่อหน้าคุณชายของพวกเราก็ยังต้องโค้งกายยอมสยบ”

พอกล่าวจบเขายังหัวเราะ ‘หึๆ’ ขึ้นเสียงหนึ่ง แววตาของทาลิซ่าค่อยๆ กลายเป็นเจิดจ้าขึ้น เหมือนกับว่าเก็บของมีค่าอะไรมาได้ก็ไม่ปาน ในตอนที่นางมองไปยังด้านนอกอีกครั้ง แววตาของนางก็ได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว

มู่ชิงเกอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้ฟังคำสรรเสริญเยินยอขององครักษ์เขี้ยวมังกรนายนั้น

ถ้าหากได้เห็น เกรงว่าก็คงจะอดไม่ได้ที่จะสีหน้าดำคลํ้า เขกหัวของเขาแรงๆ ไปรอบหนึ่ง ขบกรามเอ่ยขึ้น ‘มีอย่างที่ไหนกันที่เจ้าเอาคุณชายของพวกเจ้าผลักไปยังหลุมลึกเช่นนี้?’

การปะทะอันดุเดือดก็ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมด ฟู่คังอยู่ๆ ก็กลอกตาออกไป ในระหว่างที่เจี๋ยซั่งไม่ทันได้สังเกต ลอบเรียกลูกน้องที่ค่อนข้างไว้ใจได้มา ก่อนจะกระซิบกระซาบไปที่หูของพวกเขา

หลังจากนั้นลูกน้องไม่กี่คนของเขาพวกนั้นก็ลอบออกไปจากขบวนอย่างเงียบเชียบ อ้อมหลบไปจากสายตาของกลุ่มคน มุ่งไปยังท้ายเรือของเรือยักษ์

ราวกับว่าพวกเขาจะอาศัยจังหวะที่ทุกคนถูกดึงดูดความสนใจไป ลอบเข้าไปยังตัวเรือเพี่อช่วยทาลิซ่าออกมา

การปะทะของมู่ชิงเกอกับคุนยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่มู่ชิงเกอค่อยๆ เข้าใจวิถีการต่อสู้ของพวกปีศาจทะเลมากขึ้นแล้ว นางอยู่ๆ ก็พุ่งโจมตีออกไปอย่างกะทันหัน ฟาดโจมตีไปที่อกของคุน

ความเจ็บปวดทันใดนั้นพลันแผ่ขยายไปทั่วร่างของคุน ราวกับว่ากระดูกทั้งหมดร้อง ‘กร๊อบ’ จะแยกออกจากกัน ปรากฏรอยแผลขึ้น

คุนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พุ่งตกลงจากฟากฟ้า พุ่งดิ่งลงไปในนํ้าทะเล

สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังมู่ชิงเกอที่ลอยตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ท่าทางที่มองเขาอย่างผู้อยู่เหนือกว่านั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่ยิมยอมนัก

“กลับไปบอกหัวหน้าของพวกเจ้า บอกว่าข้าไม่ได้มีความอดทนจะเล่นกับเขามากนัก พรุ่งนี้ข้าก็จะข้ามผ่านทะเลผืนนี้ ถ้าหากไม่กลัวว่าทาลิซ่าจะตายละก็ ก็เชิญส่ง คนมาได้” มู่ชิงเกอพอกล่าวจบก็หันหลังกลับทะยานไปทางดาดฟ้าเรือ

คุนที่ตกลงไปยังนํ้าทะเลอันเย็นยะเยือก ที่กำลังดิ่งจมลงไป ก็พลันลอยขึ้นมา

ทั่วร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยนํ้าทะเล จ้องมองไปยังเรือของมู่ชิงเกอ เม้มริมฝีปากไม่กล่าววาจา

เจี๋ยซั่งที่ได้สติกลับมาก็เร่งรีบเข้าไปหา

เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้เขาเข้าไปถึง สัตว์พาหนะของคุนก็ได้แหวกว่ายไปรับตัวของเขาแล้ว

“อ๊า อ๊า อ๊า—–!” ทันใดนั้นเองเสียงร้องโหยหวนหลายเสียงอยู่ๆ ก็ดังเข้ามา ดังก้องไปทั่วทั้งผืนทะเล

เจี๋ยซั่งสัมผัสได้ว่าท่าทีของฟู่คังที่อยู่ข้างกายแปรเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ มองไปทางฟู่คังเอ่ยขึ้น “เจ้าทำอะไรไป?”

