Skip to content

พลิกปฐพี 378

ตอนที่ 378

เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายอีกครั้ง!

“อย่ากลัวไป ข้ามาแล้ว” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก มุมปากคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

ซีเซียนเสวี่ยขดตัวอยู่ในอ้อมอกของนาง หัวไหล่สั่นเบาๆ ดูเหมือนว่าจะได้รับความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ใช้นิ้วมือยึดชายเสื้อของมู่ชิงเกอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

มู่ชิงเกอเอ่ยถามเสียงเข้มว่า “บอกข้า เกิดอะไรขึ้น?”

เกิดอะไรขึ้นหรือ?

คำถามนี้ทำให้แผ่นหลังซีเซียนสวี่ยที่อยู่ในอ้อมอกของมู่ชิงเกอแข็งทื่อขึ้น สายตาที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนคู่นั้นลอบกลอกไปมาน้อยๆ

จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัวว่า “เมื่อครู่… เมื่อครู่มีตัวประหลาดหลายตัวคิดอยากจะกินข้า โชคดีที่เจ้ามาได้ทันเวลา”

“อ้อ? มีตัวประหลาดคิดจะกินเจ้างั้นหรือ?” มู่ชิงเกอย้อนถามไปหนึ่งประโยค

ภายในคำพูดของนางดูคล้ายกับจะเย้าแหย่ แต่นํ้าเสียงเย็นชา

ท่าทีนี้ทำให้ซีเซียนเสวี่ยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางลอบเงยหน้าขึ้นมามองมู่ชิงเกอ และก็เห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของเขา

‘เป็นผู้ชายที่รูปงามอะไรเช่นนี้!’ ซีเซียนเสวี่ยลอบชื่นชมอยู่ในใจ ความเย้ายวนในแววตาเข้มข้นขึ้นไปอีก

สายตาที่เย้ายวนหลอกล่อเช่นนี้ดูเหมือนว่าคิดจะกลืนมู่ชิงเกอลงไปทั้งตัวก็ไม่ปาน

นี้ไม่เหมือนกับท่าทีของซีเซียนเสวี่ยในยามปกติเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เร็วจนคนตามจับพิรุธไม่ทัน

“มา ข้าจะพยุงเจ้าขึ้นก่อน” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้น

ซีเซียนเสวี่ยพยักหน้าอย่างเอียงอาย สองมือไม่ยอมคลายออกจากแขนของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยุงนางขึ้นมาจากพื้น เดิมคิดจะถอนมือกลับ แต่นางเพิ่งจะขยับ ซีเซียนเสวี่ยก็ร้อง ‘อา’ ขึ้นมา ร่างกายอ่อนยวบลงมาในอ้อมอกของนาง พิงไหล่ของนางเบาๆ “ข้า…ข้าไม่มีแรงแล้ว”

“ไม่มีแรงแล้ว? นี่จะทำอย่างไรดี?” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววขี้เล่นขึ้น

ซีเซียนเสวี่ยก้มหน้าเอียงอาย ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “เจ้าอุ้มข้าเป็นอย่างไร?”

“อุ้มเจ้า?” มุมปากของมู่ชิงเกอกดลงเป็นรอยยิ้มขี้เล่น แต่ภายในแววตากลับดูเย็นชา นางยกมือขวาขึ้นมา ทวนหลิงหลงที่กลายเป็นปลอกนิ้วมือเปล่งแสงวาววาบ ในตอนที่สายตาของซีเซียนเสวี่ยมองลงไปเห็นทวนหลิงหลงนั้น นัยน์ตาก็มืดทึบลง

กลิ่นอายบนปลอกนิ้วทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก

‘ยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพ!’

