Skip to content

พลิกปฐพี 214

ตอนที่ 214

ขอบคุณคนงามที่มาส่ง

ผู้หญิงของเผ่าปีศาจทะเล แน่นอนว่าไม่มีทางช่วยมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอก็ไม่ไปคาดหวังอันใดในจุดนี้แม้แต่น้อย

สำหรับนางแล้ว ขอเพียงหลังจากที่พวกนางจากไป ผู้หญิงเผ่าปีศาจพวกนางนี้ช่วยยืดเวลาให้นางได้สักช่วงหนึ่งก็พอแล้ว

น่านนํ้าที่พวกปีศาจทะเลครอบครองเอาไว้นั้นกว้างขวางมาก เรือยักษ์แล่นมาหนึ่งคืนหนึ่งวันกลับยังไม่สามารถออกไปจากเขตแดนนี้ได้สำเร็จ ส่วนด้านหลังของตัวเรือ ก็ยังมีกองทัพแสนกว่าตนของพวกปีศาจทะเลที่ติดตามอยู่ไกลๆ พวกเขาคิดอยากจะหาโอกาสช่วยเหลือตัวประกันบนเรือ แต่ไม่ว่ายังไงก็หาโอกาสไม่ได้สักที

บนผืนทะเลแห่งทุกข์คลื่นทะเลสีเขียวสาดซัดไปมา

“พี่ใหญ่ พวกเราจะปล่อยพวกมนุษย์น่าตายนี่ไปจริงๆ รึ?” หัวหน้าเผ่าห้าเอ่ยขึ้นอย่างนึกโมโห อดไม่ได้จริงๆ ที่จะบ่นกับหัวหน้าเผ่าใหญ่

เขาปกครองทะเลแห่งทุกข์มาตั้งนานนมก็ยังไม่เคยถูกเหยียดหยามและหลู่เกียรติเช่นนี้มาก่อน!

“ภารกิจสำคัญในตอนนี้ก็คือรักษาชีวิตผู้หญิงในเผ่าเอาไว้ให้ได้!” หัวหน้าเผ่าใหญ่กล่าวขึ้นแววตาเคร่งขรึม ในท่าทีของเขา แน่นอนว่ากำลังสะกดข่มความโกรธของตัวเองอยู่

เพียงแต่ว่า เขานั้นยังดูมีสติมากกว่าผู้อาวุโสห้าอยู่เล็กน้อย

คำพูดประโยคนี้ของเขาก็ทำเอาหัวหน้าเผ่าคนอื่นๆ กลายเป็นนิ่งขรึมไป ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของทาลิซ่าคนเดียวแล้ว แต่เป็นผู้หญิงของทั้งชนเผ่า

ผลได้ผลเสียนี้ก็เกี่ยวพันถึงรากฐานของพวกเขา ดังนั้น ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่เอ่ยถึงการบุกโจมตีโดยตรงอีก

ก็เหมือนกับมู่ชิงเกอว่าเอาไว้ ถ้าหากพวกเขากล้ากระทำการอุกอาจ ในตอนก่อนที่พวกเขาจะปีนขึ้นไปบนตัวเรือ ก็มีเวลาเพียงพอให้เขาสังหารผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลทั้งหมด

“หึ ข้าว่าเจ้าเด็กนั้นก็แค่ข่มขู่เพียงเท่านั้น เขาจะฆ่าผู้หญิงของพวกเราทิ้งจริงๆ รึ? ไม่กลัวถูกพวกเราเผ่าปีศาจทะเลไล่สังหารไปยังขอบฟ้าสุดทะเลรึไง?” หัวหน้า เผ่าห้าเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม

หัวหน้าเผ่าใหญ่มองเขาสายตาหนึ่ง นิ่งเงียบไปไม่กล่าววาจาอีก

หัวหน้าเผ่าสี่กลับเปิดปากขึ้นมา “มนุษย์ผู้นั้นโหดเหี้ยมอำมหิต เขาในเมื่อสามารถคิดวิธีการที่ชั่วช้าเช่นนี้ขึ้นมาข่มขู่พวกเราได้ ก็ต้องกล้าที่จะทำเช่นนั้น อีกอย่าง เจ้าลองถามใจตัวเองดู ถ้าหากมีโอกาสให้สังหารเขาได้ เจ้าก็จะปล่อยมันไปรึ? ตรงจุดนี้ เขาแน่นอนว่าจะ ต้องเข้าใจดี ดังนั้นขอเพียงพวกเราบุกดาหน้าเข้าไปชิงตัวคน เขาก็แน่นอนจะต้องใช้วิธีทุบหม้อล่มเรือ สังหารตัวประกันทั้งหมด ก่อนจะมาตัดสินศึกเป็นตายกับพวกเรา”

คำพูดประโยคสุดท้ายของผู้อาวุโสสี่ ก็ทำให้คนอื่นๆ รวมทั้งหัวหน้าเผ่าใหญ่และคุนล้วนแต่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น

พวกเขาไม่กลัวที่จะสู้รบ แต่กังวลว่าหลังจากผู้หญิงในเผ่าล้วนแต่ตกตายไปหมด ต่อให้พวกเขาจะสังหารเจ้าเด็กสามหาวนั่นจนตายได้ แต่ถึงอย่างนั้นเผ่าพันธุ์ของ พวกเขาก็คงไม่อาจหนีพ้นจากการสิ้นสูญ

ความนิ่งเงียบแผ่ปกคลุมไปยังหัวหน้าเผ่าทั้งห้า ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวหน้าเผ่าสองก็ถึงจะกล่าวออกความคิดเห็นขึ้นมา “ไม่สู้ข้าลอบพาคนจำนวนหนึ่งจากไปก่อน อ้อมไปดักรอที่เขตทะเลด้านหน้า รอจนพวกเขาข้ามผ่านเขตทะเลที่พวกเราปกครองไป ส่งพวกผู้หญิงกลับมาแล้ว ข้าก็ค่อยสังหารเขา!”

ในนํ้าเสียงของหัวหน้าเผ่าสองก็แฝงไว้ด้วยความชิงชังสายหนึ่ง ในแววตาทอแววเฉียบคมลึกลํ้าก่อนจะสลายหายไป

“นี่ก็เป็นข้อเสนอที่ดีข้อหนึ่ง!” หัวหน้าเผ่าห้าพลันกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมา กล่าวสนับสนุนขึ้น

“ไม่ได้!” หัวหน้าเผ่าใหญ่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ เขาก็ปฏิเสธขึ้นอย่างไม่ลังเล ทำเอาสีหน้าของหัวหน้าเผ่าสองกลายเป็นเยียบเย็น หัวหน้าเผ่าห้ามองไปทางเขาอย่างไม่พอใจ

“ด้านหน้าเป็นเขตแดนของเผ่าอี๋ ไปเปิดศึกในเขตแดนของพวกเขา พวกเจ้าก็คิดอยากจะเปิดศึกระหว่างสองเผ่ารึ? ทั้งยังเป็นเพราะมนุษย์ชั่วช้าเพียงคนเดียว!” หัว หน้าเผ่าใหญ่กล่าวเหตุผลของตนออกไปเสียงขรึม

“เผ่าอี๋? เผ่าอี๋มีอะไรให้ต้องไปกลัวพวกเขา!” หัวหน้าเผ่าห้าเอ่ยขึ้นเสียงกระโชกโฮกฮาก ในนํ้าเสียงก็แฝงไว้ด้วยความดูแคลนอย่างดุดัน

หัวหน้าเผ่าสี่คิดแล้วคิดก่อนจะเปิดปากขึ้นอย่างลังเล “ถึงแม้จะบอกว่าพอออกไปจากเขตทะเลที่พวกเผ่าปีศาจทะเลปกครอง ก็เป็นเขตทะเลที่เผ่าอี๋ปกครอง แต่ว่านั่นก็ห่างจากที่มั่นหลักที่พวกเขาปกครองอยู่ไกลนัก พวกเขาก็ไม่มีทางรับรู้หรือสัมผัสได้อีกอย่าง ถ้าหากถูกค้นพบเข้า พวกเราก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบาย”

หัวหน้าเผ่าใหญ่กลายเป็นนิ่งเงียบลง สีหน้าของเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด

ราวกับว่าเขาก็จะถูกหัวหน้าเผ่าสี่พูดจนเห็นคล้อย

บอกว่าเขาไม่เกลียดมู่ชิงเกอนั่นก็เป็นเรื่องโกหก บอกว่า เขาไม่อยากสังหารมู่ชิงเกอนั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องโกหก!

ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามู่ชิงเกอกล้ามาข่มขู่เผ่าปีศาจทะเลเช่นนี้ แค่เพียงเรื่องที่เขาลักพาตัวลูกสาวเพียงคนเดียวของตนไปตรงจุดนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะให้ในใจหัวหน้าเผ่าใหญ่อยากจะสำเร็จโทษมู่ชิงเกอ

ความกังวลก่อนหน้าก็ถือว่ามีเหตุผล แต่ตอนนี้คำพูดของผู้อาวุโสสี่ก็ราวกับจะค่อยๆ ทำให้ตนคล้อยตาม

หลังจากนิ่งเงียบไปนาน หัวหน้าเผ่าใหญ่ก็พลันขบกราม เอ่ยขึ้น “ได้! ทำตามที่เจ้าสองบอก”

การยินยอมของหัวหน้าเผ่าใหญ่ก็ทำให้หัวหน้าเผ่าสองเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

แน่นอนรอยยิ้มนี้ก็มีให้มู่ชิงเกอที่อยู่บนเรือลำยักษ์ทั้งยังพวกมนุษย์ทั้งหมดนั้น

“พี่ใหญ่ ท่านวางใจเถอะ! รอเขาส่งพวกผู้หญิงกลับมาแล้ว ท่านก็ค่อยส่งสัญญาณให้ข้า ทางนั้นก็มอบให้ข้าจัดการ” หัวหน้าเผ่าสองเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ

ฟู่คังพร้อมกันกับคำพูดของบิดาเชิดอกหลังตรงขึ้น

“ช้าก่อน คุนก็ให้ใปกับพวกเจ้าด้วย” หัวหน้าเผ่าใหญ่ อยู่ๆ ก็พลันเอ่ยขึ้น

การตัดสินใจที่กะทันหันนี้ ก็ทำเอาใบหน้าของหัวหน้าเผ่าสองกับฟู่คังกลายเป็นนิ่งชะงักไป

หัวหน้าเผ่าใหญ่เอ่ยอธิบายขึ้น “คุนไม่ว่ายังไงก็เคยปะทะกับมนุษย์ผู้นั้นมาก่อน เขาไปด้วยอย่างน้อยก็สามารถช่วยอะไรได้บ้าง” เหตุผลนี้พอพูดออกมา ก็ไม่อาจกล่าวปฏิเสธได้อีก

หัวหน้าเผ่าสองทำได้เพียงพยักหน้ารับ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจี๋ยซั่งก็ตามไปด้วยเถอะ” หัวหน้าเผ่าสามอยู่ๆ ก็แย้มยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

“เจี๋ยซั่งก็ไปด้วย?” หัวหน้าเผ่าสองขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ

หัวหน้าเผ่าสามพลันเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นเหตุเป็นผล “พูดไปแล้ว สาเหตุที่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็มีความเกี่ยวข้องกับเจี๋ยซั่งอยู่ส่วนหนึ่ง”

หัวหน้าเผ่าสองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่หัวหน้าเผ่าสี่กลับเปิดปากขึ้นสมทบอีกคน “ไม่เลว ให้เจี๋ยซั่งตามไปด้วย พวกเราฝั่งนี้หลังจากรับตัวพวกผู้หญิงแล้ว ก็จะเร่งรีบตามไป พอถึงตอนนั้นก็โจมตีทั้งหน้าและหลัง จัดการพวกมนุษย์ชั้นตํ่ากลุ่มนี้ให้ตกตายไปตามกัน”

หัวหน้าเผ่าสองก็เอาประโยคคำพูดที่ค้างอยู่ในลำคอกลืนกลับลงไป

เพราะเหมือนกับว่าเขาจะไม่เหตุผลอะไรให้ปฏิเสธได้อีก

ท้ายที่สุด หัวหน้าเผ่าสองก็พาคุนกับเจี๋ยซั่งตามติดไปด้วย ฟู่คังก็แน่นอนว่าต้องตามไป

นอกจากนี้พวกเขาก็ยังพาทหารไปด้วยอีกหนึ่งหมื่นตน จำนวนคนก็ไม่อาจพาไปมากได้ไม่เช่นนั้น ก็จะดึงดูดความสนใจของพวกบนเรือได้

รอหลังจากพวกเขาจากไปแล้ว หัวหน้าเผ่าใหญ่ก็สบถเสียงเย็นขึ้นเสียงหนึ่ง

ราวกับจะเข้าถึงความนัยที่หัวหน้าเผ่าใหญ่สบถออกมา หัวหน้าเผ่าสามก็กล่าวขึ้นต่อเขาประโยคหนึ่ง “พี่รองก็เป็นพี่รอง จากเล็กจนโตก็คิดแต่ว่าจะเอาเปรียบคนอื่นๆ อย่างไร”

หัวหน้าเผ่าสี่ก็ยิ้มตามไปด้วย “มีคุนกับเจี๋ยซั่งตามไป พวกเขาก็คงได้ประโยชน์ไม่มากเท่าไร ไม่ว่าจะได้อะไรจากเรือของพวกมนุษย์ก็ล้วนแต่ต้องแบ่งห้าส่วนให้พวกเราเท่ากัน”

หัวหน้าเผ่าห้าก็หัวเราะ ‘หึๆ’ ถูมือไปมา ในแววตาเต็มไปด้วยความโลภ

ราวกับว่าพวกมู่ชิงเกอที่สูญเสียอำนาจต่อรองไปแล้ว ในสายตาของพวกเขาปีศาจทะเลก็เป็นแค่เนื้อก้อนยักษ์ชั้นดีชิ้นหนึ่งที่นำมาซึ่งความเย้ายวนอันหาใดเปรียบไม่ได้

ท้องฟ้ายามราตรีปกคลุมลงมาอีกครั้ง บนเรือยักษ์ทอแสงไฟสว่างขึ้น ดวงไฟจุดเล็กๆ ส่องสว่างไปทั่วลำเรือจนเกิดเป็นภาพอันงดงามตระการตา

กองทัพของเผ่าปีศาจทะเลก็ยังอยู่ไกลๆ บนผืนทะเลอันมืดมิด พอทอดมองไปยังแสงไฟระยิบระยับนั่น บริเวณที่พวกเขายืนอยู่ก็กลายเป็นหนาวเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

พวกผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลก็ถูกมู่ชิงเกอจับไปไว้ที่ชั้นล่าง ที่ใหญ่ที่สุดของท้องเรือ

พวกนางขดตัวอยู่ด้วยกัน แอบอิงมอบความอบอุ่นให้กันและกันในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียขวัญ ทาลิซ่าก็ไม่ได้อยู่ในหมู่พวกนาง แต่อยู่ในห้องพักห้องเดิมที่นางเคยพักเมื่อตอนก่อนหน้า

ด้านบนสุดของโถงคุมขัง ก็แขวนเอาไว้ด้วยถาดกลมๆ ถาดหนึ่ง ด้านบนตัวถาด มีกำยานหอมที่กำลังลุกไหม้ ควันสีเทาเรือนรางพัดโชยขึ้นมา พวยพุ่งขึ้นไปด้านบน ก่อนจะแผ่ขยายออกไปทั่วโถงใหญ่

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็ค่อยๆ เปิดออก

เสียงเปิดประตูก็พลันดึงดูดความสนใจของพวกผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลจนพากันตัวสั่นไหว

พวกนางก็ไม่ได้แข็งแรงบึกบึนเหมือนกับพวกผู้ชายเผ่าปีศาจทะเลพวกนั้น ตอนนั้นพอมองดูก็ดูอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด

องครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ในมือ ถืออาหารที่มีไอร้อนหอมฉุย

“ช่างอัปลักษณ์นัก”

“พวกเขาเกิดมาได้น่าเกลียดจริงๆ!”

“พวกมนุษย์ก็มีหน้าตาแปลกประหลาดเสียจริง!”

ในหมู่ผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลก็มีบางส่วนที่อายุยังน้อย หญิงสาวที่ขวัญอ่อน ทั้งหวาดกลัวทั้งสงสัย หลบอยู่ในอ้อมกอดของพวกผูใหญ่หรือพี่สาวน้องสาว ลอบจ้องมองพวกองครักษ์เขี้ยวมังกร

องครักษ์เขี้ยวมังกรของมู่ชิงเกอแต่ละคนก็มีหน้าตาองอาจหล่อเหลา แต่ในสายตาของพวกนางกลับกลายเป็นอัปลักษณ์อย่างถึงที่สุด

เสียงกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ ก็ค่อยๆ แผ่ขยายออกไป

คำกล่าวพวกนี้ก็ล้วนแต่ไม่อาจหลุดรอดจากหูของพวกองครักษ์เขี้ยวมังกรได้

สำหรับตรรกะการมองความงามเช่นนี้พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่หัวเราะขมขื่นขึ้นในใจ ไม่สามารถอธิบายอะไรได้

ลองคิดๆ ดูขนาดใบหน้าที่งามลํ้าอย่างคุณชายของพวกเขาเช่นนั้น ในสายตาของเหล่าเผ่าปีศาจทะเล ก็ยังกลายเป็นอัปลักษณ์อย่างถึงที่สุด แล้วพวกเขายังไปมีความคิดไม่เป็นธรรมอะไรในใจอีก

“กินข้าวเถอะ”

เอากับข้าวที่ยังมีไอร้อนหอมฉุยวางไปในห้องโถง เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรก็เร่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็รังเกียจที่พวกเขามีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากเห็นหน้าอันสูงค่าของพวกนางเช่นกัน รู้หรือไม่?

