ตอนที่ 377
อย่ากลัวไปมีข้าอยู่!
หมอกดำเหล่านี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ซีเซียนเสวี่ยก็พูดได้ไม่ชัดเจน
นางรู้เพียงว่า ตอนที่ตนเองกำลังเฝ้ายามอยู่ อยู่ดีๆ ก็มีหมอกสีดำลอยมาจากที่ไกลๆ หมอกสีดำเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนคน แต่ดูบ้าคลั่งและน่ากลัวกำลังพุ่งตัวมาที่นาง
ทันใดนั้นนางก็เกิดลางสังหรณ์ว่ามีอันตราย นางไม่ได้คิดมากรีบเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ที่กำไว้ในมืออยู่ตลอดของตนเองทันที คิดจะเตือนให้พวกมู่ชิงเกอรีบหนีไป
ขณะเดียวกัน นางก็รีบหันกายวิ่งหนี หวังจะเร่งเวลา กลับไปรวมตัวกับพวกเขา
แต่หมอกดำเหล่านี้ก็ดูเหมือนว่ามองทะลุความคิดของนาง เร่งความเร็วเข้ามาใกล้นางมากขึ้น
ซีเซียนเสวี่ยไม่สามารถใช้พลังจิตได้ทำได้เพียงแต่ใช้พละกำลังของร่างกายวิ่งหนี
ความเร็วของนางจะเร็วไปกว่าสิ่งที่เป็นเหมือนกับวิญญาณเหล่านี้ได้อย่างไร? เพียงแค่พริบตาเดียวนางก็ถูกตามทันและถูกล้อมเอาไว้
“ถอยออกไปนะ!” ซีเซียนเสวี่ยตะโกนเสียงดังใส่พวกมัน
แต่ว่าเงาคนสีดำห้าสายที่ลอยอยู่กลางอากาศกลับปิดทางถอยทุกทางของนางเอาไว้นางคิดจะจากไปก็พบว่าไม่มีทางจะไปได้เลย
“เคี๊ยก เคี๊ยก!” เงาร่างส่งเสียงอันน่าสยดสยองออกมา
สีหน้าของซีเซียนเสวี่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางชักกระบี่ของตนเองออกมาขวางไว้ตรงหน้า คิดจะป้กป้องตนเอง
เงาร่างหนึ่งเห็นนางชักกระบี่ออกมาก็พุ่งเข้าใส่นางอย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเงาที่ว่างเปล่าสายหนึ่ง แต่ซีเซียนเสวี่ยกลับสัมผัสได้ถึงพลังที่พุ่งเข้ามาตรงหน้ากระแทกเข้าใส่ นาง ทำให้นางถูกผลักออกไปจนกระบี่หลุดมือ ซีเซียนเสวี่ยรีบคลานไปด้านหน้าหยิบกระบี่ขึ้นมาวาดออกไป
แต่ว่าเงาร่างเหล่านั้นก็ยังคงล้อมตัวนางเอาไว้อย่างไม่หวาดกลัว และเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ซีเซียนเสวี่ยลุกขึ้นมาจากพื้น ยกกระบี่ในมือขึ้น
นางมีความรู้สึกเหมือนว่า เงาร่างเหล่านี้มองเห็นนางเป็นเหมือนเหยื่อ
พวกมันทำเหมือนกับว่านางเป็นทรัพยากรที่ต้องการจะแย่งชิง!
“พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ!” ซีเซียนเสวี่ยสะบัดกระบี่ในมือไปอีกสองครั้ง ฉวยโอกาสที่หนึ่งในนั้นไม่สนใจ แทงไปอย่างรุนแรง เมื่อกระบี่แทงเข้าไปในเงาร่างก็แทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เงาร่างที่ถูกนางแทงกลับส่งเสียง ‘เคี๊ยก เคี๊ยก’ ยื่นกรงเล็บแหลมคมพุ่งมาจับซีเซียนเสวี่ย!
ซีเซียนเสวี่ยหลบ ‘กรงเล็บ’ คมของมัน แต่ก็ถูกลมด้านหลังพัดนางจนล้มกองลงกลิ้งไปกับพื้นหลายรอบ ดูทุลักทุเลมาก
“เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก!”
