Skip to content

พลิกปฐพี 404

ตอนที่ 404

เขาเกิดเรื่องแล้วจริงๆ!

มู่ชิงเกอออกมาจากช่องว่างก็มองเห็นคนสองคนอยู่ในห้องทันที

เมื่อเห็นหน้าตาของทั้งสองคนอย่างชัดเจนแล้ว นัยน์ตาของนางก็หดตัวลง

หลังจากทั้งสองคนมองเห็นนางแล้วก็รีบคำนับทันที พูดพร้อมกันว่า “กู่เย่ กู่หยาคำนับคุณชาย!”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววดุดันรีบถามไปว่า “เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

คำพูดของนางทำให้กู่เย่และและกู่หยาเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างตะลึง

ครู่หนึ่งกู่หยาก็หัวเราะอย่างขมขื่นแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ปิดบังคุณชายไม่ได้เลยจริงๆ”

ปฏิกิริยาของเขาทำให้หัวใจของมู่ชิงเกอเต้นแรงขึ้นมา ความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจเผาไหม้เป็นขี้เถ้าไป นางกำมือของตนเองแน่น มองจ้องไปยังคนทั้งสอง

กู่เย่ขบริมฝีปากพูดว่า “นายท่านหายสาบสูญไปขอรับ”

อะไรนะ! ซือมั่วหายสาบสูญ?

มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา “อะไรคือหายสาบสูญ?”

มู่ชิงเกอพยายามข่มความรู้สึกของตนเอง พยายามใช้นํ้าเสียงที่เรียบสงบถามทั้ง สองคน

แต่แม้ว่านางจะพยายามควบคุมแค่ไหน บรรยากาศรอบกายของนางก็เริ่มที่จะเย็นยะเยือกและดุดันขึ้นมา และก็ทำให้กู่หยาและกู่เย่รู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องลดลง ยากที่จะหายใจ

ดวงตาของพวกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาไม่ได้พบเจอมู่ชิงเกอนานเท่าไหร่กันเชียว? แต่นางกลับพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้วหรือ?

ความสามารถของมู่ชิงเกอ ทำให้พวกเขายิ่งแน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำลงไปอย่างไม่มีทางเลือกนั้นถูกต้องแล้ว

ภายในบรรยากาศอันเย็นยะเยือกที่มู่ชิงเกอปล่อยออกมา กู่เย่พูดขึ้นว่า “คุณชายยังจำเรื่องครั้งนั้นในหลินชวน ที่นายท่านใช้ศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนช่วยคุณชายจนสูญเสียพลังฝึกปรือไปหมื่นปีได้หรือไม่?”

“ไร้สาระ” มู่ชิงเกอพูดไปอย่างไม่เกรงใจ

ซือมั่วเสียสละเพื่อนางมากมายขนาดนั้น นางจะลืมไปได้อย่างไร? นางไม่เพียงแต่จำได้ว่าเขาสูญเสียพลังฝึกปรือ แต่ยังจำได้ว่าเขาต้องบาดเจ็บเรื้อรังเพราะเรื่องนั้นและจำเป็นต้องใช้ยาระดับมหาเทพในการรักษา

ส่วนนางก็ไม่เคยหยุดพัฒนาทักษะการปรุงยา จนตอนนี้ทักษะการปรุงยาของนางก็อยู่ระดับเทวะแล้ว อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะก้าวเข้าไปอยู่ระดับมหาเทพได้

อีกไม่นานนางก็จะสามารถปรุงยาระดับมหาเทพให้ซือมั่วใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเขาได้แล้ว ทำให้เขาไม่ต้องใช้พลังฝึกปรือครึ่งหนึ่งไปข่มอาการบาดเจ็บในทุกๆ วันอีก

คำพูดที่ไม่เกรงใจของมู่ชิงเกอไม่ได้ทำให้กู่หยาโกรธ เพียงแต่พูดต่อว่า “เช่นนั้นคุณชายจำได้หรือไม่ว่าพวกเราเคยพูดเอาไว้ว่าศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนไปมากมาย และนายท่านก็จะต้องรับการสะท้อนคืนที่หนักหน่วง”

ไม่ผิด! พวกเขาทั้งสองเคยพูดเอาไว้

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา คำพูดของกู่เย่นั้นชัดเจนแล้ว “เจ้าจะบอกว่าการหายสาบสูญไปของเขานั้นเกี่ยวข้องกับการสะท้อนกลับของศาสตร์

ต้องห้ามหวนคืนหรือ?”