การค้นพบนี้ทำให้นัยน์ตาของนางเกิดไอสังหารขึ้น ส่วนในเวลานี้ มู่ชิงเกอก็ใช้นิ้วมือที่สวมปลอกนิ้วเชยคางนางขึ้นมาสบตากับตนเอง

เมื่อได้มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอีกครั้ง ใจของซีเซียนเสวี่ยก็เต้นแรงขึ้นมา

นางถอนหายใจในใจ ‘ข้าแก่แล้วหรืออย่างไร? ถึงต้านทานสิ่งล่อใจไม่ได้! เพียงแค่หล่อเหลาเกินไปหน่อยก็ทำให้ควบคุมใจไม่อยู่แล้ว!’

“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร?” เห็นมู่ชิงเกอเอาหน้าเข้ามาใกล้ ซีเซียนเสวี่ยก็ยิ่งเอียงอายเข้าไปใหญ่

มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างขี้เล่น “แล้วเจ้าคิดว่าข้าอยากจะทำอะไรเล่า?”

ท่าทีขัดขืนเล็กน้อยแต่พร้อมตอบรับนี้ ผู้ชายคนไหนเห็นเข้าก็คงอดคิดจะกดนางลงกับพื้นไม่ได้ แต่มู่ชิงเกอเป็นผู้ชายปลอมๆ มองเห็นท่าทีของนางแล้ว นัยน์ตาก็มีแต่ความเย็นชาไม่มีความหลงใหลเลย

ปลายปลอกนิ้วของมู่ชิงเกอจับคางของซีเซียนเสวี่ยเอาไว้ และในตอนนี้เองที่ซีเซียนเสวี่ยมองเห็นความเย็นยะเยือกในนัยน์ตาของเขา

ความระแวงถึงอันตรายโผล่ขึ้นมาจากใจของนาง นัยน์ตาหดตัวลง ผลักมู่ชิงเกอและออกจากอ้อมอกของเขาไปยืนอยู่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว

มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าฉายแววยั่วยุ เกิดแสงวาบขึ้นที่มือขวาของนาง นางกุมทวนหลิงหลงไว้ในมือ มองซีเซียนเสวี่ยและเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “อย่างไร? ไม่เล่นต่อแล้วหรือ?”

สีหน้าของซีเซียนเสวี่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นดูเย็นยะเยือกเหมือนมีนํ้าแข็งฉาบเอาไว้นางมองมู่ชิงเกออย่างแข็งกร้าวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าดูออกนานแล้วหรือ?”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างดูแคลน

ไม่ต้องพูดถึงตอนที่นางจับชีพจรของซีเซียนเสวี่ยดูแล้ว พบว่าภายในร่างกายของนางผิดปกติเลย แม้แต่การแสดงออกหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางสงสัย

ตามที่นางรู้มาซีเซียนเสวี่ยไม่รู้จักมนต์เสน่ห์!

แต่ซีเซียนเสวี่ยที่อยู่ตรงหน้า เพียงแค่ลืมตาก็ใช้มนต์เสน่ห์แล้ว ดีที่ข้างกายนางนั้นมีราชาแห่งมนต์เสน่ห์อยู่ผู้หนึ่ง ทั้งยังได้ฝึกฝนและรับการสั่งสอนจากหยินเฉินมาอีก มนต์เสน่ห์ธรรมดานั้นทำอะไรนางไม่ได้

“น่ารังเกียจยิ่งนัก! หากไม่ใช่เพราะข้าเพิ่งจะมีร่างเนื้อแล้วยังไม่ได้หลอมรวมดี เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะหลุดไปจากมนต์เสน่ห์ของข้าได้ง่ายๆ?” เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอม องออกทุกอย่างแล้ว ซีเซียนเสวี่ย…หรือจะเรียกว่าเม่ยจีก็ไม่ได้ปิดบังอีก

‘ยังไม่ทันได้หลอมรวมดี? ก็หมายถึงว่าซีเซียนเสวี่ยยังไม่ตาย!’ คำพูดของเม่ยจีทำให้ในใจของมู่ชิงเกอหวั่นไหว ตอนนี้นางได้คิดไปถึง ‘ถูกต้อง! ในตอนที่ตนเองแย่งชิงร่างมานั้น มู่ชิงเกอก็ได้ตายไปแล้วตนเองถึงได้โอกาส แต่ในตอนที่ เศษวิญญาณตนนี้แย่งชิงร่างซีเซียนเสวี่ยนั้น ซีเซียนเสวี่ยยังดีๆ อยู่ ทั้งระดับพลังของนางก็ไม่ได้ต่ำ แล้วจะถูกเศษวิญญาณทำลายสติไปง่ายๆ ได้อย่างไร?’

หลังจากคาดเดาในใจเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็หัวเราะเยาะ “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องโทษตัวเองแล้วที่โชคร้ายมาพบข้า”

พูดจบแล้วสีหน้าของนางก็เคร่งขรึมขึ้น ขยับทวนหลิงหลงในมือชี้ปลายทวนแหลมไปยังเม่ยจี “ออกจากร่างของนางซะ ทวนหลิงหลงเล่มนี้เพิ่งจะทำลายเพื่อนของเจ้าไปสองคนเชียวนะ”

คำพูดนี้ทำให้ท่าทีของเม่ยจีเปลี่ยนไปในทันที

ดูเหมือนนางจะคิดไม่ถึงว่าเพื่อนทั้งสองคนของตนเองจะถูกจัดการไปรวดเร็วถึงขนาดนี้ แต่จะให้นางถอนตัวออกจากร่างที่ได้มาไม่ง่ายนี้น่ะหรือ? เป็นไปไม่ได้!

ทันใดนั้นเม่ยจีก็ยิ้มหวานขึ้นมา ท่าทีที่ดูยั่วยวนของนางถูกใช้บนร่างของซีเซียนเสวี่ย บวกกับมนต์เสน่ห์กระชากใจคน “หลางจวิน*[1] เจ้าจะใจร้ายเช่นนี้ไปไย? สาวน้อยผู้นี้ไม่รู้จักแม้กระทั่งอะไรเรียกว่าเสน่ห์เย้ายวนใจเจ้าพาข้าไปจากที่นี่ ข้าก็จะยอมเจ้าทุกอย่างเพื่อตอบแทนเป็นอย่างไร?”

คำพูดของนางเต็มไปด้วยความยั่วยวน เต็มไปด้วยการบอกใบ้และท้าทาย

แต่มู่ชิงเกอก็ไม่สนใจ เพียงแต่มองนางอย่างเย็นชา นัยน์ตาฉายแววดูแคลน “ข้าขอพูดอีกครั้ง ออกจากร่างของนางซะ”

“หลางจวิน เจ้าจะดื้อดึงไปไย? เจ้าดูสิเรือนร่างนี้ยังเป็นเรือนร่างที่เจ้าคุ้นเคยอยู่ แต่ข้ากลับรู้ดีเรื่องการทำให้เจ้าสำราญใจ ข้ารับรองว่าจะทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์หากว่าเจ้าไม่เชื่อ พวกเรามาลองกันที่นี่ดูไหมเล่า?” เม่ยจีค่อยๆ ขยับร่างกาย ทุกครั้งที่นางขยับก็ล้วนแต่ดูยั่วยวน สามารถทำให้คนปากคอแห้งผาก หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ตวัดทวนหลิงหลงในมือ แสงสีทองพุ่งออกจากหัวทวน ฟาดไปยังตำแหน่งที่เม่ยจียืนอยู่

เม่ยจีหวาดกลัวรีบถอยหลังหนี หลบการโจมตีครั้งนี้ไปได้อย่างเฉียดฉิว ส่วนตรงตำแหน่งที่นางเคยยืนอยู่นั้นก็ เกิดรอยลึกขึ้นรอยหนึ่ง