หลังจากพวกองครักษ์เขี้ยวมังกรจากไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งพวกผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลก็ค่อยเข้าไปใกล้ถาดอาหารอย่างระมัดระวัง

อาหารพวกนี้ก็แตกต่างกับอาหารที่พวกนางกินในเวลาปกติอย่างสิ้นเชิง

พวกนางแรกเริ่มก็แค่มองดูอย่างแปลกใจ แต่ว่าใครก็ไม่กล้าลองชิม

สุดท้าย เด็กสาวที่ค่อนข้างใจกล้าคนหนึ่งก็กลายเป็นหนูทดลองกินเข้าไปคนแรก

พอเห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อยและเบิกบานใจแล้ว ผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเข้าไปกินบ้าง

ไม่มีคนสังเกตเลยว่าด้านบนสุดของโถงคุมขัง ก็มีจุดไม่สะดุดตาอยู่มุมหนึ่ง ตรงนั้นมีหน้าต่างบานเล็กๆ ติดอยู่ ในหน้าต่างก็มีนัยน์ตาสุขุมคู่หนึ่งกำลังลอบสังเกต

การณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโถงคุมขัง ในตอนที่พวกหญิงสาวเหล่านั้นเริ่มกินกับข้าวแล้ว มู่ชิงเกอก็ถึงค่อยปิดหน้าต่างลง บดบังการมองเห็น

“กำยานที่เจ้าให้พวกเขาจุดในโถงเรือคืออะไร?” ไป๋สี่ยืนอยู่ด้านหลังของมู่ชิงเกอ เอ่ยถามอย่างสงสัย

มู่ชิงเกอยกมุมปากขึ้นน้อยๆ กล่าวขึ้นเนิบๆ “ก็แค่ของเล่นบางอย่างก็เท่านั้น สามารถสะกดพลังในตัวของพวกนางเอาไว้ได้ชั่วขณะ ทำให้พวกนางกลายเป็นอ่อนแอลง”

ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เปล่าประโยชน์ก็เท่านั้น

ไป๋สี่พลันกลายเป็นเข้าใจในทันใด พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “พวกนางก็เหมือนกับว่าจะยังไม่รู้สึกตัว”

มู่ชิงเกอเดินออกไปด้านนอก กล่าวเสียงเรียบ “ตัวยาที่ข้าใส่ลงไปก็กะเอาไว้อย่างพอดี ขอเพียงไม่โคจรพลังก็จะสัมผัสไม่ได้หลังจากกินข้าวไปแล้ว ก็ให้พวกนางหลับดีๆ สักงีบ ให้สรรพคุณทางยาพวกนั้นซึมซับไปในตัวพวกนางสักหน่อยนั้นก็ถือว่าเป็นผลดีต่อพวกนางอย่างหนึ่ง”

“ผลดี?” ไป๋สี่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกออธิบายท่าทีเฉยชา “พวกนางอยู่อาศัยในทะเลมาเป็นเวลานาน ในร่างกายไม่มากก็น้อยต้องมีปัญหาเหมือนๆ กันอยู่บ้าง กำยานโอสถพวกนี้ก็สามารถชำระ ล้างข้อด้อยและโรคภัยในร่างกาย ปรับเปลี่ยนร่างกายของพวกนางให้ดีขึ้น”

“เจ้าถึงกับกำลังช่วยพวกนางปรับสภาพร่างกาย?” ไป๋สี่ตกตะลึง

นางแต่เดิมนึกว่า ผู้หญิงเหล่านี้จะเป็นเพียงเครื่องมือเพิ่มอำนาจการต่อรองในมือของมู่ชิงเกอ ไม่สังหารพวกนาง ไม่หยามเกียรติพวกนางก็ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอกลับกำลังลอบช่วยปรับสภาพร่างกายของพวกนางอย่างเงียบๆ

“เพราะอะไร?” ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้? ไม่เป็นการเสียแรงเปล่าหรือ? ไป๋สี่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างไม่เข้าใจ ราวกับว่าหลังจากที่นางรู้จักมู่ชิงเกอมา นางก็ไม่เคยเข้า ใจในตัวนางเลย

มู่ชิงเกอในบางครั้งก็ดูเหมือนจะโหดเหี้ยมไร้เยื่อใย ในสายตาของนางไม่มีผู้บริสุทธิ์ไร้ความผิด มู่ชิงเกอในบางครั้งบางก็ถือคุณธรรมรักพวกพ้อง กับพวกองครักษ์และสหายของนางก็มักจะรุกถอยไปพร้อมกัน

มู่ชิงเกอในบางครั้งก็ยังเหิมเกริมไม่สนใจใคร บีบคั้นข่มขู่ผู้คน

และในบางครั้งนางก็ยังเป็นคนสบายๆ กล่าววาจาเป็นมิตรน่าคบหา

มู่ชิงเกอในตอนนี้ก็ทำให้นางรู้สึกถึงความใจดีมีเมตตา… นางเห็นผีรึไง! นางถึงกับรู้สึกว่ามู่ชิงเกอจิตใจดีมีเมตตา? ไป๋สี่ลอบดูแคลนตัวเองอย่างรุนแรงขึ้นในใจ “เพราะอะไร?”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น มุมปากแย้มยิ้มมองไปทางไป๋สี่ เห็นใบหน้าสุขุมงดงามของนางทอแววงุนงง นางคิดแล้วคิด เอ่ยว่า “ก็คิดเสียว่าเป็นค่าชดเชยที่ข้าลักพาตัวพวกนางมาก็แล้วกัน”

พอกล่าวจบ นางก็หมุนกายเดินจากไป

เพียงแต่เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว นางก็หันหน้ามองมาทางไป๋สี่อีกครั้ง “เจ้าก็สามารถทำความเข้าใจได้ว่านี่เป็นค่าตอบแทนที่พวกนางมาเป็นเครื่องมือต่อรองในมือข้า”

ไป๋สี่นิ่งชะงักอยู่กับที่ มองส่งเงาร่างของมู่ชิงเกอหายลับไปจากทางเดิน

นางก็ดูเหมือนจะเข้าใจมู่ชิงเกอ แต่ยังดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจ

ลักพาตัวพวกผู้หญิงของเผ่าปีศาจทะเลขึ้นบนมาเรือ แน่นอนว่าดูไม่ค่อยมีคุณธรรมเท่าไร จนอาจเรียกได้ว่าเป็น คนชั้นตํ่าไร้ยางอาย

แต่ว่าการกระทำที่ทำให้มู่ชิงเกอต้องแบกรับเสียงก่นด่าเอาไว้คนเดียวเช่นนี้ กลับสามารถหลีกเลี่ยงศึกใหญ่ได้สนามหนึ่ง หลบเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่องครักษ์ เขี้ยวมังกร ร่วมถึงนางกับหยินเฉินอาจจะได้รับมัน ดังนั้นนางก็เลยตัดสินใจเลือกวิธีการที่จะถูกคนภายนอกก่นด่าเพื่อจัดการปัญหาข้อนี้อย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม ในใจของนางกลับหาอีกวิธีหนึ่งเพื่อมาชดเชยให้พวกนาง

ลอบทำการปรับสภาพของพวกผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเล โดยที่ไม่ยอมพูดออกมา

นางใช้วิธีการของตัวเองกลบฝังหลุมลึกในใจตน แต่กลับไม่สนใจที่จะต้องแบกรับคำด่าว่าที่รังแกข่มเหงผู้หญิง ในชั่วขณะนั้น ไป๋สี่ก็เหมือนกับว่าจะสามารถทำความเข้าใจถึงความต้องการในใจของมู่ชิงเกอได้

ที่นางต้องการแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่คำชื่นชมจากภายนอก แต่ขอแค่เพียงในใจของตัวไม่รู้สึกผิดก็พอแล้ว!

“มู่ชิงเกอนะมู่ชิงเกอ เจ้าจริงๆ แล้วก็เป็นคนยังไงกันแน่?” ไป๋สี่กล่าวพึมพำขึ้นกับตัวเอง ในแววตาทอแววครุ่นคิด

มู่ชิงเกอเดินไปยังด้านหน้าประตูบานหนึ่ง ยื่นมือออกไป เคาะบนประตู หลังจากนั้นประตูก็ถูกดันเข้าไป

ด้านในเป็นทาลิซ่ากับองครักษ์เขี้ยวมังกรที่เฝ้าดูนาง

พอเห็นมู่ชิงเกอเข้ามา องครักษ์เขี้ยวมังกรก็ลอบถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ ส่วนทาลิซ่านั้นก็เอาแต่จ้องมองแต่มู่ชิงเกอจนกระทั่งเขานั่งลงไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้า

ตน

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังจานกับข้าวที่ยังไม่ถูกแตะอยู่บนโต๊ะด้วยแววตาอันราบเรียบ เลิกคิ้วพลางเอ่ยถามขึ้น “ทำไมไม่กิน? ไม่ถูกปากรึ?”

ทาลิซ่ามองไปทางนางสายตาหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหนีอย่างไม่พอใจ กล่าวประโยคที่แฝงความน้อยเนื้อตํ่าใจขึ้น “เจ้าก็คิดว่าหลังจากที่ตัวเองถูกหลอก เจ้ายังจะมีกะจิตกะใจกินอะไรอีกรึ?”