เงาร่างทั้งห้าบีบเข้ามาใกล้อีกครั้ง และก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองออกมา
ซีเซียนเสวี่ยนั่งอยู่ที่พื้น สองมือยันตัวเองถอยหลังออกไป
นางรู้สึกได้ถึงความไม่ปรารถนาดีของเงาร่างเหล่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกมันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ทันใดนั้น ด้านหลังของเงาร่างทั้งห้า ก็มีเงาร่างหลายสายลอยมา เงาร่างที่มาในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ซีเซียนเสวี่ยสามารถมองเห็นแสงสีเขียวในดวงตาของพวกมันได้
เมื่อเงาร่างห้าร่างก่อนหน้านี้มองเห็นเงาร่างสามสายด้านหลังแล้ว ก็เหมือนได้รับความหวาดกลัวจนคิดจะหลบหนี
แต่ก็ถูกเงาร่างสามสายที่ร้ายกาจกว่าคว้าจับเอาไว้ แล้วก็กินพวกมันลงไปต่อหน้าซีเซียนเสวี่ย ฉากนี้ทำให้ซีเซียนเสวี่ยเบิกตากว้าง ลมหายใจขาดห้วง
นางสามารถแน่ใจได้เลยว่า ระหว่างเงาร่างเหล่านี้จะต้องมีระดับแข็งแกร่งและอ่อนแอแยกกันอยู่ เงาร่างห้าตนที่ดูอ่อนแอกว่านั้นนางยังไม่มีความสามารถที่จะสลัดหลุดได้เลย แล้วสามตนในตอนนี้..
เมื่อกินเงาร่างห้าสายลงไปแล้ว เงาร่างทั้งสามก็เหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้น
พวกมันมองซีเซียนเสวี่ย ดวงตาสีเขียวฉายแววตื่นเต้น
“นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีมนุษย์มาที่นี่?” เงาร่างหนึ่งในนั้นเอ่ยปากพูดออกมา นํ้าเสียงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แม้แต่ซีเซียนเสวี่ยที่เป็นผู้หญิงก็ยังฟังจนรู้สึกขนลุก
“เม่ยจี กำไรเจ้าแล้ว” เงาร่างสายหนึ่งก็เอ่ยปากออกมา นํ้าเสียงอำมหิต
เม่ยจีที่เอ่ยปากขึ้นก่อนหัวเราะออกมา “ข้าไม่รีบร้อน หากว่าเจ้าชอบก็เอาไปได้”
“ชิ! พอเถอะ คิดจะให้ข้าต้องยอมอดสูอยู่ในร่างของผู้หญิงงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!” เสียงอำมหิตนั้นสบถดูแคลนออกมา
อะไรคือภายในร่างของผู้หญิง?
พวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน?
ซีเซียนเสวี่ยสับสนไปหมด รู้สึกว่าอันตรายห่างจากตนเองไม่ไกลแล้ว
เงาร่างอีกสายหนึ่งที่ยังไม่ได้พูดจา มาตอนนี้กลับเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าได้กลิ่นมนุษย์อยู่ด้านหน้าอีก!”
เสียงของเขาเพิ่งหลุดออกไป เงาร่างอีกสายหนึ่งก็ตามเขาหายไปจากตรงหน้าของซีเชียนเสวี่ย
ซีเซียนเสวี่ยหันมองไป มองเห็นเพียงก้อนสีดำสองก้อนที่เปล่งแสงสีเขียวกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่พวกมู่ชิงเกอกำลังพักผ่อนอยู่
‘หวังว่าพวกเขาจะจากไปกันแล้วนะ!’ ซีเซียนเสวี่ยเอ่ยภาวนาในใจ
“น้องสาว เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” ทันใดนั้น นํ้าเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้นที่ข้างหูของนางราวกับว่ามีคนกำลังเป่าลมใส่หูนางอยู่ก็ไม่ปาน
แต่สายลมนั้นกลับเย็นยะเยือกจนแทบจะแช่แข็งคนได้เลย
ซีเซียนเสวี่ยตื่นตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีมองไปยังเม่ยจีที่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของตนเองอย่างกะทันหัน
เม่ยจียื่นหัวมาข้างหน้า ทำให้ซีเซียนเสวี่ยสามารถมองเห็นรูปโฉมในเงาดำของนางได้ชัดเจนขึ้น นางเป็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่ง งดงามจนทำให้คนลุ่มหลงได้ไม่ยาก
“ท่าทางที่ดูศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เป็นแบบที่ข้าไม่ชอบมากที่สุด แต่ก็ถือว่าไม่เลว ข้าก็จะยอมฝืนใจหน่อยแล้วกัน” นางอยู่ใกล้กับซีเซียนเสวี่ยมาก เมื่อพูดจบก็ยื่นลิ้นสีดำที่รวมตัวขึ้นมาจากหมอกสีดำออกมาเลียบนแก้มของซีเซียนเสวี่ย
ซีเซียนเสวี่ยตกใจมาก ถอยหลังไปไม่หยุดคิดจะสร้างระยะห่าง
แต่ว่านั่นก็ทำให้เม่ยจีหัวเราะขึ้นมา เอ่ยว่า “น้องสาว เจ้ากลัวอะไร? พี่สาวนั้นเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของเผ่ามารเมื่อแสนปีก่อนเชียวนะ เจ้าสามารถกลายเป็นร่างเนื้อ ของข้าได้ก็ถือว่าเป็นโชควาสนาแล้ว”
ร่างเนื้ออะไร!