เม่ยจีเห็นมู่ชิงเกอไม่หวั่นไหวก็รู้สึกหมดความอดทน นางสบถอย่างเย็นชาออกไป เก็บท่าทีที่ดูเย้ายวนกลับ มองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม พูดด้วยท่าทางน่ากลัวว่า “เจ้าเด็กหน้าเหม็น อย่าได้คิดจะทำให้ข้ากลัวเลย! หากว่าเจ้าสามารถทำร้ายข้าได้แล้วจะยังมาเสียเวลากับข้าอยู่ที่นี่ทำไมอีก? หากมีความสามารถก็ฆ่าข้ากับคนรักของเจ้าไปด้วยกันเลยสิ!”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหนักอึ้ง ท่าทีดูเย็นยะเยือกขึ้นมาหลายส่วน

เม่ยจีพูดไม่ผิด ถ้าหากว่านางลงมือไปก็จะทำให้ซีเซียนเสวี่ยบาดเจ็บ สถานการณ์ของเม่ยจีกับสองตนก่อนหน้านี้นั้นไม่เหมือนกัน เพราะนางได้เข้าไปในร่างกาย ของซีเซียนเสวี่ยแล้ว ทั้งตอนนี้ยังควบคุมร่างกายได้อีก หากว่าใช้ทวนหลิงหลงทำร้ายมัน ก็จะทำให้ซีเซียนเสวี่ยตายตามไปด้วย

“เป็นอย่างไร? ไม่กล้าแล้วใช่ไหม? ทำไม่ได้หรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เม่ยจีเห็นท่าทีที่ดูนิ่งเงียบของมู่ชิงเกอแล้วก็หัวเราะขึ้นมา

นางเอ่ยอย่างได้ใจว่า “หลางจวิน คิดถึงข้อเสนอของข้าให้ดีๆ นะ ข้านั้นรู้จักการเอาอกเอาใจผู้ชาย เข้าใจผู้ชาย ดีกว่าคนรักของเจ้ามากนัก ถึงอย่างไรก็มีรูปร่างเหมือนกัน ข้ากับนางก็เหมือนๆ กัน นี่? เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าสัญญากับเจ้า หากว่าตอนไหนที่เจ้าอยากจะพบคนรักที่เรียบร้อยของเจ้า ข้าก็จะให้เจ้าได้พบ พวกเราสองคนจะปรนนิบัติเจ้าพร้อมกันเป็นอย่างไร?”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางขี้เกียจจะฟังคำพูดของเม่ยจีแล้ว

นางเพียงคิดอยากจะแก้ปัญหาในตอนนี้ก็เท่านั้น

จะต้องช่วยซีเซียนเสวี่ยและฆ่าเศษวิญญาณที่ครองร่างของซีเซียนเสวี่ยให้ได้!

ทันใดนั้นในหัวของนางก็มีอักษรสีทองวาบขึ้นวิชากลืนวิญญาณ!

วิชากลืนวิญญาณ?

‘นี่เป็นวิชาจากเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง!’ มู่ชิงเกอเข้าใจในพริบตา

เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางนั้นเป็นวิชาฝึกฝนการเป็นเทพ ที่สำคัญก็คือการฝึกจิตวิญญาณ และฝึกฝนมันให้เป็นพลังป้องกันและโจมตี ส่วนวิชากลืนวิญญาณดูเหมือนจะเป็นวิชาโจมตีในเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง

สองปีมานี้ มู่ชิงเกอฝึกเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนและส่วนกลางมาตลอด ส่วนบนฝึกฝนร่างกาย นางได้เรียนรู้หมดแล้ว เพียงแต่ต้องฝึกฝนอยู่ตลอด ร่างกายของนางถึงจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดร่างกายเป็นอมตะ ส่วนกลางนั้นนางก็ได้ฝึกขั้นพื้นฐานจนเชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งทางพลังจิตของนางเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาก

วิชากลืนวิญญาณสามารถดูดกลืนวิญญาณ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางพลังจิตให้ตนเอง…ที่สำคัญก็คือมันอำมหิตและโหดเหี้ยมมาก เพราะมันสามารถดึง วิญญาณออกจากร่างกายได้โดยตรง!