ตอนนี้คุนก็ถูกสัตว์พาหนะของเขาพามาถึงข้างกายของเจี๋ยซั่งแล้ว หลังจากได้ฟังคำถามของเจี๋ยซั่ง เขาก็พลันยืนขึ้นทั้งที่ตัวยังเปียกโชก มองไปทางฟู่คัง “เจ้าก็ ถึงกับกล้ากระทำการโดยพลการ?”

ฟู่คังเอ่ยอธิบายด้วยสีหน้าไม่น่าดู “ข้าก็แค่อยากจะช่วยทาลิซ่า”

“เผ่าปีศาจทะเล ฟังข้าให้ดี” เสียงมู่ชิงเกออยู่ๆ ดังขึ้นมาจากด้านบนของตัวเรือ

นํ้าเสียงของนางก็ใส่พลังจิตเอาไว้ทำให้เสียงของนางดังสะท้อนไปยังท้องทะเลรอบด้าน

คุน เจี๋ยซั่ง ฟู่คังต่างพากันหันมองไปทางเรือลำยักษ์…

เห็นเพียงมู่ชิงเกอในชุดสีแดง กำลังยืนอยู่ตรงหัวเรืออย่างสะดุดตา ด้านหลังของนางยืนอยู่ด้วยทหารชุดดำหลายคน ในมือของพวกเขาต่างแยกย้ายกันจับตัวเผ่า ปีศาจทะเลที่ไร้ซึ่งการขยับเคลื่อนเอาไว้

นางไพล่มืออยู่ด้านหลัง สีหน้าเยียบเย็นเอ่ยว่า “อย่าได้มาเล่นลูกไม้กับข้าอีก หากยังกล้าขึ้นมาที่เรือของข้าอีก ข้าก็จะตัดมือของทาลิซ่าหนึ่งข้าง ถ้าหากมาอีกข้าก็ ตัดอีกมือไม่มีมือแล้วก็จะตัดขา ให้ข้าดูเสียหน่อยว่าพวกเจ้าจะสามารถมาหาข้ากี่ครั้งกัน!”

พอกล่าวจบองครักษ์เขี้ยวมังกรที่อยู่ด้านหลัง ก็เอาซากศพปีศาจทะเลทิ้งลงไปในทะเลแห่งทุกข์ตรงๆ

คำพูดของนางก็ยั่วโทสะเผ่าปีศาจทะเลฝั่งนี้ไม่น้อย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปกระทำการมุทะลุอีก กลัวว่าหากทำให้มู่ชิงเกอโกรธแล้ว เขาก็จะสังหารทาลิซ่าอย่างไม่ ลังเล

“กลับไปก่อนค่อยว่ากัน” คุนถลึงตาจ้องมองมู่ชิงเกอสายตาหนึ่ง ข่มความเจ็บปวดที่ไหลแล่นมาจากภายใน ก่อนจะสั่งการให้พวกปีศาจทะเลถอยกลับไป

ลูกน้องของฟู่คังที่ตกตาย ที่โมโหมากที่สุดก็เป็นเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจแสดงอารมณ์ออกมาได้

เพราะว่านี่ก็เป็นความล้มเหลวในการตัดสินใจของตน ไม่อาจโทษใครได้!

