ตอนที่ 311
เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า!
“ไม่ให้! หากมีความสามารถก็มาแย่งเอาเอง” มู่ชิงเกอยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
คำตอบอย่างไม่ลังเลนี้ทำให้นัยน์ตาของมู่เทียนอินฉายแววอำมหิตขึ้นมา นัยน์ตาเย็นชาไร้ปราณีมองไปบนร่างกายของมู่ชิงเกอ พลังระดับสีทองชั้นหกพวยพุ่งออกจากร่างของเขาดุจดั่งสายลมหมุนบดขยี้ไปยังมู่ชิงเกอ! การลงมือโดยไม่แจ้งเตือนของเขานี้ทำให้ทางมู่ชิงเกอมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด
ลมพายุอันแข็งกร้าวพัดฉีกทำลายพื้นหิมะ พริบตาเดียวก็ไปถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
ดวงตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง กุมทวนหลิงหลงในมือแน่น
ในตอนที่สายลมอันดุดันเข้ามาจะทำลายนางนั้น เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็พลันปรากฎขึ้นตรงหน้านาง บดบังนางเอาไว้ด้านหลัง เงาร่างโอบล้อมนางเอาไว้ทั้งตัว
บึ้ม!
เสียงดังขึ้น มู่ชิงเกอรู้สึกแต่เพียงว่าด้านหน้ามีสายลมพัดผ่าน ใบมีดลมแผ่กระจายไปกับเกล็ดหิมะบาดผิวคนเหมือนกับใบมีด
นางยกมือขึ้นใช้แขนเสื้อบังไว้ตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าหนุ่ม! เจ้าเห็นข้าเป็นเครื่องประดับอย่างนั้นหรือ? เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า! เจ้าคิดจะฆ่าเขา ไม่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรือ!”
สายลมบ้าคลั่งค่อยๆ อ่อนตัวลง ข้างหูของมู่ชิงเกอมีเสียงของโห่วลอยมา
คำพูดนี้แสดงเห็นได้ชัดว่ากำลังพูดกับมู่เทียนอิน
‘ดูแล้วการโจมตีที่ไม่บอกล่วงหน้าเมื่อครู่ของมู่เทียนอิน ถูกโห่วขวางเอาไว้’ มู่ชิงเกอพูดในใจ เพียงแต่ว่าในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกหนักอึ้ง
การโจมตีนี้เป็นเพียงแค่การโจมตีทักทายจากมู่เทียนอินเท่านั้น แต่ก็ยังแข็งกร้าวถึงขนาดนี้หากว่าปะทะเข้าจริงๆ เกรงว่าคงจะเป็นการต่อสู้ที่ลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งทางเขายังมีอีกสามคน ซึ่งล้วนแต่อยู่ระดับสีทองชั้นหก!
“ดูแล้วท่านคิดจะสอดมือเข้ายุ่งเรื่องนี้จริงๆ สินะ?” เสียงของมู่เทียนอินดังเข้ามา
“ข้าขี้เกียจที่จะยุ่งเรื่องของเจ้า ข้าเพียงแค่คุ้มครองเขาเท่านั้น!” โห่วพูดตรงๆ
ในขณะเดียวกัน โห่วก็ส่งเสียงให้มู่ชิงเกออีกครั้ง “เด็กน้อย ให้ข้าคุ้มครองเจ้าออกไปจากที่นี่เป็นอย่างไร?”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นชา วางมือที่บังตรงหน้าของตนเองลง ท่าทีดูเคร่งขรึมปฏิเสธออกไป ‘ไม่ได้! จะไปก็ต้องไปด้วยกัน!’
‘เจ้าเด็กบ้านี่! ตอนนี้ข้าคุ้มครองหลายคนขนาดนั้นไม่ไหว! เจ้าคิดอยากจะให้ข้าตายเป็นเพื่อนเจ้าอย่างนั้นหรือ?’ โห่วก็โมโหขึ้นมาแล้ว
ในความคิดเขา ในเมื่อคนที่มากับมู่ชิงเกอก็มาเพื่อที่จะคุ้มครองมู่ชิงเกอ เพียงแค่มู่ชิงเกอจากไปได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าพวกเขาจะต้องตายที่นี่ก็ถือว่าตายอย่าง คุ้มค่า มีอะไรต้องคิดมากอีก?