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ กระบวนท่าทีอำมหิตนี้เป็นสิ่งที่นางกำลังต้องการใช้อยู่พอดี

มู่ชิงเกอทำความเข้าใจการใช้วิชากลืนวิญญาณอยู่ เงียบๆ ส่วนความเงียบของนางกลับทำให้เม่ยจีคิดว่ามีโอกาส ตามที่นางคิดก็คือขอเพียงผู้ชายเกิดความลังเล นั่นก็หมายความว่าหวั่นไหวแล้ว

เพียงแค่หวั่นไหว ทุกอย่างก็จัดการได้ง่ายดาย

เม่ยจีกลอกตาไปมา ตัดสินใจเพิ่มความสนใจอีกครั้ง!

นางคลายสายรัดบนกระโปรง ถอดชุดด้านนอกออก

ชุดนอกสีขาวหิมะตกลงบนพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่ละเอียดอ่อนของซีเซียนเสวี่ย

สายรัดบนเอวผอมเพรียวกำลังถูกถอด คลายแถบผ้าไหมที่โอบรอบเอวออก

แถบรัดเอวถูกเม่ยจีทิ้งลงไปบนพื้น นางเปิดชุดกระโปรงออก ส่วนของแผ่นท้องด้านในโผล่ออกมา “เสี่ยวหลางจวิน ที่นี่ไม่มีคนนอก พวกเรามาทำเรื่องสนุกๆ กันสักรอบเป็นอย่างไร? หลังจากเจ้าได้ลิ้มลองความสามารถของพี่สาวแล้ว ข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องอยากกอดรัดข้าไปทุกคืนทุกวันไม่ยอมจากข้าไปไหนอย่างแน่นอน”

คำพูดเช่นนี้ของนาง ก็เหมือนกับการใช้ยาพิษกระตุ้นอารมณ์ทำให้คนสูญเสียสติยอมให้นางลากจูงไปทำอะไรต่อมิอะไร

แต่ว่าในตอนที่มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมานั้น นัยน์ตากลับยังคงเย็นชาเช่นเดิม

ในตอนที่นางเห็นเสื้อผ้าของซีเซียนเสวี่ยหลุดลุ่ยเช่นนั้นแล้ว นัยน์ตาก็ฉายแววอำมหิต ไอสังหารปรากฎ “เจ้ารนหาที่ตาย!”

เม่ยจีเห็นมู่ชิงเกอไม่ได้หลงใหลก็ชะงักไป ทั้งโมโหทั้งแค้นใจ ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่นางดึงดูดไม่ได้มาก่อน

นางพูดอย่างโมโหว่า “ตายรึ? พี่สาวเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง!”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นชา “เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าตายอีกครั้ง!”

พูดแล้วดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีทองบริสุทธิ์ ดูเฉยชาไร้อารมณ์

แสงสีทองสองสายปรากฎออกมาจากดวงตายิงตรงไปยังเม่ยจี

ฉากนี้ทำให้เม่ยจีตกใจจนหน้าถอดสี ร้องออกมาอย่างหวาดกลัวว่า “วิชากลืนวิญญาณ! เคล็ดวิชาเทวะ! เจ้าเป็นคนของตระกูลมู่! ไม่!”

แสงสีทองโจมตีเข้าไปยังหว่างคิ้วของซีเซียนเสวี่ย หลังจากเสียงร้องโหยหวนแล้ว เงาร่างสีดำก็โผล่ออกมาจากวิญญาณของนาง บนเงาร่างถูกแสงสีทองปกคลุม ทำให้หลุดออกไปไม่ได้

ส่วนร่างกายของซีเซียนเสวี่ย ก็ล้มกองลงกับพื้น ดูเหมือนจะหมดสติไป ชุดที่หลุดลุ่ยทำให้ผิวใต้กระโปรงของนางยิ่งเปิดเผยออกมาอีก

“อา! ปล่อยข้าไปเถอะ! ขอร้องเจ้าละ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลมู่! มิเช่นนั้นข้าก็คงจะไม่กล้าทำเช่นนี้!” เม่ยจีถูกแสงสีทองโอบล้อม ส่งเสียงอ้อนวอนอย่างเจ็บปวด

แต่ว่ามู่ชิงเกอจะปล่อยนางได้อย่างไร?