บนตัวเรือ ด้านในห้องพัก ทาลิซ่าก็กำลังจ้องมองไปยังแผ่นหลังอันองอาจของมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือ ในแววตาทอแววหลงใหลขึ้นรางๆ “ถึงแม้เขาจะเกิดมา อัปลักษณ์ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าพอกล่าววาจาออกมา จะดูองอาจน่าเกรงขามเช่นนี้อีกทั้งยังแข็งแกร่งเสียขนาดนั้น แม้แต่คุนก็ยังสามารถเอาชนะได้!”

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ยืนอยู่ด้านหลังนางก็ฟังจนหนังศีรษะเหน็บชา จ้องมองไปทางนางราวกับกำลังเห็นผี ในใจบ่นอุบอิบ ‘พี่สาว! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณชายของพวกเราก็จับเจ้าเป็นตัวประกัน เจ้าถึงกับชื่นชมว่านางองอาจน่าเกรงขาม?’

ในตอนที่องครักษ์เขี้ยวมังกรนายนั้นกำลังบ่นในใจว่า สมองของหญิงเผ่าปีศาจนางนี้มีปัญหาหรือไม่ มู่ชิงเกอก็ได้เข้ามาในห้องพักแล้ว

“เจ้ามาเยี่ยมข้าแล้วรึ!” อยู่ๆ พอเห็นมู่ชิงเกอ ทาลิซ่านํ้าเสียงก็ดูตื่นเต้นยินดีขึ้น

ท่าทางจัดเสื้อผ้าจัดทรงผมนั้นก็ทำเอามู่ชิงเกอนิ่งชะงักไป มีท่าทางราวกับว่าอยากจะกระโดดหนีออกไป

ยังดีที่ยังมีเรื่องธุระกดอยู่ในใจ ทำให้นางไม่อาจร้อนรน หนีออกไป

มู่ชิงเกอเดินไปยังฝั่งตรงข้ามของทาลิซ่า ก่อนจะนั่งลงอย่างเว้นระยะ

“การแบ่งเขตของพวกเจ้าเผ่าปีศาจทะเลแบ่งยังไงรึ?” มู่ชิงเกอเปิดปากถามขึ้น

ทาลิซ่านิ่งชะงักไป “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”

มู่ชิงเกอหลุบตาลงอย่างไม่มีพิรุธ “ว่างๆ ไม่มีอะไร ก็เลยอยากรู้เพียงเท่านั้น”

พอได้ฟังว่ามู่ชิงเกออยากทำความเข้าใจเรื่องเผ่าปีศาจทะเลของพวกนาง ทาลิซ่าก็ไม่รู้ว่าตนเองตอนนี้กำลังคิดอันใด ในใจกลับรู้สึกดีใจขึ้น ไม่ต้องให้มู่ชิงเกอเปลืองนํ้าลายมากมาย นางก็เริ่มอธิบายเสียงแจ้วๆ ขึ้น “พวกเราเผ่าปีศาจทะเลโดยหลักแล้วแบ่งออกเป็นห้าเผ่า บิดาของข้าเป็นหัวหน้าเผ่าที่ใหญ่ที่สุด บ้านของพวกเราอยู่ที่… เผ่าปีศาจทะเลของพวกเรามีอยู่แสนกว่าคน แค่อาศัยเจ้าที่มีจำนวนคนน้อยนิดเช่นนี้ก็คงไม่อาจต่อกรได้ เจ้าไม่สู้ปล่อยข้าไป ให้ข้าพาเจ้าไปพบบิดาข้า หลังจากนั้นให้เขาพูดกล่อมหัวหน้าเผ่าคนอื่นๆ ให้คนของเจ้ากับเรือลำนี้จากไป แต่ว่า…”

ทาลิซ่าอยู่ๆ ก็หยุดเอ่ยวาจาลง มู่ชิงเกอที่กำลังฟังเพลินๆ ก็เลยเอ่ยถามขึ้น “แต่ว่า อะไร?”