แค่พอนึกถึงคนเผ่าเดียวกันที่ถูกขังอยู่บนเรือ ทาลิซ่าในใจก็มีความรู้สึกขุ่นเคืองที่พูดไม่ออกกับมู่ชิงเกอแล้ว

นางชิงชังที่มู่ชิงเกอหลอกลวงนาง สืบเอาข้อมูลไปจากนางที่นี่ สร้างความลำบากให้คนในเผ่า

แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้หลู่เกียรติหรือประพฤติตัวหยาบช้ากับพวกนาง นี่ก็ทำให้นางไม่สามารถกลายเป็นเคียดแค้นอย่างสิ้นเชิงได้

มู่ชิงเกอหัวเราะขึ้นอย่างไร้เสียง มองไปยังอาหารบนโต๊ะ พลางกล่าวขึ้น “ถ้าหากว่าเจ้าหิวมากๆเข้า สำหรับข้าก็ไม่มีผลเสียอันใด”

ทาลิซ่านิ่งชะงักไป สีหน้าอารมณ์กลายเป็นลังเลขึ้นมา

ผ่านไปอึดใจหนึ่ง นางก็กัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยวาจาขึ้น “เจ้าจริงๆ แล้วจะขังพวกเราเอาไว้นานเท่าไรกันแน่?”

ท่วงท่าเช่นนี้ของนางแต่เดิมก็ควรจะทำให้นึกถึงความเอียงอายของหญิงสาว แต่นั่นกลับทำให้ผู้คนไม่กล้ามองมันตรงๆ

“ข้าก็บอกเอาไว้แล้วว่าขอเพียงออกไปจากเขตทะเลแห่งนี้อย่างปลอดภัย ก็จะปล่อยพวกเจ้าไป” มู่ชิงเกอลูบมือไปยังปลอกนิ้วบนมือของตน กล่าวขึ้นช้าๆ

ทาลิซ่าร่างกายแข็งทื่อ หลบเลี่ยงสายตาที่จ้องมองมาของมู่ชิงเกอ “พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เช่นกัน”

“ข้ารู้” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“เจ้ารู้?” ทีนี้ทาลิซ่าก็กลายเป็นประหลาดใจขึ้นมา “ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว ทำไมถึงจะต้องทำเช่นนี้?”

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นน้อยๆ เอ่ยตอบขึ้นอย่างคลุมเครือ “ข้าก็มีวิธีของข้าเอง”

เห็นนางไม่ยอมบอก ทาลิซ่าก็ไม่ไล่ถามอีก

เพียงแต่สายตาที่มองมาทางนางกลับยังเต็มไปด้วยความแง่งอนและไม่พอใจของหญิงสาว

“เจ้าที่มาก็เพราะต้องการดูข้ากินข้าวงั้นรึ?” ทาลิซ่าผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะกลายเป็นเอียงอายขึ้นมา

มู่ชิงเกอส่ายหน้าขึ้นน้อยๆ เชิดคางสูงขึ้น “อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาคุยเล่นกับเจ้า ข้าก็เข้าใจเกี่ยวกับทะเลแห่งทุกข์นี้น้อยมาก ถ้าหากเจ้าเต็มใจก็เล่าให้ข้าฟังสักหน่อย”

มู่ชิงเกอคำพูดเพิ่งจะจบลง ทาลิซ่าก็กล่าวปฏิเสธขึ้นมาอย่างไม่ลังเล “ข้าไม่เต็มใจ!”

ในขณะเดียวกันนางก็กล่าวสำทับขึ้นอีกประโยคหนึ่ง “ยังจะคิดหลอกถามข้อมูลอะไรจากข้าที่นี่อีก? เหอะ! แผนการเช่นเดียวกันข้าก็ไม่มีทางตกหลุมพลางเป็นครั้งที่สอง”

มู่ชิงเกอยิ้มขำขึ้นมา นางมองไปทางทาลิซ่าอยากนึกสนใจ “เจ้าจะร้อนรนขนาดนั้นไปทำไม? ข้าก็ไม่ได้จะถามเรื่องที่เกี่ยวกับปีศาจทะเลของพวกเจ้า ข้าเพียงแต่ อยากจะรู้ว่าหลังจากออกจากเขตน่านนํ้าของเผ่าปีศาจทะเลออกไปแล้ว ต่อไปจะเป็นสถานที่อันใด ห่างจากโลกแห่งยุคกลางไกลเท่าไร”

ทาลิซ่านิ่งชะงักไป จับจ้องไปทางมู่ชิงเกออยู่ครู่หนึ่ง

ผ่านไปอึดใจหนึ่ง นางถึงได้เอ่ยอย่างอวดดีขึ้น “เจ้าถือสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าข้าจะบอกเจ้า?”

มู่ชิงเกอนัยน์ตาทั้งสองหรี่เล็กลง ยิ้มเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เผ่าปีศาจทะเลบนเรือของข้าก็ไม่ได้มีเจ้าแค่เพียงคนเดียว มาหาเจ้าก็เพราะว่าคุ้นชินกับเจ้าที่สุด”

ทาลิซ่าเม้มริมฝีปากแน่น คำพูดของมู่ชิงเกอก็ทำให้นางรู้สึกว่าข้อได้เปรียบของตัวเองหายไป

ราวกับว่าหากนางไม่ร่วมมือ มู่ชิงเกอก็ยังสามารถรับรู้เรื่องราวที่ตนเองต้องการจากปากของผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลคนอื่นได้

และนอกจากนั้น พอทาลิซ่านึกภาพถึงตอนที่มู่ชิงเกอเอ่ยวาจานุ่มนวลเช่นนี้กับผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลตนอื่นแล้ว ในใจของนางก็มีความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ราวกับสิ่งของของตัวเองกำลังจะถูกแย่งชิงไปก็ไม่ปาน

เอียงอายไปนานครู่หนึ่ง ทาลิซ่าก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางขัดเขิน “เอาเถอะ เจ้าอยากรู้อะไร?”

มู่ชิงเกอพอเห็นทาลิซ่ายอมให้ความร่วมมือ ก็ชูนิ้วมือสองนิ้วออกไปอย่างอารมณ์ดี เอ่ยขึ้นกับนาง “ก็มีอยู่สองข้อ”

“ข้อแรกคือสภาพการณ์หลังจากออกจากเขตแดนของเผ่าปีศาจทะเล อีกข้อก็เป็นระยะห่างจากโลกแห่งยุคกลางว่ายังไกลอีกมากแค่ไหน”

ทาลิซ่ามองไปทางเขาสายตาหนึ่ง หยิบเอาตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะคีบแรงๆ ไปทางอาหาร ราวกับว่าสิ่งของพวกนั้นก็คือมู่ชิงเกอที่อยู่ตรงหน้านางก็ไม่ปาน

หลังจากความอัดอั้นในใจถูกระบายออกไป นางถึงค่อยกล่าวขึ้น “หลังจากออกไปจากถิ่นฐานของเผ่าปีศาจทะเลแล้ว เจ้าก็จะเข้าไปสู่เขตแดนของเผ่าอี๋”

“เผ่าอี๋?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

“ใช่” ทาลิซ่าพยักหน้า “พวกเราก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ไหน ก็เหมือนกับว่าเมื่อหลายพันปีก่อน อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวบนทะเลแห่งทุกข์ทำศึกกับพวกเราเผ่าปีศาจ ทะเลอย่างยาวนาน ท้ายที่สุดถึงได้หยุดการรบต่อกันลง ทำการแบ่งแยกเขตแดน สามารถกล่าวได้ว่าความเป็นศัตรูที่เผ่าปีศาจทะเลมีต่อมนุษย์ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็น เพราะพวกเขา ใครให้พวกเขามีหน้าตาเหมือนกันกับพวกเจ้ากัน ทั้งอัปลักษณ์และไร้ยางอาย”

ทาลิซ่าพอกล่าวถึงจุดนี้ ก็ค้อนมองมู่ชิงเกออย่างดุดันสายตาหนึ่ง

มู่ชิงเกอเบ้ปาก ไม่ได้เถียงกลับไป

จากในคำพูดของทาลิซ่านางก็ได้ข้อมูลสำคัญข้อหนึ่ง นั่นก็คือ ‘เผ่าอี๋’ เป็นมนุษย์แต่ว่าความเป็นมาของมนุษย์กลุ่มนั้นค่อนข้างลึกลับ อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา อีกทั้ง พวกเขายังตั้งถิ่นฐานที่ทะเลแห่งทุกข์ไม่ได้มุ่งหน้าไปที่หลินชวน หรือโลกแห่งยุคกลางดินแดนที่มีมนุษย์จำนวนมากอาศัยอยู่

มนุษย์ส่วนมากก็อยู่เป็นกลุ่มก้อน

การปลีกตัวตัดขาดจากโลกเช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีเหตุผลที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เป็นแน่!