กู่เย่นิ่งลงไปแล้วถึงได้ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “ศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนทำให้คนที่แต่เดิมควรตายไปแล้วฟื้นกลับคืนมา ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะถูกคุณชายและนายท่านฆ่าไปไม่น้อยแล้ว แต่คนทางฝั่งของคุณชายกลับมีชีวิตอยู่กันครบทุกคน ดังนั้นการสะท้อนกลับของศาสตร์ต้องห้ามหวนคืนจึงไม่น้อยเลย ข้ากับกู่หยาเคยคำนวณแล้ว การสะท้อนกลับในครั้งนี้มีโอกาสเป็นเคราะห์กรรมเป็นตาย” เคราะห์กรรมเป็นตาย! เป็นเคราะห์กรรมเป็นตายอีกแล้ว!

นับตั้งแต่กลับมาจากหานชุ่น ในใจของมู่ชิงเกอก็รู้สึกรังเกียจคำว่า ‘เคราะห์กรรมเป็นตาย’ มาก

นางไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และก็ไม่เชื่อในเคราะห์กรรม ใครที่คิดจะฆ่านางก็รอโดนฆ่าไว้ได้เลย!

หว่างคิ้วของมู่ชิงเกอดูแข็งกร้าวขึ้นมา นางเอ่ยกับกู่หยาและกู่เย่ว่า “พูดต่อไป”

นางต้องการรู้ให้ชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซือมั่วกันแน่

“ประมาณหนึ่งปีก่อน นายท่านได้รับสาล์นลับฉบับหนึ่ง” กู่หยาพูดขึ้น

‘หนึ่งปีก่อน เป็นหนึ่งปีก่อนจริงๆ’ มู่ชิงเกอพึมพำในใจ

หนึ่งปีก่อนซือมั่วก็ไม่ได้ติดต่อหานางอีกเลย ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเขานี่เอง

ส่วนนางกลับไม่รู้อะไรเลย!

ผลลัพธ์นี้ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกเหมือนว่ามีคนเอามีดมาแทงหัวใจ

นางไม่ได้ขัดจังหวะคำพูดของกู่หยา นิ่งฟังต่อไป

“สาล์นลับฉบับนี้เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแดนมารรกร้าง ภายในสาล์นนัดให้นายท่านไปยังเหวหนอนโบราณเพียงลำพัง นายท่านใส่ใจในเนื้อหาบนสาล์นมาก จึงไปด้วยตนเอง ต่อมาก็ไม่มีข่าวอะไรอีกเลย” กู่หยาพูดสั้นๆ

กู่เยรีบพูดต่อว่า “หลังจากที่นายท่านหายไปสามเดือนแล้ว พวกเราถึงรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ค่อยถูกต้อง จึงลอบสืบความ แต่ว่าคนที่ส่งไปล้วนแต่ไม่ได้ข่าวหรือร่องรอยอะไรกลับมา พวกเราทั้งสองคนจึงไปสืบเองรอบหนึ่ง แต่ว่าเหวหนอนโบราณนั้นใหญ่โตเกินไป พวกเราสืบหาอยู่ที่นั้นเกือบจะครึ่งปีก็ยังหาไม่พบ พวกเราไม่รู้ว่านายท่านติดกับดักอยู่ที่นั่นหรือว่าถูกคนพาไปแล้ว”

“แดนมารรกร้าง …เหวหนอนโบราณ…” มู่ชิงเกอพึมพำออกมา

นางไม่คุ้นชื่อสถานที่เหล่านี้เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นจุดที่สำคัญ จากคำพูดของกู่หยาสามารถเดาได้ว่าแดนมารรกร้างคงจะเป็นอาณาเขตของเผ่ามารในแผ่นดินใหญ่เทพมาร ส่วนเหวหนอนโบราณนั้นดูจากชื่อแล้วก็ คงไม่ใช่สถานที่ที่ดีสักเท่าไหร่ แต่กลับเกี่ยวพันธ์กับการหายตัวไปของซือมั่ว

สามารถวางเรื่องแดนมารรกร้างเอาไว้ก่อน ตอนนี้มู่ชิงเกอสนใจเรื่องการหายสาบสูญของซือมั่ว จึงพูดขึ้นว่า “เหวหนอนโบราณคือที่ไหน?”