ทาลิซ่ามองมาทางเขาสายตาหนึ่ง ในแววตามีแววเขินอายทอประกายขึ้นมาหลายสาย “เจ้าจะต้องรั้งอยู่ อยู่เป็นสามีของข้า”

องครักษ์เขี้ยวมังกรยกมุมปากเบ้ขึ้น

มู่ชิงเกอกลับเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมาสายหนึ่ง นางลุกขึ้นยืน หันไปกล่าวกับทาลิซ่า “คุณหนูทาลิซ่า ขอเชิญพักผ่อนให้สบาย”

พอกล่าวจบ นางก็เดินไปทางประตูด้านนอก ในตอนที่ทาลิซ่ากำลังจะตามไปถามการตัดสินใจของเขา มู่ชิงเกออยู่ๆ ก็หยุดลงเอ่ยถามขึ้น “อ้อใช่แล้ว ขอ รบกวนถามหน่อยว่า เผ่าปีศาจทะเลของพวกเจ้า มีผู้หญิงมากเท่าไร?”

“เอ้! เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม? ข้าขอบอกเจ้าเลยว่าข้านั้นเป็นหญิงที่งามที่สุดในหมู่สตรีของเผ่าปีศาจทะเลทั้งหนึ่งหมื่นคน! ข้อเสนอของข้า เจ้าก็คิดดูให้ดี” ทาลิซ่าถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังให้ความร่วมมือตอบคำถามของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นน้อยๆ เปิดประตูห้องพักออกไป ทาลิซ่าก็ถูกการกระทำของมู่ชิงเกอทำเอารู้สึกแปลกใจนัก หันไปถามองครักษ์เขี้ยวมังกร “เขาหมายความว่ายัง ไง?”

องครักษ์เขี้ยวมังกร ตนเองก็ล้วนแต่ไม่เข้าใจ แล้วนี่จะไปบอกนางได้อย่างไร? อีกอย่างต่อให้รู้ก็ไม่มีทางพูดออกไป ดังนั้นก็เลยมอบใบหน้าเคร่งขรึมองอาจให้นางใบหน้าหนึ่ง

เดินออกมาจากห้องพัก มู่ชิงเกอก็ไปเรียกมั่วหยาง หยินเฉิน ยังมี ไป๋สี่

นั่งลงไปบนเก้าอี้ที่ปูด้วยหนังขนสัตว์มือเท้าไปยังพนักเก้าอี้ นิ้วทั้งสิบประกบกันวางไว้ที่ใต้คาง “มั่วหยางดึงองครักษ์เขี้ยวมังกรออกไปสามร้อยนาย คืนนี้มีภารกิจ”

มั่วหยางพยักหน้าเงียบๆ

จากนั้นมู่ชิงเกอก็หันมองไปทางหยินเฉินกับไป๋สี่ “คืนนี้ พวกเจ้าออกไปเคลื่อนไหวด้วยกัน”

“จะทำอะไร?” ไป๋สี่ถามขึ้นอย่างแปลกใจ

มู่ชิงเกอยกมุมปากขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันสายหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หันไปกล่าวกับพวกเขา “ฉุดผู้หญิง!”

“ฉุดผู้หญิง?”

“ฉุดผู้หญิง!”

ไป๋สี่กับหยินเฉินมองไปทางมู่ชิงเกออย่างประหลาดใจ แม้แต่มั่วหยางที่นิ่งขรึมมาตลอดก็ยังส่งสายตามองไปทางนางอย่างไม่เข้าใจ

มู่ชิงเกอกลับลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีเรื่องอื่นใดอีก มือไพล่ไปด้านหลัง กล่าวขึ้นเสียงสดใส “ข้าก็รู้สึกว่าอำนาจการต่อรองยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นวิธีการเพียงหนึ่งเดียวคือการเพิ่มอำนาจการต่อรอง”

ต่อจากนั้น นางก็เอาข่าวที่สอบถามมาจากทาลิซ่า อธิบายไปให้ทั้งสามคนฟัง

“…ดังนั้น คืนนี้พวกเจ้าก็จะต้องแยกกันเป็นห้าเส้นทาง ไปนำตัวผู้หญิงทั้งหมดของเผ่าปีศาจทะเลฉุดกลับมา” มู่ชิงเกอกล่าวเน้นยํ้าเป็นครั้งสุดท้าย

หยินเฉินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางมู่ชิงเกอ “ข้ากับไป๋สี่หลบสายตาของเผ่าปีศาจทะเลบนเกาะนั้นก็ไม่ยาก แต่องครักษ์เขี้ยวมีคนมาก ทั้งยังไม่เป็นวิชาภาพลวงตา เกรงว่า…”

มู่ชิงเกอกลับยิ้มเย็นใจขึ้นสายหนึ่ง “ไม่จำเป็นจะต้องลำบากเช่นนั้น”

ไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้นรึ?

ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง ทั้งสามคนก็ยังไม่เข้าใจว่าคำพูดประโยคนี้ของมู่ชิงเกอหมายความว่าเช่นไร

จนกระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ ดำมืดลง ตอนนั้น พวกเขาก็สามารถเห็นถึงกองทัพของเผ่าปีศาจที่ตรงขอบฟ้าได้รางๆ พวกเขาจึงเพิ่งจะเข้าใจขึ้นมาว่าคำกล่าวของมู่ชิงเกอหมายความว่าอะไร

“เจ้าก็คาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะใช้กองทัพใหญ่มาสะกดข่ม?” ไป๋สี่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นน้อยๆ “พวกเผ่าปีศาจทะเลปกครองเขตทะเลผืนนี้มายาวนานหลายปี ใช้อำนาจกันจนชินแล้ว ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีข้าที่เหิมเกริมกับพวกเขาปรากฏขึ้นคน หนึ่ง ยิ่งเป็นมนุษย์ที่อุกอาจด้วยแล้ว พวกเขาไหนเลยจะยอมสยบ? แน่นอนว่าจะต้องจัดการข้าอย่างดี”

“ดังนั้นคำกล่าวที่เจ้าพูดไปเมื่อตอนกลางวันกับพวกปีศาจทะเลพวกนั้น ก็ชัดเจนว่าเป็นการยั่วโทสะพวกเขา ยั่วโมโหให้พวกเขาออกจากที่นั้น จะได้สะดวกต่อพวกเราที่จะเคลื่อนไหวในตอนกลางคืน?” ไป๋สี่ก็กลายเป็ ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

นางก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ในการกระทำและคำพูดของมู่ชิงเกอก็จะแอบซ่อนจุดประสงค์อ้อมๆ มากมายเช่นนี้เอาไว้

“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าหากพวกเขากล้าส่งคนมาจริงๆ ข้าก็ยังตัดขาของทาลิซ่าส่งกลับไป”

“พวกเราล้วนแต่ออกไป เจ้าคนเดียวเผชิญหน้ากับปีศาจทะเลมากมายขนาดนั้น?” หยินเฉินก็คุ้นชินกับความฉลาดที่เกือบจะใกล้กับคำว่าปีศาจของมู่ชิงเกอมานานแล้ว ที่กังวลก็แค่ความปลอยภัยของนาง

มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าวางใจ ข้าที่นี่ก็ไม่มีทางมีปัญหา พวกเขาอย่างน้อยก่อนฟ้าสว่างในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีทางเคลื่อนไหวอะไร พวกเขาตอนนี้ก็เพียงแค่ต้องการใช้จิตวิทยาในรบกับข้า คิดอยากจะใช้ภาพตรงหน้า ทำให้ข้าหวาดกลัวก็เท่านั้น”

พอกล่าวจบนางก็ยิ้มเย้ยหยันขึ้นสายหนึ่ง เอ่ยพึมพำขึ้นเสียงเบา “ก็เป็นกลศึกที่มนุษย์เมื่อหลายพันปีใช้กันจนเบื่อแล้ว ไม่รู้จักพัฒนาไปตามยุคสมัย ทีนี้ก็คงได้แต่เป็นฝ่ายจะถูกคนอื่นเขาเล่นงานแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!