“มนุษย์พวกนี้ระดับพลังไม่ธรรมดา เรียกตัวเองว่าเผ่าอี๋ ครอบครองน่านนํ้านับร้อยลี้ในฝั่งตะวันตก ต่อให้เจ้าผ่านด้านนี้ของพวกเผ่าปีศาจทะเลไปได้พวกเขาที่อยู่ด้านนั้นก็ยังยากมากที่จะข้ามผ่านไป เพราะพวกเขาก็เหมือนกับพวกเรา ค่อนข้างไม่ชอบคนนอก” ทาลิซ่ากล่าวขึ้นยิ้มเยาะที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์

“อีกทั้งพวกเขากับพวกเราก็ไม่เหมือนกัน จำนวนของชายหญิงของพวกเขาก็ไม่ต่างกันมาก วิธีการที่เจ้าใช้กับพวกเรา เอาไปใช้กับพวกเขาก็จะไร้ผล”

แผนการแบบเดียวกันนางก็ไม่มีทางใช้ติดต่อกันเกินสอง มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นน้อยๆ ไม่กล่าวอธิบายต่อทาลิซ่าแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า นางก็ยังมีความสงสัยอยู่บางส่วน เผ่าอี๋ ถึงจะเป็นมนุษย์ แต่กลับไม่ต้อนรับมนุษย์ด้วยกันเอง นี่ก็เป็นเพราะอะไร?

พอเห็นมู่ชิงเกอไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทาลิซ่าก็ค่อนข้างผิดหวังอยู่บ้าง ยังคงกล่าวต่อไปอีก “รอบนอกน่านนํ้าที่เผ่าปีศาจทะเลครอบครอง ก็จะเป็นเขตแดนสัตว์อสูรที่มี พื้นที่กว้างขวางผืนหนึ่ง ที่นั่นก็มีสัตว์อสูรรวมตัวกันอยู่ เป็นจำนวนมาก หากไม่ข้ามผ่านพวกมันไป เจ้าก็ไม่มีทางเข้าไปถึงเขตแดนของเผ่าอี๋ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าโลกแห่งยุคกลางอยู่ไกลแค่ไหนนั้น ข้าไม่รู้พวกเราเผ่าปีศาจทะเลก็ไม่เคยขึ้นฝั่ง และก็ไม่คิดสนใจ ถ้าหากเจ้ามีปัญญาก็สามารถไปสืบข้อมูลจากเผ่าอี๋ได้”

‘สัตว์อสูร เผ่าอี๋’ มู่ชิงเกอลอบทวนสองคำนี้ขึ้นในใจ

ราวกับว่านี่จะเป็นสองด่านอุปสรรคก่อนที่จะเข้าไปสู่โลกแห่งยุคกลาง!

“จำนวนคนของเผ่าอี๋มีมากเท่าไร พวกเขาแบ่งเขตการปกครองกันยังไง? ผู้นำเป็นใคร?” มู่ชิงเกอมองไปทางทาลิซ่า เอ่ยถามขึ้นต่อ

ทาลิซ่ากลับเชิดคางสูงขึ้น สบถเสียงทะนงออกมาเสียงหนึ่ง “ข้าไม่รู้อีกอย่างถึงข้ารู้แล้วทำไมจะต้องบอกเจ้า?”

ทันใดนั้นเองเงาดำมืดผืนหนึ่งก็ทาบทับไปบนตัวนาง ปลายจมูกโชยเข้ามาด้วยกลิ่นหอมจางๆ

รอจนตอนที่นางได้สติกลับมา มู่ชิงเกอก็มาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว มือทั้งสองข้างคํ้ายันอยู่ที่ที่วางแขนบนเก้าอี้ของนาง นางโน้มกายมาด้านหน้า มองจ้องมายัง ดวงตาทั้งสองข้างของนาง

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะขึ้นมาสายหนึ่ง “เผ่าอี๋ก็เป็นศัตรูของเผ่าปีศาจทะเล ไหนเลยจะไม่รู้ข้อมูลสำคัญได้?”

ทาลิซ่าถูกรอยยิ้มนั้นของมู่ชิงเกอทำเอาสติพร่ามัววูบวาบไปมา

นางไม่เข้าใจ ชัดเจนว่าเป็นใบหน้าที่อัปลักษณ์ขนาดนั้น แต่ทำไมพอยิ้มขึ้นมา แล้วถึงได้น่ามองนัก!

อยู่ดีๆ ทาลิซ่าก็สัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของตน ความรู้สึกของนางสั่นคลอน ก่อนจะลอดตัวออกจากช่องว่างใต้แขนของมู่ชิงเกอ หนีออกไปจากการคุมขังที่ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก

มู่ชิงเกอไม่ได้ขัดขวาง เพียงแค่หันหน้ามองไปทางนาง

ทาลิซ่าถูกสายตานี้ของเขามองดูจนหัวใจสั่นระรัว หลบสายตาออก นางพยายามคงความสง่าและสูงศักดิ์ของหญิงงามอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจทะเลเอาไว้ เอ่ยขึ้นกับมู่ชิงเกอ “ก็ได้! ข้าสามารถบอกเจ้าได้จะได้ให้เจ้าไปก่อความวุ่นวายที่เผ่าอี๋ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยหยาหญิงอัปลักษณ์นางนั้น!”

พอเอ่ยถึงชื่อที่มู่ชิงเกอไม่คุ้นเคยชื่อนั้น บนใบหน้าของทาลิซ่าก็กลายเป็นชิงชังขึ้นมา ราวกับว่านางกับเสวี่ยหยาผู้นั้นมีความแค้นที่ลํ้าลึกต่อกัน

แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้คิดสนใจว่าระหว่างนางกับเสวี่ยหยาผู้นั้นมีความแค้นอันใดต่อกัน

สำหรับคำว่า ‘ก่อความวุ่นวาย’ ที่นางใช้ในคำพูดคำนั้น ก็เพียงแค่ยิ้มบางๆ ออกมาสายหนึ่ง

กับเผ่าอี๋จะเป็นมิตรหรือศัตรูก็คงต้องดูที่ท่าทีของเผ่าอี๋แล้ว ก็เหมือนกับเผ่าปีศาจทะเลในตอนนี้

ถ้าหากตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขายอมติดต่อด้วยความสันติ และจริงใจ ยอมให้มู่ชิงเกอจากไปแล้วละก็ เรื่องราวก็จะไม่มีทางเลยเถิดมาจนมีสภาพการณ์เช่นวันนี้

“จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ได้สันทัดเรื่องราวของพวกเผ่าอี๋มากเท่าไร พวกเขานั้นดูลึกลับเกินไป ทั้งสองเผ่าหลังจากรบกันเสร็จแล้วพวกเขาโดยปกติแล้วก็จะปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก มีเพียงพวกเราเผ่าปีศาจทะเลที่เหยียบย่างเข้าไปในเขตน่านน้ำของพวกเขาอย่างไม่ตั้งใจ ก็ถึงจะมีคนออกมากล่าวเตือน ข้าได้ยินท่านพ่อบอกมาว่าพวกเขามีผู้นำแค่เพียงคนเดียว พวกเขาเรียกว่าอ๋อง ภายใต้อ๋อง ก็จะมีสี่ขุนศึก แยกกันควบคุมน่านนํ้าทั้งสี่ทิศของเผ่าอี๋ เกาะที่พวกเขาอาศัยอยู่เรียกว่าเกาะตูเล่อ เห็นบอกกันว่าใหญ่โตมากก็เหมือนกับแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ปาน แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่เคยไปที่นั่น จริงๆ มันมีสภาพแวดล้อม เป็นยังไงข้าก็ไม่รู้ จำนวนคนของเผ่าอี๋มีไม่น้อย กะคร่าวๆ น่าจะประมาณหนึ่งแสน แต่ว่าพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ของพวกเขาก็นับว่าเก่งกาจมาก แต่ละคนล้วนแต่ไม่ธรรมดา เสวี่ยหยานางนั้นก็ถือเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของพวกเขา เป็นลูกสาวของขุนศึกทิศใต้ และก็เป็นองค์หญิงของเผ่าอี๋ ”

“ลูกสาวของขุนศึก องค์หญิง?” มู่ชิงเกอก็ได้ยิน ‘เสวี่ยหยา’ ชื่อนี้ออกจากปากของทาลิซ่าเป็นครั้งที่สอง อีกทั้งคำอธิบายเกี่ยวกับตัวนางก็ทำให้นางเกิดความอยากรู้ ขึ้นมาสายหนึ่ง

ที่สงสัยก็ไม่ใช่เพราะบุญคุณความแค้นระหว่างพวกนาง แต่นางในเมื่อเป็นลูกสาวของขุนศึก แล้วยังทำไมถึงเป็นองค์หญิงได้อีก?

“มีอะไรน่าแปลกใจกัน? ขุนศึกทิศใต้ของเผ่าอี๋ก็เป็นสตรี นางแต่งให้กับอ๋อง ลูกสาวที่เกิดออกมาก็จะต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งขุนศึกทิศใต้ และก็เป็นองค์หญิงของเผ่าอี๋” ทาลิซ่ากล่าวอธิบาย

ก็มีเรื่องเช่นนี้ด้วย!