แม่ทัพใหญ่แห่งเผ่ามาร!
ข่าวสารสองชิ้นนี้ทำให้ซีเซียนเสวี่ยชะงักไป
อีกด้านหนึ่ง เมื่อมู่ชิงเกอได้ยินเสียงขลุ่ยไม้ไผ่เสียงแรกก็เริ่มวิ่งมาทางที่ซีเซียนเสวี่ยอยู่ทันที วิ่งมาได้ครึ่งทางก็ไม่ได้ยินเสียงขลุ่ยไม้ไผ่อีก ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หัวใจของนางหนัก
แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเงาสีดำสองสายที่ตรงตำแหน่งดวงตามีแสงสีเขียววาววาบกำลังพุ่งเข้ามาหานาง
นางหยุดลงในทันที มือกำทวนหลิงหลงแน่น “มีอีกคน! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ในที่สุดครั้งนี้ก็เป็นผู้ชายจนได้นี่เป็นของข้า!” เงาร่างหนึ่งในนั้นร้องออกมาแล้วก็พุ่งเข้าหามู่ชิงเกอ
ส่วนอีกร่างหนึ่งกลับเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ไอ้หนุ่มหน้าขาวเช่นนี้เจ้าเอาไปเถอะ ด้านหน้ายังมีคน ข้าจะไปดูอีก”
“ไปเถอะ ไปเถอะ! ข้าได้กลิ่นมนุษย์อยู่ทางนั้นอีกสองคน” เงาร่างนั้นเข้ามาใกล้มู่ชิงเกอเรื่อยๆ พร้อมเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น
‘แย่แล้ว!’ ในใจของมู่ชิงเกอหนักอึ้งขึ้น เดาเรื่องได้คร่าวๆ จากการพูดคุยของพวกเขา เงาร่างสองสายตรงหน้าน่าจะเป็นเศษวิญญาณของเหล่าคนเผ่าเทพมารเมื่อแสนปีก่อนที่หลงเหลืออยู่ พวกที่ร่างเนื้อสลายไปแล้วแต่อาศัยพลังอันแข็งแกร่งรักษาเศษวิญญาณเอาไวิใต้
พวกเขาลอยไปมาอยู่ในสนามรบโบราณ รอให้มีคนเข้ามาแล้วก็แย่งชิงร่างเนื้อจากนั้นก็หนีออกไปจากช่องว่างแห่งนี้!
ตอนนี้จีเหยาฮั่วสูญเสียพลังจิตไปมากเพื่อช่วยอิ๋งเจ๋อ ทั้งอิ๋งเจ๋อก็ยังขจัดกลิ่นอายแห่งความตายอยู่ในหม้อผลาญสวรรค์หากว่าเศษวิญญาณไปพบแล้วก็จะต้องอันตรายมาก!
ด้านหน้า ซีเซียนเสวี่ยก็ไม่ได้เป่าขลุ่ยไม้ไผ่อีก เศษวิญญาณสองสายก็ลอยมาจากด้านหน้าไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
ความคิดต่างๆ นานา วาบไปมาในหัวของมู่ชิงเกอ
นางตัดสินใจในทันที
แทงทวนหลิงหลงไปใส่เงาร่างทีกำลังจะพุ่งไปด้านหน้า ส่วนเศษวิญญาณที่พุ่งเข้ามาหานาง ก็หัวเราะกับการกระทำของนาง “โง่เง่าจริง! อาวุธนั้นไม่มีผลต่อพวกเรา!”
แต่เพียงพริบตาเขาก็ตกตะลึง
“อ๊าก!”
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเศษวิญญาณที่โดนมู่ชิงเกอแทงพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกไหม้
“นี่…นี่มันยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพ! เจ้าถึงกับมียุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพ! ทั้งยังเป็นยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพมีหลายคุณสมบัติอีก” เศษวิญญาณที่พุ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอเอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัว เงาร่างมายานั้นก็เกิดสั่นขึ้นมา ยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพมีวิญญาณ!