นางก้าวเข้าไปหาเม่ยจี มาถึงตรงหน้าของเงาร่างสีดำ

มู่ชิงเกอเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาเทวะ รู้จักวิชากลืนวิญญาณ ทั้งยังรู้จักตระกูลมู่ด้วยงั้นหรือ?”

เมื่อเม่ยจีได้ฟังก็รีบคว้าโอกาสทันที นางพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้ารู้ ข้ารู้ในยุคสมัยของพวกเรานั้นคนของตระกูลมู่แข็งแกร่งมาก เคล็ดวิชาเทวะก็เป็นเคล็ดวิชาที่ต้นตระกูลของตระกูลมู่สร้างขึ้นมาเอง และก็ถูกเรียกว่าเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเทพ! เจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้ายังสามารถเล่าเรื่องอีกมากมายให้เจ้าฟังได้”

“คิดอยากจะมีชีวิต?” มุมปากของมู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา

เม่ยจีพยักหน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน “ข้าพยายามอย่างหนักถึงได้รอดมาจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่อยากตาย เพียงแต่เจ้าไว้ชีวิตข้าและพาข้าออกจากที่นี่ และช่วยข้าหาร่างเนื้อ ชีวิตของข้าก็จะเป็นของเจ้า เจ้าจะเป็นเจ้านายของข้า!”

แต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้า ในขณะที่ดวงตาของนางเผยความสิ้นหวังก็เอ่ยกับนางว่า “น่าเสียดายที่ข้าไม่ต้องการ”

พูดแล้ว นัยน์ตาของนางก็ฉายแววอำมหิต แสงสีทองที่โอบล้อมเศษวิญญาณของเม่ยจี เปลี่ยนเป็นเล็กลงอย่างรวดเร็ว…

“อ้า!” เม่ยจีร้องโหยหวนออกมาดังสะท้อนไปรอบทิศ

นางค่อยๆ กลายเป็นเม็ดสีทองขนาดใหญ่พอๆ กันกับลูกลำไยเพียงแต่โปร่งใส เม็ดสีทองลอยมาข้างปากของมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกออ้าปากกลืนเม็ดสีทองนี้ลงไป

หลังจากใช้วิชากลืนวิญญาณแล้ว วิญญาณที่ถูกคว้าจับย่อยสลายแล้วก็จะกลายเป็นยาบำรุงความแข็งแกร่งทางพลังจิตให้แก่ตนเอง

มู่ชิงเกอกลืนเม็ดสีทองลงไป ทั่วทั้งร่างเกิดแสงสีทองวาววาบ

นัยน์ตาของนางปรากฎเสน่ห์เย้ายวนขึ้นสายหนึ่ง แต่ก็หายไปในพริบตา กลับคืนสู่แววตาอันสดใสของนางตามเดิม

แสงสีทองหายไป มูชิงเกอรู้สึกว่าความแข็งแกร่งทางพลังจิตของตนเองเพิ่มขึ้น จึงพึมพำว่า “เศษวิญญาณของเผ่าเทพและมารนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ ผ่านไปตั้งนาน แล้วกลับยังมีพลังเช่นนี้อยู่ได้”

หลังจากถอนหายใจเสร็จ มู่ชิงเกอก็เก็บทวนหลิงหลงกลับ จากนั้นก็ค่อยเดินไปหาซีเซียนเสวี่ย

แต่นางเพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นซีเซียนเสวี่ยกำลังตื่นขึ้นมาพอดี สายตาของนางอยู่บนผิวที่เผยออกมานอกเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตนเอง…

*หลางจวิน เป็นคำที่ใช้เรียกแทนตัวหนุ่มคนรัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!