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดมู่ชิงเกอถึงได้ดื้อเช่นนี้ รู้อยู่ชัดๆ ว่าสู้ไม่ได้แต่ก็ยังคิดจะสู้ตายอยู่ที่นี่
ใครจะรู้ว่าหลังจากมู่ชิงเกอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า ‘เจ้าวางใจเถอะ หากว่าข้าจะต้องตายที่นี่แล้วจริงๆ ก่อนที่ข้าจะตายก็จะถอนพันธสัญญาระหว่างข้ากับเจ้าก่อน’
นางรู้ว่าโห่วต้องกลับไปล้างแค้น จะต้องไม่ยอมตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
‘เจ้าพูดจริงงั้นหรือ!’ โห่วตกตะลึง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
‘ข้าไม่เคยเสียสัจจะ แน่นอนว่าถ้าหากข้าไม่ตาย ส่วนเจ้าสามารถใช้กำลังทั้งหมดคุ้มครองพวกข้าทุกคนให้หลุดรอดจากเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ข้าก็จะปลดปล่อย พันธสัญญาระหว่างข้ากับเจ้าเช่นเดียวกันคืนอิสระให้แก่เจ้า’ มู่ชิงเกอพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยค นัยน์ตาของโห่วฉายแวววาววาบขึ้นมา
ครู่หนึ่งเขาจึงส่งเสียงมาว่า ‘เจ้าพูดเช่นนี้ก็หมายถึงว่า ถึงอย่างไรเจ้าก็จะถอนพันธสัญญากับข้า ไม่กลัวว่าข้าจะยืนมองดูเจ้าตายเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?’
มู่ชิงเกอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ‘หากว่าเจ้าทำเช่นนั้นก็ ถือเสียว่าข้ามองเจ้าพลาดไป’
‘ชิ!’ โห่วสบถออกมาแล้วพูดอย่างรำคาญว่า ‘เอาเถอะ! ถึงแม้ว่าเจ้าจะตายที่นี่ คู่รักของเจ้าคนนั้นก็คงไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี ดูแล้ววันนี้ข้าก็คงได้แต่สู้ตายแล้ว!’
เมื่อโห่วพูดถึงซือมั่ว นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมา
นางไม่รู้ว่าบทสรุปของวันนี้จะเป็นอย่างไรและก็ไม่รู้ว่า ต่อไปยังจะสามารถพบซือมั่วอีกครั้งได้หรือไม่ นางยังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้หลอมโอสถระดับมหาเทพเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของซือมั่ว…
หากว่า…
มู่ชิงเกอกำกระดิ่งสีทองตรงเอวแน่นอย่างไม่รู้สึกตัว พร้อมภาวนาในใจ ‘หากว่าวันนี้ข้าถูกกำหนดให้จบลงจริงๆ ข้าหวังว่าซือมั่วจะไม่ปรากฎตัวออกมาอีก อย่าให้เขารู้’
นางไม่คาดหวังให้ซือมั่วใช้ศาสตร์ต้องห้ามหวนคืน สูญเสียพลังฝึกปรือหมื่นปีเพื่อช่วยเหลือนางอีก
การพูดคุยกันระหว่างนางกับโห่วเป็นเพียงแค่พริบตาเดียว
และก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น หางตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังคนข้างกายสี่คนใบหน้าของพวกเขาเติมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไม่ ได้คิดที่จะถอย
มุมปากของนางคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ภายในดวงตาลุกโชน ‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต่อสู้เถอะ!’