มู่ชิงเกอพลันเข้าใจในพริบตา แต่ก็ยังมีความแปลกใจเล็กน้อยที่ในเผ่าอี๋ยังมีผู้หญิงเป็นขุนศึก

นี่ก็เกรงว่าจะเป็นสตรีอำนาจมากคนที่สามที่นางรู้จัก

คนแรกเป็นเจียงหลีฮ่องเต้หญิงของแคว้นกู่วู่

คนต่อมาก็เป็นรัชทายาทหญิงแคว้นลี่ฟ่งอวี๋เฟย ฮ่องเต้หญิงในอนาคต

คนสุดท้ายก็เป็นขุนศึกหญิงของเผ่าอี๋แล้ว

ถึงแม้ว่านางจะยังไม่ได้พบปะกับเผ่าอี๋ แต่เพียงฟังจากคำบอกเล่านี้ ก็สามารถรู้ได้ว่าต้องเป็นบุคคลหนึ่งที่มีอำนาจมากที่ไม่ได้มีเพียงแค่ตำแหน่งลอยๆ

สตรีที่สามารถขึ้นมาอยู่บนตำแหน่งนี้ได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นหญิงสาวที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถส่วนตน หรือว่าเป็นความคิดความอ่าน ก็จะต้องไม่ต่างจากบุรุษมากเท่าไรนัก ทันใดนั้นเองมู่ชิงเกอก็รู้สึกสนใจขุนศึกทิศใต้ผู้นี้เป็นอย่างมาก

ตอนนั้นเองทาลิซ่าก็เอ่ยขึ้นมาเองว่า “พอพูดถึงเสวี่ยหยานางนั้นขึ้นมา ข้าก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก! ครั้งก่อนหน้าข้าก็แค่เข้าไปในเขตน่านนํ้าของเผ่าอี๋อย่างไม่ได้ตั้งใจก็เท่านั้น กลับไม่คิดว่านางอยู่ๆ จะโผล่ออกมา ทำการขับไล่ข้า หน้าตาก็อัปลักษณ์เสียขนาดนั้น ยังจะทำท่าทางสูงส่งอวดดีอันใดอีก ราวกับว่านางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็ไม่ปาน…”

ทาลิซ่าที่พูดต่อว่าขึ้นก็ทำให้มู่ชิงเกอเข้าใจถึงความบาดหมางที่นางมีต่อเสวี่ยหยา

หากพูดตรงๆ แล้วก็เป็นแค่เรื่องเสียเปรียบเสียหน้าก็เท่านั้น

ในใจนึกขำขึ้นมา สำหรับคำพูดของทาลิซ่า มู่ชิงเกอก็ไม่ได้เห็นด้วย และก็ไม่ได้โต้แย้งนางอย่างเดียวที่นางสามารถยืนยันได้ก็คือหญิงอัปลักษณ์ในคำพูดของทาลิ ซ่า หากใช้การตรรกะความงามตามปกติของมนุษย์แล้ว ก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นโฉมงามล่มเมืองคนหนึ่ง

และแน่นอนนางก็ไม่ได้เป็นผู้ชายจริงๆ สำหรับหญิงงาม ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอันใด

“กินข้าวเถอะ” มู่ชิงเกอใช้คำสามคำขัดทาลิซ่าที่กำลังมีท่าทางเจ็บแค้น

เสียงของทาลิซ่าพลันหยุดลง ในสายตาของนางก็ทอแววขุ่นเคืองออกมาอีกครั้ง มองไปทางมู่ชิงเกอ “พอใช้ประโยชน์จากข้าเสร็จ ก็จะทิ้งขว้างอีกแล้วรึ”

มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะขมขื่นในใจดี

นางก็เพียงแค่ให้นางรีบๆ กินข้าว ทำไมถึงได้กลายเป็นคนทำลายสะพานเมื่อใช้งานเสร็จแล้วได้?

มู่ชิงเกอก็ขี้เกียจที่จะอธิบายให้มากความอีก เพียงแค่หยิบขวดยาจากในอกออกมาขวดหนึ่ง วางไปที่ด้านหน้าของทาลิซ่า

“นี่คืออะไร?” ทาลิซ่ากวาดตามองไปยังขวดยาขวดนั้น ยื่นมือออกไปหยิบมันขึ้นมาจากบนโต๊ะ

“ทุกวันกินหนึ่งเม็ด มีผลดีกับร่างกายของเจ้า” มู่ชิงเกอตอบกลับ

ทาลิซ่ากลับมองไปทางนางอย่างสงสัย ราวกับจะพูดว่า ‘ร่างกายของข้าดีมาก ทำไมจะต้องกิน?’

เห็นท่าทางไม่เข้าใจของนาง มู่ชิงเกอก็ไม่อยากให้ความใจดีที่อยู่ๆ ก็ปรากฏออกมากลายเป็นสูญเปล่า ก็ทำได้เพียงเอ่ยอธิบายว่า “อัตราการให้กำเนิดของเผ่าปีศาจทะเลนั้นตํ่ามาก อีกทั้งเด็กที่เกิดออกมาส่วนมากก็เป็นเพศชาย นั้นก็เป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับร่างกายของพวกเจ้า ตัวยานี้ของข้าก็สามารถปรับเปลี่ยนสภาพร่างกาย สามารถทำให้พวกเจ้าตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น และก็ยังสามารถเพิ่มจำนวนทารกเพศหญิง”

มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ไปอธิบายเรื่องภาวะสมดุลของกรดและด่างที่น่าปวดหัวพวกนั้น เพียงแค่บอกผลลัพธ์สุดท้ายที่จะได้ให้แก่ทาลิซ่า

ถึงแม้จะบอกว่าการกำหนดเพศชายหญิงของลูกนั้นขึ้นอยู่กับบิดา แต่ว่าสภาพร่างของมารดาก็ถือว่าสำคัญเป็นอย่างมาก

ตัวยามู่ชิงเกอมอบให้ทาลิซ่าก็ไม่ได้เป็นโอสถเทพอันใด ก็เป็นเพียงแค่ยาบำรุงของสตรี เป็นตัวยาปรับสมดุลความเป็นกรดและด่างของร่างกาย เมื่อร่างกายปรับ สภาพดีแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ เพียงแต่ว่าจากที่มู่ชิงเกอมองดู ยาปรับสภาพนี้ที่คล้ายกับยาแผนจีนธรรมดาๆ ในชาติที่แล้วของนาง ในสายตาของทาลิซ่ากลับกลายเป็นของลํ้าค่าที่ยากจะหามาครอบครอง!

“จริงงั้นรึ! โอสถนี้ก็มหัศจรรย์เช่นนั้นจริงๆ รึ?” ทาลิซ่าลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น

มู่ชิงเกอพยักหน้า “ตัวยานี้มีจำนวนจำกัด กะคร่าวๆ แล้วนอกจากเจ้าก็เพียงพอสำหรับกินสามคน เจ้าสามารถเอาไปแจกจ่ายได้ตามใจ”

“ดียิ่งนัก!” ท่าลิซ่ายิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ

นางที่มีฐานะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าใหญ่ นางก็ต้องรู้ว่าเผ่าปีศาจทะเลในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหนักหนาอันใด

มู่ชิงเกอแย้มยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ก่อนจะกล่าวความคิดที่ตนเองรู้สึกสงสัยออกไป “ตอนแรกที่พบเจ้า เจ้าก็เหมือนกับว่าจะอดรนทนไม่ไหวที่จะให้เจี๋ยซั่งกับฟู่คังตกตายไป นี่เป็นเพราะอะไร?”

สัมผัสที่นางได้จากทาลิซ่าในตอนนั้น ก็เป็นหญิงสาวที่มีความคิดเจ้าแผนการและยังก็มีความเด็ดขาดอำมหิต ทาลิซ่าสีหน้านิ่งขรึมไป มือทั้งสองกำแน่นไปที่ขวดยา กล่าวขึ้นกับมู่ชิงเกอ “บิดาของฟู่คังเป็นคนมีความทะเยอทะยาน แล้วก็เป็นหัวหน้าเผ่าสองในเผ่า ถึงแม้ว่าต่อหน้าจะเคารพนอบน้อมกับท่านพ่อ แต่ตอนอยู่ลับหลัง เขาก็มีความคิดที่จะแทนที่ท่านพ่อ ข้าที่ปฏิเสธฟู่คัง แต่ไปเลือกเจี๋ยซั่งก็เป็นอยากจะช่วยท่านพ่อหาพันธมิตร ที่สามารถเชื่อใจได้หยุดยั้งความทะเยอทะยานของพ่อฟู่คัง แต่ฟู่คังก็เหมือนกับจะบ้าคลั่งไปอย่างไงอย่างงั้น เอา แต่หาเรื่องเจี๋ยซั่งไม่ปล่อย ข้าตอนนั้นที่ไปจริงๆ แล้วก็ต้องการไปหักห้ามเรื่องทั้งหมด แต่พอนึกได้ว่าข้าจะต้องแต่งกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ตอนนั้นก็คิดว่าอยากจะให้พวกเขาตีกันจนตายไปซะเดี๋ยวนั้น พอเป็นเช่นนี้ขุมกำลังของพวกเขาทั้งสองก็จะไม่สามารถผูกมิตรกันไปได้ตลอดกาล บางทีก็อาจจะมีการแก้แค้นกันและกัน จัดการภัยคุกคามให้บิดาข้า”

