ตอนที่ 340
พบธิดาเทพซีอีกครั้ง
เพียงแค่เหลือบมอง จากนั้นทั้งสองก็ละสายตาออกจากกัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ว่าสายตานี้กลับทำให้ใจของมู่ชิงเกอเกิดคลื่นพายุถาโถม
นางกลับเข้าไปในห้องเงียบๆ ในหัวคิดกลับไปมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงสายตาที่มองมาอย่างนักล่าของเหยาชิงไห่ ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่าง มองเห็นความลับของ นางอย่างนั้น
‘เขารู้อะไร?’ มู่ชิงเกอเอ่ยถามในใจ
นางยังไม่เคยได้พูดคุยอะไรกันกับเหยาชิงไห่ แล้วเหตุใดเขาถึงใช้สายตาแบบนั้นมามองนาง?
“ชิงเกอ เจ้าเป็นอะไรไป?” จีเหยาฮั่วหันกลับไปมองสีหน้าของมู่ชิงเกอที่ค่อนข้างซีดไปจึงเอ่ยถามขึ้น
มู่ชิงเกอส่ายหน้า เอ่ยกับเขาว่า “เจ้ารู้จักเหยาชิงไห่มากแค่ไหน?”
“รู้จักงั้นหรือ?” จีเหยาฮั่วครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก็เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ก็ไม่ถือว่ารู้จักดีสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่บนห้าลำดับแรกในทำเทียบชิงอิงด้วยกัน แต่กลับพบเจอหน้าพูดคุยกันน้อยมาก จนแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ข้ากับอิ๋งเจ๋อนั้นค่อนข้างสนิทกัน นั้นก็เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสองตระกูล สำหรับอีกสามคนที่เหลือนั้นไม่ว่าจะเป็นซีเซียนเสวี่ยหรือว่าเหยาชิงไห่ ข้าก็เพียงแต่เคยเห็นตามงานของตระกูลก็เท่านั้น และก็เคยพบกันไม่กี่ครั้ง พวกเขาทั้งสองล้วนอยู่ในประเกทที่เก็บตัวไม่ค่อยออกมาข้างนอก เหยาชิงไห่นั้นชอบอยู่ในสำนักวิถีโอสถ น้อยมากที่จะออกมาจากภาคตะวันออก ครั้งนี้ที่เขามา ข้าเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นเดียวกัน”
“ใช่แล้ว” จีเหยาฮั่วครุ่นคิดและเอ่ยเสริมไปว่า “ใน บรรดาพวกเราห้าคน เว่ยมั่วลี่ลึกลับที่สุด พูดกันว่าเขาทิ้งตำแหน่งประมุขน้อยตระกุลเว่ย ออกเดินทางเพียง ลำพังคิดจะก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเอง เขานั้นเป็นพวกที่บ้าต่อสู้ของแท้หากว่าเจ้าพบเขาก็ต้องระวังหน่อย”
มู่ชิงเกอกำลังคิดเรื่องเหยาชิงไห่ เมื่อได้ยินคำพูดของจีเหยาฮั่วแล้ว ก็เอ่ยถามไปว่า “ระวังอะไร?”
จีเหยาฮั่วเหลือบมองนาง เอ่ยด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดว่า “แน่นอนว่าต้องระวังว่าเขาจะท้าต่อสู้น่ะสิ! หรือเจ้าไม่รู้ถึงระดับชื่อเสียงของเจ้าในตอนนี้? ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่การประลองเป็นทางการ แต่ข้าและอิ๋งเจ๋อก็ถือว่าพ่ายแพ้ต่อเจ้า ข้าคิดว่า หลังจากนี้สองปีครึ่งเมื่อรายชื่อบนทำเนียบชิงอิงมีการปรับเปลี่ยน เจ้าจะต้องสามารถไปอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าได้อย่างแน่นอน สำหรับเจ้าที่เป็นเหมือนม้ามืดโผล่มาเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แลกเปลี่ยนฝีมือกับเจ้าไปแน่”
การเตือนของเขา มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
ชื่อเสียงบนทำเนียบชิงอิง นางก็ไม่เคยได้สนใจ
เว่ยมั่วลี่จะมาหานางหรือนางจะพบหรือไม่พบเว่ยมั่วลี่นั้น เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้แน่และก็ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจมากกับเรื่องที่ไม่รู้
ในตอนนี้ที่นางแปลกใจก็คือ สายตาของเหยาชิงไห่ หมายถึงอะไร
ราวกับเขากำลังส่งข้อความมาให้นาง ‘ข้ารู้ว่าเจ้า…’
เป็นไปได้หรือ?