“แต่ว่าที่ข้าต้องการกลับเป็นเขา!” มู่เทียนอินยิ้มเยาะ นัยน์ตาฉายแววดูแคลน เขายั่วยุโห่ว ก็เหมือนกับที่เขาพูด หากว่าอยู่ในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร บางทีเขา อาจจะเกรงกลัวความแข็งแกร่งของโห่วจนต้องถอยไป แต่ว่าที่นี่พลังของทุกคนต่างถูกกดให้อยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเหตุใดเขาต้องปล่อยโอกาสที่จะได้เคล็ดวิชาเทวะไปด้วย?
บางทีหลังจากกลับไปแล้ว จะถูกโห่วตามแก้แค้นหรือไม่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง!
เขาเป็นนักพนันขอเพียงแค่มีโอกาสเพียงแค่ส่วนเดียวเขาก็จะลอง
โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้เขานั้นมีโอกาสที่จะชนะอยู่มาก
‘พวกข้าจะถ่วงเวลาคนสามคนเอาไว้หลังจากเจ้าจัดการคนหนึ่งเสร็จแล้วก็ให้มาช่วย’ มู่ชิงเกอส่งเสียงให้โห่ว
ในเมื่อต้องต่อสู้แล้ว นางก็ต้องคิดแผนการต่อกรออกมาอย่างรวดเร็ว!
ภายในพวกเขาคนที่สามารถกำจัดผู้เยี่ยมยุทธระดับสีทองชั้นหกได้ก็มีเพียงแค่โห่วคนเดียว เช่นนั้นก็ทำได้แต่เพียงให้พวกเขาขัดขวางคนที่เหลือเพื่อถ่วงเวลาให้โห่วฆ่าคนหนึ่งคนจากนั้นค่อยจัดการคนต่อไป
อีกฝ่ายมีคนน้อยกว่าหนึ่งคนโอกาสที่จะชนะของพวกเขาก็ถือว่าสูงขึ้นเล็กน้อย
พูดจบแล้วนางก็ไม่ได้รอคำตอบของโห่ว ชูทวนหลิงหลง พุ่งออกจากหลังเงาของเขา ใช้มุมที่ได้เปรียบแทงพุ่งไปยังข้างหน้าของมู่เทียนอิน
ในเมื่ออีกฝ่ายลอบโจมตีนางไปครั้งหนึ่ง หากนางไม่โจมตีกลับจะมีความหมายได้อย่างไร?
“พวกเจ้าสี่คนแบ่งออกเป็นสองคนต่อหนึ่งกลุ่ม พยายามขัดขวางถ่วงเวลาคนสองคนเอาไว้! เหลืออีกคนมอบให้แก่โห่ว” ในระหว่างที่มู่ชิงเกอออกกระบวนท่าก็ เอ่ยกลับทั้งสี่คนข้างกายพร้อมกัน
ทวนหลิงหลงส่งเสียงแหวกอากาศดังออกมาดูเหมือนจะแสดงถึงเจตจำนงที่จะร่วมต่อสู้กับศัตรูไปกับเจ้าของของมัน
ปลายทวนอันแหลมคมไปถึงตรงหน้าของมู่เทียนอินภายในพริบตา แสงอันเยียบเย็นวาบผ่าน แต่เขากลับยิ้มเยาะออกมาอย่างดูแคลน
และในขณะเดียวกันมู่เฉินและมู่เผิงก็เข้าโจมตีลูกน้องคนหนึ่งของมู่เทียนอิน เจียงหลีกับหยวนหยวนร่วมมือ กันพุ่งเข้าไปใส่อีกคน เหลืออีกหนึ่งคนก็มอบให้แก่โห่ว ในตอนที่เงาร่างอันสูงใหญ่ของโห่วปรากฎอยู่ตรงหน้าของเขานั้น ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาปรากฎร่องรอยของความหวาดกลัว
ไอสังหารในแววตาของโห่วแสดงออกอย่างชัดเจนอีกทั้งยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ! ดูเหมือนว่าต้องการจะเอาความแค้นที่เคยถูกมู่ชิงเกอกระตุ้นจุดเดือดมาระบายใส่คนตรงหน้าทั้งหมด
“รับความตายเสียเถอะ!” โห่วยื่นมือออกไปห้านิ้วกลายเป็นกรงเล็บ มีไอสีม่วงดำโผล่ออกมา
คนๆ นั้นเห็นแล้วก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับศัตรู พริบตาเดียวก็หลีกหนีออกไปไกลหลายลี้ สร้างระยะห่างระหว่างตนเองและโห่ว ดูเหมือนจะกลัวว่าจะสัมผัสโดนไอพลังนั้นแล้วตนเองอาจจะถูกพิษกัดกร่อน
โห่วยิ้มอย่างบ้าคลั่ง พุ่งไปในพริบตา ในใจของเขารู้ดีว่าอาศัยกำลังของพวกมู่ชิงเกอไม่กี่คน ไม่สามารถถ่วงเวลาไว้ได้นาน เขาจำเป็นต้องรีบจัดการหนึ่งคนโดยเร็วที่สุด
เปรี้ยง!