มู่ชิงเกอก็เหมือนกับจะเข้าใจความรู้สึกของทาลิซ่าอยู่บ้าง หญิงสาวที่ดูเหมือนทะนงตนนางนี้ในใจกลับกระจ่างชัดและลํ้าลึก นางก็เพียงแค่อยากจะใช้วิธีของ ตนไปปกป้องบิดา

ไม่ได้เอ่ยถามต่อไปอีก มู่ชิงเกอลุกยืนขึ้น

ก่อนจะจากไป นางอยู่ๆ ก็เอ่ยออกมา “ใช่แล้ว ผู้หญิงของเผ่าปีศาจทะเลพวกนั้น ข้าก็ได้ช่วยปรับสภาพไปบ้างเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าตัวยา แต่ก็ยังสามารถ ปรับสภาพได้บางส่วนในช่วงที่ตัวยายังไม่ได้สลายหายไป พวกนางก็จะรู้สึกอ่อนแรงไม่สามารถใช้พลังจิตได้ รอจนฤทธิ์ยาหายไปหมดแล้ว ทุกอย่างก็จะดีเอง”

พอกล่าวจบ มู่ชิงเกอก็เดินออกไป

ทาลิซ่ากลับนิ่งชะงักอยู่กับที่ ไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ มู่ชิงเกอทำไมถึงได้กล่าววาจาเช่นนี้กับนาง

ส่วนมู่ชิงเกอนั้นก็ไม่ได้อธิบายกับทาลิซ่าด้วยความใจดีอีก แต่ว่าเป็นเพราะอะไรนั้น นางเชื่อว่าทาลิซ่าหลังจากนี้ก็จะเข้าใจเอง

ทหารแสนกว่าตนของเผ่าปีศาจทะเลตามติดเรือลำยักษ์ของมู่ชิงเกอมาแล้วหลายวันหลายคืน

วันนี้ในที่สุดก็มาถึงสุดเขตน่านนํ้าที่เผ่าปีศาจทะเลควบคุมอยู่

มู่ชิงเกอก็สังเกตเห็นได้ว่าสุดขอบทะเลด้านนอก สีของนํ้าทะเลก็ดูเข้มขึ้นมาส่วนหนึ่ง ท้องทะเลกระเพื่อมสั่นไหวไปมาไม่หยุด ราวกับว่าที่ก้นทะเลกำลังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากแหวกว่ายไปมา

“มนุษย์ ที่นี่ก็ได้ออกจากเขตปกครองของพวกเราเผ่าปีศาจทะเลแล้ว เจ้าก็สมควรที่จะทำตามสัญญาของเจ้า ปล่อยคนออกมา!” ด้านหลังเรือลำยักษ์ เสียงของหัว หน้าเผ่าใหญ่ก็ดังเข้ามา

มู่ชิงเกอเดินไปยังดาดฟ้าท้ายเรือ สบตากับหัวหน้าเผ่าใหญ่

นางยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นมาสายหนึ่ง เอ่ยขึ้นกับเขา “หัวหน้าเผ่าใหญ่ส่งคนเข้ามารับคนเถอะ”

ทำไมถึงได้ว่าง่ายเช่นนี้?

ไม่เพียงแค่หัวหน้าเผ่าใหญ่ หัวหน้าเผ่าคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่นิ่งชะงักไป

พวกเขาแต่เดิมนึกว่ามู่ชิงเกอยังต้องอิดออดต่ออีกเล็กน้อยถึงจะยอมปล่อยตัวคน ไปจนขั้นเตรียมพร้อมหากมู่ชิงเกอไม่คิดปล่อยตัวคน

“พี่สี่เขาหมายความว่ายังไง?” หัวหน้าเผ่าห้าเอ่ยถามไปทางหัวหน้าเผ่าสี่

หัวหน้าเผ่าสี่เลิกคิ้วส่ายหน้า “ข้าก็มองไม่ออกเช่นกัน”

“ยังไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก ส่งคนออกไปดูลาดเลาก่อน ดูว่าเขาจะปล่อยคนหรือไม่” หัวหน้าเผ่าใหญ่กัดฟันเอ่ยขึ้น

“พวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้มากได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาดูออกว่าเจ้าสองไม่ได้อยู่กับพวกเรา” หัวหน้าเผ่าใหญ่กำชับขึ้น

พอถูกเขากำชับเตือนเช่นนี้ ทัพใหญ่ของพวกปีศาจทะเลก็พลันหยุดลง

พวกเขาหารือกันครู่หนึ่งก่อนจะส่งหน่วยทหารกองเล็กๆ ออกไปรับคน

พวกทหารพอไปถึงด้านล่างเรือลำยักษ์ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้คืนคำพูด ให้องครักษ์เขี้ยวมังกรพาผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลออกไป ให้พวกนางลงจากเรือไปทีละคน

ระหว่างดำเนินการมู่ชิงเกออยู่ๆ ก็พลันเปิดปากขึ้น “หัวหน้าเผ่าใหญ่ หัวหน้าเผ่าสองพวกเขาเล่า? ใช่แล้ว ยังมีท่านนั้นที่ครั้งที่แล้วประมือกับข้า แล้วก็ยังมีฟู่คังกับเจี๋ยซั่ง”

ไม่ดีแล้ว! ถูกพวกเขาค้นพบเข้าแล้ว

พวกหน้าเผ่าไม่กี่คนนั้นนัยน์ตาทั้งสองข้างพลันหรี่เล็กลง ชั่วขณะนั้นกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา

ทหารกองย่อยที่ออกมารับคนพวกนั้นพลันทั่วทั้งร่างเขม็งเกร็ง ท่าทางที่กำลังรับตัวคนพลันหยุดชะงักลง

รอบด้านกลายเป็นเงียบสงบ ราวกับว่าจะตกเข้าสู่เงียบเชียบอันแปลกประหลาด

มู่ชิงเกออยู่ๆ ก็พลันแย้มยิ้มขึ้นมาเอ่ยว่า “จะเคร่งเครียดกันขนาดนั้นทำไมเล่าที่ควรรับคนก็รับคนไป”

คำพูดของนางประโยคนี้ก็คือให้ผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลลงจากเรือต่อไป แต่นั้นกลับทำให้หัวหน้าเผ่าใหญ่พวกเขา หัวใจเต้นระรัวขึ้นมา ในใจของพวกเขาต่างพากันคาดเดาว่าคำพูดเมื่อครู่ของมู่ชิงเกอหมายความว่าอย่างไร?

เขาจริงๆ แล้วมองออกหรือว่ามองไม่ออกกันแน่?

จนกระทั่งผู้หญิงเผ่าปีศาจทะเลคนสุดท้ายลงมาจากเรือ มู่ชิงเกอก็ล้วนแต่ไม่มีท่าทีอันใด

นี่ก็ถึงค่อยทำให้หัวหน้าเผ่าใหญ่พวกเขาพากันวางใจลง

หัวหน้าเผ่าใหญ่กวาดตามองไปในกลุ่มผู้หญิงที่ลงมาจากบนเรือรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว พอไม่ค้นพบเงาร่างของทาลิซ่า เขาก็พลันเร่งร้อนกล่าวขึ้น “ลูกสาวของข้าเล่า?”

“หัวหน้าเผ่าใหญ่ไม่ต้องกังวลใจ” เสียงของมู่ชิงเกอพอจบลง ทาลิซ่าก็เดินออกมาจากด้านหลังของนาง

“ทาลิซ่า! รีบลงมา!”พอเห็นหน้าลูกสาว หัวหน้าเผ่าใหญ่ก็ร้องเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี

“ท่านพ่อ—–!” พอได้ยินเสียงของบิดา ทาลิซ่าก็กลายเป็นตื่นเต้นยินดีขึ้นมา

“ทาลิซ่า ไปเถอะ” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นเสียงเบา

ร่างของทาลิซ่าชะงักค้าง มองไปทางนาง ในแววตาทอแววอาวรณ์อยู่รางๆ ทั้งยังความรู้สึกอื่นๆ ปะปนอยู่ นางเอ่ยว่า “ความเข้าใจของข้าที่มีต่อมนุษย์ก็จำกัดอยู่แค่เผ่าอี๋ คำบอกเล่าที่ส่งต่อมาจากบรรพชนก็บอกพวกเราเพียงว่าพวกเรากับมนุษย์นั้นเป็นได้เพียงศัตรูต่อกัน พอได้สัมผัสกับเผ่าอี๋ข้าก็เลยรู้สึกว่าพวกเขาพูดได้ถูกต้อง แต่ว่าตอนนี้เจ้ากลับทำให้ข้าเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อมนุษย์ พวกเราหลังจากนี้ยังจะได้พบกันอีกไหม?”