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ในใจเอ่ยถามตัวเอง ‘รู้ว่าข้าอะไร? มีสถานะผู้หญิง? เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้แม้แต่คนส่วนมากของตระกูลซางก็ยังไม่รู้ แม้แต่คนข้างกายนางอย่างเสวี่ยหยา เซวี่ยนหย่าเหล่านั้นก็ไม่รู้ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร? รู้ว่าเป็นอาจารย์หลอมศาสตรา? นี่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ ตอนนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่านางเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพ? เหลือก็แค่เพียงอย่างเดียว…’
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอดูเข้มขึ้นในใจเดาออกถึงจุดสำคัญ คิดว่าเหยาชิงไห่น่าจะเดาออกแล้วว่าโอสถระดับเทวะเหล่านั้นเป็นนางหลอมขึ้นมา ดังนั้นถึงได้ส่งสายตาและรอยยิ้มเช่นนั้นมาให้นาง
มู่ชิงเกอหัวเราะเย็นในใจ
ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ประกาศออกไปว่าตนเองนั้นเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะ ทั้งภายในเมืองก็ยังมีเหมยจื่อจ้งที่คอยดึงดูดสายตาของคนอื่นๆ อยู่ แต่ว่าเรื่องที่นางเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่ต้องปิดบัง
สำนักวิถีโอสถแห่งภาคตะวันออก จะช้าจะเร็วนางก็ต้องไปสักครั้งอยู่ดี
ชัยชนะในการแข่งขันวิถีโอสถนั้น นางก็ต้องเอามาให้ได้
ถ้าหากว่าเหยาชิงไห่คิดว่าเดาความลับอะไรนางออกแล้วจะสามารถจับจุดอ่อนนางได้ละก็ นั้นก็น่าหัวเราะเกินไปแล้ว
เมื่อคิดจนเข้าใจแล้ว ในใจของมู่ชิงเกอก็ผ่อนคลายลง ฟื้นกลับสู่ความนิ่งสงบ มุมปากเผยรอยยิ้มยั่วยุเล็กน้อย
อีกทาง หลังจากที่เหยาชิงไห่ถอนสายตากลับมานั้น ในใจก็ยากที่จะสงบลงได้
ตะลึง อัศจรรย์ใจ แล้วก็ยังมีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้แอบดูความลับของคนอื่น? แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าตนเองนั้นมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรกันแน่
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายในลั่วซิงเฉิงนี้ไม่เพียงแต่มีอาจารย์ปรุงยาระดับสมบัติ แต่ยังซ่อนอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะเอาไว้อีกคน
อีกทั้ง ถ้าหากว่าเขาไม่ได้คาดเดาผิด อาจารย์ปรุงยาระดับเทวะคนนั้นก็คือ เจ้า เมืองของลั่วซิงเฉิงแห่งนี้!
คนที่อายุยังน้อยกว่าเขา ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพ แต่ยังเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะอีกด้วย ที่สำคัญก็คือ เขากลับยังครอบครองขอบ เขตสมบูรณ์แบบที่อาจารย์ปรุงยาทุกคนได้แต่ใฝ่ฝันถึงอีก!
ความเป็นจริงนี้ทำให้เขาตกตะลึง เขารู้สึกว่า การเดินทางมาลั่วซิงเฉิงในครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเปล่า
ที่ทำให้เขายิ่งตกตะลึงก็คือ คนที่มีพรสวรรค์อัจฉริยะเช่นนี้ กลับยังมีรูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามโดดเด่นอีกด้วย ใบหน้าที่แทบแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายนั้น ทำให้หัวใจของเขาเกิดความสั่นไหวขึ้นมา!
เหยาชิงไห่สงบสติ ส่ายหน้าขจัดความคิดที่ไม่สมควรมีออกไปจากสมอง เขาพึมพำว่า “ล้วนแต่เป็นผู้ชาย ถึงกับถูกผู้ชายทำให้หลงใหลได้ ดูแล้วยังฝึกฝนไม่เพียงพอ”
การประมูลครั้งแรกของชั้นหนึ่ง ในที่สุดก็จบลงที่ราคาสูงเฉียดฟ้าของเหยาชิงไห่
บางทีหลายคนๆ อาจรู้สึกว่าเม็ดโอสถเพียงเม็ดเดียว แม้ว่าจะเป็นยาระดับเทวะก็เถอะ แต่กลับขายถึงราคาระดับนั้นได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ
ไม่พูดถึงการประมูลก่อนหน้านี้ เพียงแค่ที่เหยาชิงไห่ใช้ศิลาวิญญาณระดับกลาง 100,000 ก้อนประมูลยาสองเม็ดนั้นไป มองไปทั้งโลกแห่งยุคกลาง ก็มีตระกูลนับไม่ถ้วนแล้วที่ได้แต่มองแต่ยากจะสัมผัส และเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็รู้แล้วว่าภายในโลกแห่งยุคกลางนั้น ยาระดับเทวะหนึ่งเม็ดนั้นยากที่จะได้มาไว้ครอบครอง
แน่นอนว่า ภายในนั้นยังมีอีกเหตุผล นั้นก็คือมันเป็นขั้นสมบูรณ์แบบ!
