Skip to content

พลิกปฐพี 405

ตอนที่ 405

แดนมารรกร้าง เข้าวัง

สีหน้าของมู่ชิงเกอดำทะมึน รู้สึกทั้งโมโหทั้งขบขัน

นางเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหลายก้าว แล้วก็ชี้นิ้วใส่ทั้งสองคนพร้อมด่าว่า “สมองของพวกเจ้าสองคนมีปัญหาใช่หรือไม่? ตั้งครรภ์นั้นใช้เวลาสิบเดือน นายท่านของพวกเจ้าหายไปปีกว่า แต่พวกเจ้ากลับพูดว่าข้าตั้งครรภ์ลูกของเขางั้นหรือ?”

ขอลาตั้งครรภ์ได้ที่ไหนกัน?

หรือจะพูดว่านางเล่นชู้ลับหลังซือมั่ว?

มู่ชิงเกอรู้สึกอยากจะร้องไห้เพราะเจ้าโง่สองคนนี้จริงๆ แต่หลังจากนางด่าออกไปแล้ว กู่หยาก็อธิบายด้วยสีหน้าแปลกประหลาดว่า “เรื่องนั้น…คุณชาย…ตามธรรมดา แล้วเผ่ามารของพวกเราตั้งครรภ์สามปี”

หา! มีอย่างนี้จริงๆ งั้นหรือ!

มู่ชิงเกอมึนงง ชะงักอยู่ที่เดิม ตั้งครรภ์สามปี? ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เกิดความรู้สึกกลัวการตั้งครรภ์ขึ้นมา

แต่พวกกู่หยาก็ไม่ยอมปล่อยนางไป กู่เย่พูดว่า “ดังนั้นถึงแม้ว่านายท่านจะหายสาบสูญไปปีกว่า แต่ในแดนมารคุณชายก็ยังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ช่วงแรกอยู่ หากมองจากภายนอก คนนอกมองไม่ออกอย่างแน่นอน”

มู่ชิงเกอหมดคำจะพูดต่อ

นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เข้าใจความหมายของกู่หยาและกู่เย่ “พวกเจ้าคิดจะให้ข้าแกล้งท้อง อาศัยสถานะภรรยาของซือมั่ว ยังมีสถานะมารดาของทายาทเขา เข้าไปในแดนมารเพื่อปราบปรามเจ้าพวกที่ทะเยอทะยานเหล่านั้น

“ใช่ขอรับ”

กู่หยาและกู่เย่พูดพร้อมกัน

นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่มี หากไม่ทำเช่นนี้แล้วไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก พวกเขาไม่อาจจะปล่อยให้แดนมารวุ่นวายในตอนที่นายท่านไม่อยู่

“คุณชาย ท่านเป็นอาจารย์ปรุงยาน่าจะมีวิธีทำให้เกิดอาการตั้งครรภ์ปลอมๆ ขึ้นมาได้พวกเราสัญญาว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของท่านและจะตามหานาย ท่านให้พบให้ได้โดยเร็ว’’ กู่เย่เห็นมู่ชิงเกอไม่ตอบจึงเอ่ยโน้มน้าวใจขึ้นมา

กู่หยาก็เอ่ยว่า “พระราชวังไท่ฮวงของแดนมารในตอนนี้ต้องการเจ้านายที่ถูกต้องตามครรลองเพื่อที่จะทำให้พวกคนเหล่านั้นหวาดกลัว พวกเราเป็นเพียงบ่าวของ นายท่านมีสิทธิ์ไม่เพียงพอ”

มู่ชิงเกอตัดบทพูดของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “จะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

ถึงแม้ว่านางจะอยากไปเหวหนอนโบราณเพื่อตามหาซือมั่วมากกว่า แต่นางก็ไม่สามารถทนเห็นบ้านเมืองที่เขารวบรวมมาอย่างยากลำบากวุ่นวายขึ้นได้

‘เข้าไปในแดนมารรกร้างก่อน หลังจากจัดการเจ้าพวกคิดไม่ซื่อไปหมดแล้วค่อยไปเหวหนอนโบราณ ซือมั่วเจ้าจะต้องรอข้านะ!’ มู่ชิงเกอพูดในใจ

คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้กู่หยาและกู่เย่ดีใจมาก

พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วกู่หยาก็พูดว่า “หากคุณชายไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไร พรุ่งนี้เข้าพวกเราก็ออกเดินทางกันได้เลย”

มู่ชิงเกอค่อยๆ พยักหน้า “ได้พรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง”

วันที่สองเมื่อเหมยจื่อจ้งเปิดประตูออกมาก็มองเห็นมู่ชิงเกอยืนอยู่ด้านหน้าห้องของตนเอง