กู่หยาและกู่เย่มองหน้ากับแวบหนึ่ง แล้วกู่หยาก็อธิบายออกมา “เหวหนอนโบราณเป็นรอยตะเข็บบริเวณรอยต่อของเผ่าเทพและมารมาตั้งแต่โบราณกาล…” พูดถึงตรงนี้ กู่หยาก็หยุดลงอย่างกะทันหันมองไปยังมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพูดว่า “เจ้าพูดต่อไป หากมีจุดไหนที่ข้าไม่เข้าใจก็จะถามเจ้าเอง”

นางเข้าใจว่ากู่หยากังวลเรื่องอะไร เขาคงเป็นกังวลว่านางจะไม่เข้าใจสถานที่ที่เขาพูดถึง

แต่นางไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรคนนั้นอีกแล้ว นางค่อยๆ เข้าใจโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น

กู่หยาพยักหน้า พูดต่อว่า “เหวหนอนโบราณนั้นลึกลับมาโดยตลอด เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ถูกปกครองโดยเผ่าเทพและมาร รอยตะเข็บนั้นลึกมาก แต่ส่วนด้านล่างกลับกว้างมากเป็นอาณาเขตของเผ่าฉง”

“เผ่าฉง?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น

กู่เย่อธิบายว่า “เผ่าฉงเป็นเผ่าๆ หนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อเผ่าเทพและเผ่ามาร พวกเขาไม่ใช่ทั้งเทพและมาร เกิดมาก็สามารถควบคุมแมลงทุกชนิดได้ เชี่ยวชาญในการ สืบข่าว ดีที่เผ่าฉงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งกับโลกภายนอก ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเผ่าเทพและมาร อยู่แต่ในเหวหนอนโบราณเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราวทางโลก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่าเทพหรือว่าเผ่ามารก็ไม่อาจจะล่วงเกินพวกเขาได้ง่ายๆ”

“พูดเรื่องที่พวกเจ้าสืบจากเหวหนอนโบราณมาได้” มู่ชิงเกอพูด

นางได้รู้เรื่องคร่าวๆ เกี่ยวกับเหวหนอนโบราณแล้ว ตอนนี้จึงอยากฟังเรื่องที่กู่หยาและกู่เย่สืบมาได้

กู่หยาพูดว่า “การที่นายท่านหายสาบสูญนั้นเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของเผ่ามาร ดังนั้นพวกเราจึงไม่กล้าไปสืบอย่างเอิกเกริก หลังจากลอบเข้าไปในเหวหนอนโบราณแล้วก็ลอบสืบข่าวเงียบๆ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็สืบอะไรออกมาไม่ได้เลย แม้แต่คนที่นัดนายท่านให้ไปที่นั่นพวกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ร่องรอยเพียงหนึ่งเดียวที่มีคือ มีคนของเผ่าฉงเคยพูดว่าภายในช่วงเวลาที่นายท่านหายไปนั้น พวกเขาได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดจากสระใหญ่ในเหวหนอนโบราณ มีคนของเผ่าฉงจำนวนไม่น้อยที่ส่งแมลงบินขึ้นไปสืบข่าว แต่ก็ไม่มีสักตัวที่บินกลับคืนมาได้ หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว พวกเขาก็ไปยังสระใหญ่เพื่อสืบความ แต่นอกจากซากศพแมลงเต็มพื้นแล้วก็ไม่พบอะไรอีกเลย”

มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาเล็กลง นางรู้สึกว่าการต่อสู้นี้เป็นจุดสำคัญ ทั้งเวลาและสถานที่ต่างก็บังเอิญพอดี จะต้องเกี่ยวข้องกับซือมั่วแน่นอน

เพียงแต่น่าเสียดายที่กู่หยาและกู่เย่สืบอะไรมากกว่านี้มาไม่ได้

“พวกเจ้าหาไม่พบแล้วถึงได้คิดมาหาข้างั้นหรือ?” เมื่อมู่ชิงเกอคิดถึงว่าสองคนนี้รอจนซือมั่วหายไปปีกว่าแล้วถึงได้มาหานางเพื่อช่วยเหลือ ก็ระงับความโมโหในใจไม่อยู่ น้ำเสียงของนางดูไม่ดีมาก

กู่หยาและกู่เย่ก้มหน้าลง รู้สึกผิดในใจ

ครู่หนึ่งผ่านไปกู่เย่ถึงได้พูดว่า “เดิมทีพวกข้าน้อยคิดว่าจะสามารถหานายท่านพบได้จึงไม่กล้าบอกคุณชาย”

ความโกรธในใจของมู่ชิงเกอลุกโชนขึ้น อดด่าออกไปไม่ได้ว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยิ่งหายไปนานยิ่งยากจะหาพบ? แต่หากตามหาตั้งแต่แรกก็จะมีโอกาสหาพบ มากกว่า!”