ถ้าหากพูดว่าโอสถระดับเทวะเป็นของลํ้าค่า เช่นนั้นโอสถระดับเทวะขั้นสมบูรณ์ เกรงว่าแม้แต่คำว่าหายากมากก็ยังใช้อธิบายได้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
การประมูลครั้งแรกนี้ สุดท้ายก็สามารถประมูลได้ราคาสูงเทียมฟ้าไป ศิลาวิญญาณระดับกลาง 100,000 ก้อน ผลลัพธ์ของยาระดับเทวะสองเม็ดนั้นในบรรดายาระดับเทวะ ก็ถือได้ว่าเป็นยาธรรมดา ดังนั้นในผลลัพธ์ในครั้งนี้ มู่ชิงเกอพึงพอใจมาก
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลง ทุกคนก็จากไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ดูเหมือนว่าก่อนที่ทุกคนจะจากไปล้วนแต่ถามสาวใช้ในโรงประมูลว่างานประมูลครั้งหน้าจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วก็จะมีของดีอะไร
ปฏิกิริยาเช่นนี้ก็ทำให้มู่ชิงเกอรู้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการนั้นสำเร็จแล้ว
“ไปเถอะ ควรไปได้แล้วล่ะ” หลังจากคนภายในโรงประมูลทยอยออกไปพอสมควรแล้ว มู่ชิงเกอก็ยืนขึ้นมา บิดกายเอ่ยกับจีเหยาฮั่ว
“ไปไหน?” จีเหยาฮั่วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
มู่ชิงเกอมองเขา แสดงท่าทางดูประหลาดออกมา “เจ้ายังคิดจะไปไหนอีก?” เข้าใจว่าเป็นวันดี แต่นางยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกกองใหญ่ ไม่มีเวลาว่างไปเป็นเพื่อนเขา
“ข้าเพิ่งมาถึงลั่วซิงเฉิงเป็นครั้งแรก เจ้าเป็นถึงเจ้าของจะไม่พาข้าไปเดินชมเลยหรือ” จีเหยาฮั่วเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผล
มู่ชิงเกอไพล่มือไว้ด้านหลัง เดินผ่านข้างกายเขาไป ปฏิเสธอย่างไม่ยั้งไมตรีว่า “ไม่ว่าง!”
“อา จะพูดอย่างไรข้าก็เป็นแขก เจ้าทำกับข้าอย่างนี้ดูเสียมารยาทไปหน่อยนะ” จีเหยาฮั่วเดินตามมู่ชิงเกอไป บ่นตามหลังนางไปไม่หยุด
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีเวลาว่างจริงๆ หาสักคนไปเป็นเพื่อนข้าสักหน่อยก็ได้ ไม่สู้เป็นเซวี่ยนหย่าคนนั้น? ข้ารู้สึกว่านางตรงกับรสนิยมของข้า”
“นี่นี่ ชิงเกอ! มู่ชิงเกอ! เจ้าอย่าเพิ่งไป!”
มู่ชิงเกอไม่หยุดฝีเท้า จีเหยาฮั่วทั้งไล่ตามทั้งบ่นไม่หยุด
“มู่ชิงเกอ?” ซีเซียนเสวี่ยที่ก็รอให้คนออกไปพอประมาณ แล้วค่อยออกไปเช่นกัน เมื่อได้ยินชื่อนี้ก็อดไม่ได้ที่จะร่างกายสั่นขึ้น
“ธิดาเทพ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” อู่เอ๋อร์เและลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายของนางต่างส่งสายตาเป็นห่วงมาให้
ซีเซียนเสวี่ยค่อยๆ ส่ายหน้า ข่มความหวั่นไหวในใจลง ตอนนี้มู่ชิงเกอก็ได้เดินมาถึงมุมของบันไดแล้ว ทันใดนั้น ก็มองเห็นชายเสื้อมุมหนึ่งที่ด้านหลังประตู จึงเอ่ยขึ้นว่า “เป็นใครอยู่ที่นั้น? ออกมาซะ”
จีเหยาฮั่วไล่ตามมา จึงต่อคำว่า “เป็นใครกันที่มาแอบลอบมองอยู่ที่นี่? ข้าจะช่วยเจ้าจับเขาออกมาเอง!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ซีเซียนเสวี่ยก็เดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง
เมื่อมองเห็นซีเซียนเสวี่ยแล้ว สีหน้าของจีเหยาฮั่วก็ดูมึนงง ชะงักอยู่กับที่
ส่วนมู่ชิงเกอก็ชะงักไป สายตาที่มองไปยังซีเซียนเสวี่ยดู ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
เมื่อได้เห็นมู่ชิงเกออีกครั้ง ซีเซียนเสวี่ยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แสร้งทำเป็นนิ่งสงบเดินไปทางทั้งสองคน นางไม่ได้ คิดที่จะทักทาย แต่เพราะต้องการลงบันได เพราะนั่น เป็นทางเดียวที่สามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้
เรือนร่างผอมเพรียวมีเสน่ห์ของซีเซียนเสวี่ยเดินผ่านข้างกายของทั้งสองคนลงบันไดไป อู่เอ๋อร์และลิ่วเอ๋อร์ลอบสังเกตมู่ชิงเกอแวบหนึ่งแล้วก็รีบตามลงไป
การเคลื่อนไหวของซีเซียนเสวี่ยนำมาซึ่งสายลมที่หอมกรุ่น
จีเหยาฮั่วสูดกลิ่นอย่างมีความสุข เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ว้าว ว้าว! กลิ่นหอมของธิดาเทพช่างแตกต่างจริงๆ”
มู่ชิงเกอส่งสายตาดูแคลนไปให้เขา พูดค่อนแคะไปหนึ่งประโยคว่า “มีคนเคยบอกหรือไม่ว่าเจ้าดูหื่นกามมากน่ะ?”