“ชิงเกอ? เจ้ามาตามข้าหรือ? รอสักครู่ อีกเดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้ว” เหมยจื่อจ้งแปลกใจเล็กน้อย คิดว่ามู่ชิงเกอมาเร่งเขา

“ศิษย์พี่เหมยรอสักครู่” มู่ชิงเกอร้องเรียกเหมยจื่อจ้งที่กำลังจะหันกายกลับเข้าห้อง

เหมยจื่อจ้งหยุดฝีเท้าหันกลับมามองนาง

มู่ชิงเกอพูดว่า “ศิษย์พี่เหมย ข้ามีเรื่องด่วนต้องรีบไป จัดการจึงไม่อาจเดินทางไปสำนักวิถีโอสถกับท่านได้ ท่านล่วงหน้าไปก่อน รอข้าจัดการเรื่องราวเสร็จแล้วจะ ไปหาพวกท่านที่สำนักวิถีโอสถ”

เพียงเหมยจื่อจ้งได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”

มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า “เรื่องนี้ใครก็ช่วยไม่ได้ จำเป็นต้องให้ข้าไปจัดการเอง ศิษย์พี่เหมยเพียงแค่ไปรวมตัวกับพวกศิษย์พี่จ้าว เมื่อข้าจัดการเรื่องทางนั้นเสร็จแล้ว หากถึงเวลาลงชื่อของสำนักวิถีโอสถแล้วข้ายังไปไม่ถึง ก็ช่วยข้าลงชื่อให้ข้าหน่อย เมื่อข้าจัดการเรื่องราวทางนั้นเสร็จแล้วจะรีบตามไปในทันที”

“เช่นนั้นเจ้าจะไปเมื่อไร?” เหมยจื่อจ้งไม่ได้ซักไซ้ต่อ

“ตอนนี้” มู่ชิงเกอตอบแล้วก็หันกายจากไป

เหมยจื่อจ้งมองตามจนนางหายไป ถึงได้ถอนหายใจแล้วถอนสายตากลับ

หลังจากบอกลาเหมยจื่อจ้งแล้วมู่ชิงเกอก็ออกจากเมืองซีฝูพร้อมกับกู่หยาและกู่เย่

“ตอนนี้พวกเราจะไปไหน?” มู่ชิงเกอตามทั้งสองคนมา แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจว่าจะเดินทางไปแดนมารรกร้างได้อย่างไร แดนมารรกร้างก็อยู่ในแผ่นดินใหญ่ แห่งเทพมาร และสำหรับโลกแห่งยุคกลางแล้วแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารก็ลึกลับมาก

“คุณชาย พวกเราไปยังป่ากล้วยไม้โบราณก่อน ตอนที่พวกเรามาก็ได้จัดวางทางเข้าชั่วคราวเอาไว้ที่นั่น สามารถกลับไปแดนมารรกร้างจากที่นั่นได้” กู่หยา อธิบาย

‘ดูแล้วพวกเขาได้จัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว’มู่ชิงเกอพยักหน้าไม่ได้ถามอีก

ความกังวลของนางเกี่ยวกับซือมั่วได้ผ่านมาหนึ่งปีกว่าแล้ว นางไม่รู้ว่าซือมั่วกำลังเผชิญกับอะไรอยู่และไม่รู้ว่าเหตุใดถึงยังไม่กลับมา หากไม่ใช่ว่ากู่หยาและกู่เย่เคยพูดว่าซือมั่วยังคงมีชีวิต อยู่เกรงว่านางคงไม่ตามพวกเขาไปพระราชวังไท่ฮวงแห่งแดนมารรกร้าง แต่จะรีบไปหาเขาในทันที

ป่ากล้วยไม้โบราณอยู่ใกล้กับเมืองซีฝู ติดกับภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก

ผ่านไปเพียงแค่ครึ่งวันในที่สุดทั้งสามคนก็เดินมาถึงป่ากล้วยไม้โบราณ

มู่ชิงเกอตามกู่หยาและกู่เย่เข้าไปในป่า ไม่นานก็ถูกนำไปยังถํ้าที่ลึกลับแห่งหนึ่ง

“คุณชาย แต่ไหนแต่ไรมาแดนมารรกร้างก็ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกได้เข้าไป พวกเราจึงไม่ได้พูดสถานะที่แท้จริงของท่านออกไป เพียงแต่พูดว่าท่านเป็นคู่หมั้นของนายท่านที่อาศัยอยู่ในแดนมาร ดังนั้นหลังจากที่เข้าไปแล้ว ยังต้องขอให้คุณชายระมัดระวังในการปกปิดด้วย” กู่เย่พูดกับมู่ชิงเกอ

กู่หยาก็พูดต่อว่า “รอนายท่านกลับมาแล้ว ก็จะประกาศให้คนทั้งแดนมารรับรู้ถึงสถานะของคุณชายเอง”