ปลายทวนหลิงหลงถูกดาบของมู่เทียนอินขวางไว้ได้อย่างง่ายดาย
ไอพลังของทั้งสองคนปะทะเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง พัดจนพื้นหิมะเกิดลมบ้าคลั่งขึ้นมา เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนถูกพัดม้วนขึ้นไปกลางอากาศ โอบล้อมร่างของทั้งสองคนไว้
ในตอนที่พวกมันตกลงมายังพื้นอีกครั้งนั้นก็เผยให้เห็นท่าทีของมู่ชิงเกอและมู่เทียนอิน
ภายในดวงตาอันอำมหิตเย็นชาของมู่เทียนอินแฝงร่องรอยดูแคลน เขาใช้สายตาของผู้ชนะมองดูมู่ชิงเกอ พูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า”
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา นัยน์ตาไม่ได้เผยร่องรอยของความอ่อนแอออกมาเลยสักนิด “เช่นนั้นก็ลองดูเถอะ”
พูดแล้วนางก็ใช้ท่าก้าวดาราก่อกำเนิดรวมกับวิชาทวนหลิงหลงพุ่งเข้าโจมตีมู่เทียนอิน
ท่าก้าวดาราก่อกำเนิดทำให้เงาร่างของมู่ชิงเกอดูลึกลับซับซ้อนยากคาดเดาขึ้น ทำให้นัยน์ตาของมุ่เทียนอินเป็นประกายขึ้นมา พูดไปประโยคหนึ่งว่า “เป็นท่าก้าวที่ไม่เลว รอจับเจ้าได้แล้วค่อยให้เจ้าพ่นทุกอย่างออกมา!”
นัยน์ตาของเขาเผยร่องรอยของความอำมหิตและละโมบ
ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ต้องการเคล็ดวิชาเทวะเท่านั้น ยังคิดที่จะได้ท่าก้าวและวิชาทวนที่แข็งกร้าวที่มู่ชิงเกอได้เรียนมาเหล่านั้นด้วย
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว แต่มู่เทียนอินกลับดูเหมือนว่ามีใจคิดจะเยาะเย้ยดูถูกมู่ชิงเกอ ไม่ได้รีบที่จะจับเขามาแต่กลับแสดงท่าทีดูถูกและประมือเล่นกับเขา
ดูเหมือนว่าเขาคิดอยากจะให้มู่ชิงเกอเข้าใจว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นห่างกันไกลนัก
เขาต้องการฆ่าเขานั้นเพียงแค่ความคิดก็ทำได้แล้ว
ตอนนี้ที่ไม่ฆ่าก็เป็นเพียงเพราะแค่ต้องการเล่นสนุกเท่านั้น
ความในใจของมู่เทียนอิน มู่ชิงเกอเพียงมองแวบเดียวก็เข้าใจดี เพียงแต่ว่านางไม่ได้คิดที่จะโกรธแต่กลับคิดอยากจะให้เขาเป็นเช่นนี้ต่อไป ยิ่งมู่เทียนอินดูแคลนนางมากเท่าไหร่ มาต่อสู้กับนางเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็มีโอกาสที่จะถ่วงเวลามากยิ่งขึ้น
เพียงแค่โห่วฆ่าไป คนหนึ่ง…
แววตาของมู่ชิงเกอฉายแววมืดมน ส่วนลึกของนัยน์ตาสดใสปรากฎความเยียบเย็น
การต่อสู้ในครั้งนี้ใครแพ้ใครชนะยังไม่ได้กำหนด
วันนี้นางได้เอาโอกาสที่จะชนะกดไว้อยู่บนตัวโห่วเพียงคนเดียวแล้ว!