วิญญาณมีพลังจิต!
พวกเขาเป็นเพียงแค่เศษวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในช่องว่างอันว่างเปล่าแห่งนี้ ส่วนจิตวิญญาณแห่งอาวุธที่อยู่ในยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพนั้นได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี จิตเชื่อมต่อกับเจ้าของ!
ยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพราะว่ามันสามารถทำร้ายวิญญาณได้!
เขาเบิกตากว้างมองเพื่อนของตนเอง เจ้าคนที่ช่างเลือกคนนั้นได้กลาย เป็นควันดำไปต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว
เมื่อทวนหลิงหลงเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็ลอยกลับมาหามู่ชิงเกอ
เพียงมู่ชิงเกอยกแขนขึ้นทำท่าคว้าจับก็จับทวนหลิงหลงได้แล้ว ทั้งทวนหลิงหลงก็ส่งเสียงสดใสออกมา มู่ชิงเกอมองไปยังเศษวิญญาณที่คิดจะแย่งชิงร่างของนางอย่างเย็นชา พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ดูอำมหิต
นางกุมทวนหลิงหลงและแทงไปยังเศษวิญญาณนั้นในพริบตา!
เศษวิญญาณตนนั้นยังคงตกตะลึงอยู่ ก็พลันพบว่าปลายทวนแทงเข้ามาหาตนเองอย่างกะทันหัน คิดจะหลบแต่ถึงเขาจะเร็ว มู่ชิงเกอกลับเร็วกว่า!
ท่าก้าวดาราก่อกำเนิดของนางทำให้เศษวิญญาณตนนั้นหนีไปไหนไม่รอด
“ปล่อยข้าไปเถอะ…ปล่อยข้าไปเถอะ…อ๊าก!”
มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจการขอร้องอย่างน่าสงสารของเขา ใช้ทวนหลิงหลงจัดการเขาในทันที
หลังจากจัดการเศษวิญญาณสองตัวนั่นเสร็จ มู่ชิงเกอก็รีบไปยังตำแหน่งที่ซีเซียนเสวี่ยอยู่ ในใจลอบภาวนาขอให้ทุกอย่างไม่สายเกินไป!
มู่ชิงเกอใช้ความเร็วสูงสุดไปยังตำแหน่งที่ซีเซียนเสวี่ยอยู่ ไกลออกไปก็เห็นเงาร่างของคนสายหนึ่งล้มกองอยู่ที่พื้น นัยน์ตาของนางฉายแวววาววาบ พริบตาเดียวก็ไปปรากฎตัวอยู่ข้างกายของนาง
“ซีเซียนเสวี่ย!” มู่ชิงเกอร้องเรียก
หญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นนั้นคือซีเซียนเสวี่ย มองดูท่าทางของนางแล้วดูเหมือนว่าจะสลบไป ก่อนจะสลบก็ไม่รู้ว่าพบเจอเรื่องอะไรมาบ้าง มองดูท่าทางของนางแล้วดูเจ็บปวดมาก
มู่ชิงเกอนั่งอยู่ข้างกายของนาง พยุงนางขึ้นมาจากพื้น
เอาหัวของนางมาพิงไว้ที่ไหล่ของตนเอง
“ซีเซียนเสวี่ย? ซีเซียนเสวี่ย! เซียนเสวี่ย!” มู่ชิงเกอร้อง เรียกเบาๆ นางจับชีพจรให้ซีเซียนเสวี่ย ตรวจดูร่างกายของนาง
ทันใดนั้นนัยน์ตาที่สดใสของนางก็ฉายแววมืดครึ้มขึ้นมาแวบหนึ่ง เวลานี้เอง ซีเซียนเสวี่ยที่สลบอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาอ่อนโยนดุจสายน้ำ มู่ชิงเกอรู้สึกได้จึงก้มลงมองซีเซียนเสวี่ย สบเข้ากับนัยน์ตาที่ดูเย้ายวนคู่นั้นของนาง
ทันใดนั้นซีเซียนเสวี่ยก็โผเข้าไปในอ้อมอกของมู่ชิงเกอ กอดแขนของนางแน่น และใช้นํ้าเสียงที่ชวนให้คนสงสารเอ่ยกับนางว่า “ข้ากลัวเหลือเกิน!”
นัยน์ตาส่วนลึกของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือกออกมา ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย โอบกอดนางแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “อย่ากลัวไป ข้ามาแล้ว”