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นน้อยๆ “หากมีวาสนาแน่นอนว่าต้องได้พบกันอีก”

ทาลิซ่าพยักหน้า เดินลงไปจากเรือ

ในตอนที่นางเดินไปถึงข้างกายของบิดา หัวหน้าเผ่าใหญ่ก็พลันโอบกอดนาง เพ่งมองนางอย่างละเอียด “ลูกข้า เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

ทาลิซ่าส่ายหน้า “ท่านพ่อข้าไม่เป็นไร พวกเขาดีกับพวกเรามาก ไม่ได้มีการกระทำที่หลู่เกียรติแต่อย่างใด”

คำพูดของนางก็ได้รับการเห็นด้วยจากผู้หญิงคนอื่นๆ ของเผ่าปีศาจทะเล ถึงแม้ว่าพวกนางจะถูกลักพาตัวไป แต่วันเวลาที่อยู่บนเรือยักษ์ก็ไม่ได้เกิดเรื่องที่น่าหวาดหวั่นพวกนั้น พวกมนุษย์บนเรือก็ปฏิบัติกับพวกนางอย่างเป็นมิตร ไม่ได้ สร้างความลำบาก ทั้งยังใช้อาหารเลิศรสต้อนรับ ทุกวันก็ยังสูดดมได้ถึงกลิ่นหอมผ่อนคลาย ทุกครั้งหลังจากสูดดมเข้าไปแล้วล้วนแต่สามารถนอนหลับอย่างเต็มอิ่มได้คืนหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาร่างกายก็อบอุ่นสุขสบายยิ่งนัก

“ทาลิซ่า เจ้าถูกขังจนสติเลอะเลือนไปแล้วรึ? ถึงกับกล่าววาจาแทนพวกมนุษย์!” หัวหน้าเผ่าห้าเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

เขาโบกมือ ให้คนพาตัวพวกผู้หญิงของเผ่าปีศาจทะเลกลับไป

ในขณะเดียวกันในใจของเขาก็ยิ้มเยาะถึงความไร้เดียงสาของพวกมนุษย์ถึงกับกล้าปล่อยคนเช่นนี้ พอสูญเสียอำนาจต่อรอง เขาก็จะคอยดูชิว่าพวกมนุษย์ชั่วช้าพวกนนี้จะหนีรอดไปจากการรุมล้อมที่พวกเขาซุ่มรอเอาไว้อย่างไร

เขาที่คิดเช่นนี้หัวหน้าเผ่าสี่กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น หัวหน้าเผ่าใหญ่กับหัวหน้าเผ่าสามต่างเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

ทาลิซ่าไม่สนใจคำพูดของหัวหน้าเผ่าห้า เพียงแค่หันไปกล่าวกับบิดาของตน “ท่านพ่อ พวกเขาเป็นคนดี ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเขาก็ไม่ได้คิดร้ายต่อพวกเราเผ่าปีศาจทะเลได้อย่างใด อีกอย่าง…” ในตอนที่ทาลิซ่าจะเอาเรื่องยาบำรุงที่มู่ชิงเกอมอบให้เล่าออกไป มู่ชิงเกออยู่ๆ ก็พลันเอ่ยคำพูดขัดนางขึ้น

“หัวหน้าเผ่าใหญ่ ข้าก็รู้ว่าในใจของพวกท่านกำลังคิดอะไร ข้าขอเกลี้ยกล่อมพวกท่าน ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ทำเช่นนั้นไม่เช่นนั้นสิ่งตอบแทนที่จะได้รับก็จะน่ากลัว อย่างถึงที่สุด พวกเจ้าก็สามารถลองถามดูได้ว่าพวกผู้หญิงของพวกเจ้าได้รู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงหรือไม่ ไม่สามารถใช้พลังจิตได้ใช่หรือไม่”

อะไร!

คำพูดประโยคนี้ของมู่ชิงเกอพอหลุดออกไป ฝูงชนที่ได้ยินก็กลายเป็นสีหน้าเปลี่ยนสี

มีเพียงทาลิซ่าเพียงคนเดียวที่มองไปทางมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง

“เจ้าวางยาพิษงั้นรึ?” หัวหน้าเผ่าสี่ขบกรามเอ่ยขึ้นเสียงชิงชัง

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ปฏิเสธ และก็ไม่ได้ยอมรับ

และท่าทางคลุมเครือนี้ของนางกลับทำให้เผ่าปีศาจทะเลฝั่งนี้ตกเข้าสู่ความหวาดผวาอย่างถึงที่สุด

พวกเขาก็กะแล้วว่าพวกมนุษย์ที่ไร้ยางอายและชั่วช้าพวกนี้ทำไมถึงยอมปล่อยคนอย่างสบายใจเช่นนี้ได้?

พอมองไปทางพวกผู้หญิงของเผ่าปีศาจทะเลอีกครั้ง แต่ละคนก็ต่างพากันสีหน้าซีดขาว ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นิ่งงันไป พวกนางชัดเจนว่าถูกคำพูดของมู่ชิงเกอโจมตีเข้าถึงได้มีท่าทางเช่นนี้

“พวกมนุษย์ชั่วช้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” หัวหน้าเผ่าห้าโมโหจนเกือบจะพุ่งออกไป ทำการตัดสินเป็นตายกับมู่ชิงเกอ แต่กลับถูกหัวหน้าเผ่าสี่ขัดขวางเอาไว้ก่อน

ทาลิซ่ามองไปทางมู่ชิงเกอ ในแววตาของนางเต็มไปความสับสนและไม่แน่ใจ

ในตอนที่แววตากระจ่างของมู่ชิงเกอกวาดมองมา นางอยู่ๆ ก็พลันเข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอขึ้นมารางๆ

“ทาลิซ่าเจ้ามีตรงไหนรู้สึกไม่สบายหรือไม่?” หัวหน้าเผ่าใหญ่เอ่ยถามลูกสาวของตนขึ้นอย่างร้อนใจ

ในเวลานี้ทาลิซ่าก็มีโอกาสที่จะกล่าวอธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่นางกลับเม้มปากเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ท่านพ่อ หากปล่อยพวกเขาไป พวกเราก็จะไม่เป็นไร”

คำพูดคลุมเครือของนาง ก็เพิ่มความเป็นจริงในคำพูดของมู่ชิงเกอมากขึ้น

“เจ้า!” หัวหน้าเผ่าใหญ่ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

ในความเข้าใจของเขาลูกสาวตนก็ได้ถูกวางยาพิษ

เขาถลึงตาจ้องมองมู่ชิงเกออย่างชิงชัง ราวกับว่าชิงชังจนอยากจะสับนางเป็นหมื่นๆ ชิ้น!

“เจ้าไม่ทำตามคำสัญญา!” หัวหน้าเผ่าห้าอดไม่ได้ที่จะตวาดคำรามออกไป

มู่ชิงเกอยิ้มดูแคลนขึ้นสายหนึ่ง “พวกเจ้าถ้าหากทำตามคำสัญญา เช่นนั้นขอถามหน่อยว่าคนพวกนั้นที่ข้าขานชื่อเมื่อครู่ไปอยู่ที่ไหนกัน?”

คำพูดประโยคเดียวกลับทำเอาพวกเขาทั้งหมดกลาย เป็นใบ้บึ้ง

มู่ชิงเกอทันใดนั้นก็มีท่าทีดุดันแข็งกร้าวขึ้นมา เอ่ยขึ้นเสียงเย็นยะเยือก “ขอบอกพวกเจ้า เปิดทาง อย่าได้มาเปิดศึกในช่วงเวลาที่เรื่องราวจะจบลงเช่นนี้ไม่เช่นนั้น บทสรุปก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไร”

“ชั่วช้า! ถ้าหากปล่อยเจ้าไป พิษบนตัวพวกนางจะถอนออกอย่างไร?” หัวหน้าเผ่าห้าตวาดคำรามขึ้น

หัวหน้าเผ่าสี่ก็เอ่ยขึ้น “พวกเราจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่นั่นจะถอนพิษอย่างไร?”

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นสายหนึ่ง พูดออกไปตรงๆ “ให้ผู้ชายที่ประมือกับข้าเมื่อตอนนั้นขึ้นมาบนเรือ หลังจากเข้าสู่น่านนํ้าของเผ่าอี๋แล้ว ข้าก็จะเอายาพิษมอบให้เขา ให้เขานำกลับมา”

คำพูดของนางก็ราวเป็นคำขาดครั้งสุดท้าย

หัวหน้าเผ่าที่เหลืออยู่ทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน ก่อนที่หัวหน้าเผ่าใหญ่จะเอ่ยขึ้น “ไปบอกเจ้าสอง ให้พวกเขา ถอนการซุ่มโจมตี ปล่อยพวกเขาไป!”

พวกเขายอมรับแล้วว่าพวกเขาไม่อาจสู้รบกับมนุษย์มากเล่ห์พวกนี้ได้

พวกมนุษย์มากเล่ห์พวกนี้ก็สมควรให้พวกมนุษย์มากเล่ห์เช่นเดียวกันไปจัดการ!

เผ่าอี๋ก็จะต้องมอบการสั่งสอนอันลํ้าลึกให้แก่พวกเขา! พอคิดได้เช่นนี้พวกหัวหน้าเผ่าปีศาจทะเลก็เผยแววเหี้ยมเกรียมขึ้นรางๆ ภายใต้แววตาเจ็บแค้นเจ็บใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!