พูดแล้ว นางก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของจีเหยาฮั่ว เดินลงบันไดไป
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินไปถึงประตู ซีเซียนเสวี่ยกลับยังอยู่
แน่นอนว่าซีเซียนเสวี่ยไม่ได้กำลังรอนาง แต่เป็นเพราะว่าเจอกับอิ๋งเจ๋อที่หน้าประตู
มู่ชิงเกอยืนอยู่หน้าประตู จีเหยาฮั่วพุ่งออกมาจากด้านหลังของนาง เมื่อมองเห็นว่าซีเซียนเสวี่ยยังอยู่ นัยน์ตาก็เปล่งประกายไปชั่วขณะ “หึ ดูแล้ววันนี้ข้ากับธิดาเทพมีวาสนาต่อกันนะ”
พูดแล้ว เขาก็จัดเสื้อผ้าหน้าผม ยืดอกเดินไปหาซีเซียนเสวี่ย
อิ๋งเจ๋อนั้นมีนิสัยเย็นชา เมื่อพบกับซีเซียนเสวี่ย ทั้งสองคนก็เพียงแต่พยักหน้าให้กันก็ถือว่าได้ทักทายแล้ว แต่จีเหยาฮั่วนั้นต่างออกไป เขาเดินเข้าไปแล้วก็เริ่มที่จะอวดอ้างสรรพคุณของตนเอง
อย่างน้อยในสายตาของมู่ชิงเกอก็เป็นเช่นนั้น!
“ธิดาเทพซี ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ได้พบเจอช่างทำให้ข้าจีเหยาฮั่วตื่นเต้นจริงๆ! คิดไปคิดมา พวกเราก็ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทำเนียบชิงอิงด้วยกัน แต่กลับไม่เคยได้ทำความรู้จักกันเลย ช่างน่าเสียใจจริงๆ วันนี้ไม่สู้ให้จีเหยาฮั่วเป็นเจ้าภาพ เชิญธิดาเทพไปเลี้ยงสุราอาหาร พวกเรามาทำความรู้จักกันดีหรือไม่?” จีเหยาฮั่วเผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบเอ่ยกับซีเซียนเสวี่ย
เพียงแต่ว่า ท่าทีของเขาตอนนี้ดูไม่ต่างจากพวกอันธพาลที่พูดจาเกี้ยวพาผู้หญิงสวยบนท้องถนนเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ทำให้อิ๋งเจ๋อแสดงท่าทีดูแคลน แต่ยัง ทำให้ซีเซียนเสวี่ยขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกด้วย
“ธิดาเทพซี?” จีเหยาฮั่วเอ่ยอีกครั้ง
‘คนๆ นี้เป็นประมุขน้อยแห่งตระกูลจี แล้วก็เป็นอันดับสองบนทำเนียบชิงอิง ไม่อาจจะล่วงเกินได้’ ซีเซียนเสวี่ยพิจารณานํ้าหนักในใจเล็กน้อย ไม่ได้ตอบตกลงไป และก็ไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธ เพียงแต่…นางกลับหันไปมองทาง มู่ชิงเกอโดยไม่รู้ตัว
ซีเซียนเสวี่ยมองไปทางมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอชะงัก จีเหยาฮั่วก็ชะงัก อิ๋งเจ๋อก็มองมาอย่างสนใจ
ใครจะรู้ซีเซียนเสวี่ยกลับพูดประโยคที่ทำให้คนฟังคิดไปไกลออกมาต่อหน้าทุกคนว่า “หากว่าเจ้าเมืองมู่ไป ข้าก็จะไป”