ตอนนี้พูดเรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สั่งการทั้งสองคนว่า “รีบพาข้าไปเหวหนอนโบราณเดี๋ยวนี้!”

นางต้องการจะไป ตามหาซือมั่วด้วยตนเอง

แต่กู่หยาและกู่เย่กลับมองหน้ากันแล้วไม่พูดจา

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววเย็นยะเยือก สบถไปว่า “อย่างไร? พวกเจ้าคิดจะมาบอกข้าเรื่องนี้แล้วให้ข้ารอข่าวคราวจากพวกเจ้าต่องั้นหรือ?”

“ไม่ใช่!” กู่หยารีบพูดออกมา

กู่เย่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดกับมู่ชิงเกอว่า “ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจะเชิญคุณชายเข้าไปยังวังไท่ฮวง แห่งแดนมารรกร้างสักครั้งไม่ใช่ไป เหวหนอนโบราณ”

“พูดให้ชัดเจน!” มู่ชิงเกอกัดฟันพูดออกมา

ความอดทนของนางได้มาถึงขีดสุดแล้ว ถ้าหากว่าสองคนนี้ไม่พูดอะไรให้ชัดเจนอีกนางจะไม่ลังเลที่สั่งสอนแทนซือมั่วเลย

กู่เย่เงยหน้าขึ้น มองไปยังมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังกู่หยา ส่วนกู่หยาก็ก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบ

กู่เย่จึงได้แต่แข็งใจตอบออกมาก่อนที่ความอดทนของมู่ชิงเกอจะหมดลง “แดนมารรกร้างนั้นนับตั้งแต่สงครามครั้งใหญ่ของเทพมารก็แตกกระจายระส่ำระสายมาโดยตลอด หลังจากที่นายท่านขึ้นครองตำแหน่งแล้วก็ใช้เวลาหมื่นปีปราบปรามกบฏต่างๆ รวบรวมดินแดนในเผ่ามารให้เป็นหนึ่ง แต่คนเหล่านั้นก็ยอมสยบเพราะนายท่าน เมื่อไม่มีนายท่านคอยกดเอาไว้แล้ว บรรดาพวกที่ ทะเยอทะยานก็ค่อยๆ โผล่ออกมา ครั้งนี้ที่นายท่านหายสาบสูญ พวกเราพยายามปิดบังเต็มที่ แต่ตอนนี้ก็มีคนไม่น้อยที่คาดเดาได้แล้ว”

“ชิ เจ้าพวกนั้น ยังไม่ทันหานายท่านพบ กลิ่นอายของนายท่านในตำหนักจื่อเฉินยังไม่ทันได้จางหายไปเลยด้วยซํ้า พวกเขาก็คิดจะแต่งตั้งเจ้านายคนใหม่เสียแล้ว อีกทั้งนายท่านก็ยังไม่มีทายาท ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิง คนกลุ่มนี้จึงมีความคิดไร้สาระขึ้นมา…” กู่หยาทนพูดต่อไปไม่ไหวจึงมองไปทางกู่เย่

กู่เย่ถึงได้พูดต่อว่า “ราชาแห่งแดนมารรกร้างทุกๆ รุ่นจะทิ้งเลือดหัวใจไว้ในตำหนักจื่อเฉินในตอนรับตำแหน่ง แดนมารรกร้างมีวิธีโบราณอย่างหนึ่งที่สามารถใช้เลือดหัวใจใส่เข้าไปในร่างกายของหญิงเผ่ามารสักคนเพื่อใช้เลือดสร้างทายาทออกมา พวกเขาคิดจะใช้เลือดหัวใจของนายท่านสร้างราชาหุ่นเชิดขึ้นมา”

สีหน้าของมู่ชิงเกอดำทะมึน ‘นี่คืออะไร? การท้องแทนงั้นหรือ?’

“พวกเหล่านั้นมีใจไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นเพื่อที่จะตัดความคิดนี้ของพวกเขาทิ้ง พวกเราจึงพูดเรื่องของคุณชายออกไป” กู่เย่พูดจบแล้วก็ก้มหัวลงตํ่า

กู่หยาต่อต้านเล็กน้อยแล้วก็รวบรวมความกล้าเอ่ยว่า “ยัง…ยังโกหก…ว่าคุณชายได้ตั้งครรภ์ทายาทของนายท่านแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!