มู่เทียนอินเป็นนักพนัน นางก็เป็นเช่นกันมิใช่หรือ?
ขอแต่เพียงแค่มีโอกาสที่จะโจมตีเพียงแค่เส้นเดียวนางก็จะพยายามที่จะคว้ามาให้ได้!
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนยากที่จะแยกจากกัน มู่เทียนอินไม่ได้ออกท่าที่รุนแรงโหดร้าย แต่กลับทำให้มู่ชิงเกอทำให้เขาบาดเจ็บไม่ได้กลับกันในระหว่างที่ต่อสู้เขาก็ค่อยๆ เรียนรู้แนวทางของท่าก้าวดาราก่อกำเนิดจากมู่ชิงเกอ
ขวางทวนหลิงหลงลงไปอีกครั้ง มู่เทียนอินเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยให้แก่มู่ชิงเกอ “คิดจะถ่วงเวลางั้นหรือ? เป็นความคิดที่ไม่เลว เพียงแต่น่าเสียดายต่อหน้าความแข็ง แกร่งที่แท้จริงนั้น แผนการทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่าน”
พูดแล้วดวงตาของเขาก็หันไปมองฝั่งทางมู่เฉินและมู่เผิง
มู่ชิงเกอมองตามสายตาของเขา ภาพที่ตกเข้ามาในสายตาทำให้หัวใจของนางหนักอึ้งไปชั่วขณะ เม้มริมฝีปากแน่น
มู่เฉินและมู่เผิงถูกคนที่มีระดับสีทองชั้นหกทุบตีจนล้มกองอยู่กับพื้น จนหิมะบนพื้นกระจายขึ้นมา ใบหน้าของเขาทั้งสองคนซีดขาว ท่าทางดูเจ็บปวด มุมปากและด้านหน้าหน้าอกก็มีเลือดไหลไม่หยุด
พวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถถ่วงระดับสีทองชั้นหกคนนั้นได้อีกแล้ว ทั้งสองคนนี้ล้วนอยู่ระดับสีทอง เมื่อพวกเขาเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเจียงหลีกับหยวนหยวน…
มู่ชิงเกอรีบหันมองไปยังอีกสองคน
มู่ชิงเกอค้นหาเงาร่างของทั้งสองคนได้อย่างรวดเร็วแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เจียงหลีได้กระตุ้นพลังเทพอสรพิษในกายเรียบร้อยแล้ว พละกำลังเพิ่มเป็นเท่าตัว ส่วนหยวนหยวนนั้นเป็นร่างพญาเพลิง ทั้งสองคนร่วมมือกันต่อสู้กันได้เป็นอย่างดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักและก็สามารถถ่วงเวลาคนระดับสีทองชั้นหกคนนั้นได้
“ต่อกรกับข้าอยู่แล้วยังแบ่งสมาธิออกไปเช่นนี้ไม่ดีนักกระมัง!” ทันใดนั้นเสียงของมู่เทียนอินก็ดังขึ้นมาข้างหูของมู่ชิงเกอ
นัยน์ตาของนางหดตัวลง กำลังคิดจะถอยหลังออกไปก็ รู้สึกว่าส่วนท้องของตนเองถูกกระแทกอย่างรุนแรงไปหนึ่งดาบ
ดาบขนาดใหญ่กระแทกเข้าไปในตำแหน่งท้องของนาง พลังอันแข็งกร้าวทำให้ตัวนางลอยปลิวออกไป…