มู่ชิงเกอพยักหน้าไม่ได้ใส่ใจมากนัก เวลานี้เอง กู่เย่ถึงได้เอายาขวดหนึ่งออกมามอบให้กับมู่ชิงเกอ “คุณชาย ภายในนี้มียาอยู่ใช้กินสามวันต่อหนึ่งเม็ด จะทำให้สีพลังจิตของคุณชายเปลี่ยนเป็นสีดำของแดนมารและจะไม่มีใครสามารถดูออกได้”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น รับขวดยามา แล้วก็กลืนยาเม็ดหนึ่งลงไป

หลังจากกินยาแล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าพลังจิตของตนเองเปลี่ยนเป็นทรงพลังขึ้นมาแต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยังพอควบคุมได้อยู่

นางยกมือขึ้นปล่อยพลังจิต

พลังจิตที่แต่เดิมเป็นสีทองบริสุทธิ์กลับเปลี่ยนเป็นสีดำอันลึกลับ

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลงและเก็บพลังจิตกลับ

“พวกเจ้าออกไปรอข้าครู่หนึ่ง” มู่ชิงเกอสั่งการกู่หยาและกู่เย่

ทั้งสองคนไม่ได้แปลกใจ หันกายเดินออกไปนอกถํ้า

หลังจากพวกเขาจากไปแล้ว มู่ชิงเกอก็ถอดตุ้มหูสีม่วง

ของตนเอง กลับคืนสู่สภาพผู้หญิง แล้วก็หยิบชุดกระโปรงชุดหนึ่งออกมาเปลี่ยนกับชุดผู้ชายสีแดง

ที่ครอบผมของนางถูกปลดลงมา และมัดผมสีดำยาวอย่างง่ายๆ

ชายหนุ่มรูปงามได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยสาวงามล่มเมืองแทน

หลังจากกู่หยาและกู่เย่ได้รับอนุญาตให้เข้ามานั้นก็มองเห็นมู่ชิงเกอในชุดกระโปรงสีแดงเย้ายวน งดงามจนคนต้องตกตะลึง

ทั้งสองคนชะงักไปชั่วขณะถูกรูปโฉมของนางทำให้ยืนชะงักอยู่กับที่

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้มาตั้งนานแล้วว่านางเป็นผู้หญิง แต่ว่า…บางทีอาจจะเป็นเพราะมู่ชิงเกอไม่ค่อยสวมชุดผู้หญิง ดังนั้นมู่ชิงเกอในชุดของผู้หญิงจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงได้ทุกครั้ง

“คุณชาย เตรียมตัวดีแล้วหรือ?” กู่หยาเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอพยักหน้าเงียบๆ

กู่เย่เอ่ยว่า “คุณชาย หลังจากเข้าไปในแดนมารรกร้างแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีพวกเรานำก็อย่าได้เคลื่อนไหวโดยพลการและอีกอย่างไม่ว่าใครจะต้องการพบท่านก็ล้วนแต่ต้องมีพวกเราติดตามไปด้วย”

มู่ชิงเกอเข้าใจว่าพวกเขาเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธ

หลังจากพูดคุยและเตรียมการกันดีแล้ว กู่หยาและกู่เย่ก็เปิดทางสู่แดนมารรกร้าง

ที่เรียกว่าทางนั้นเป็นนํ้าวนลึก ด้านในหมุนวนไม่หยุด เหมือนดวงดาวกำลังหมุนวน

กู่หยาเดินเข้าไปก่อน จากนั้นก็หันมายังมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ลังเล ก้าวเท้าตามเข้าไปในนํ้าวน เพียงแค่นางเข้าไป กู่เย่ก็ตามเข้ามา

เงาร่างของทั้งสามคนอยู่ภายในถํ้าอยู่ครู่หนึ่ง นํ้าวนนั้นก็ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงแล้วหายไป

การข้ามผ่านช่องว่างทำให้คนเกิดอาการเวียนหัวตาลาย ดีที่ในตอนนี้จิตวิญญาณของมู่ชิงเกอนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ทำให้นางรู้สึกเพียงแต่ไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น

รอจนบรรยากาศกลับมาชัดเจนอีกครั้งนั้น มู่ชิงเกอถึงได้พบว่า ตนเองได้มายืนอยู่ในโลกที่แตกต่างจากหลินชวนและโลกแห่งยุคกลางแล้ว!

‘ที่นี่คือแดนมารรกร้างงั้นหรือ?’ มู่ชิงเกอตกตะลึงในใจเล็กน้อย

ตรงหน้าของนางนั้นดูเหมือนกับภาพมายา ต้นไม้สูงใหญ่ ใบไม้เขียวขจี ดอกไม้หลากสีสันและล้วนแต่มีขนาดใหญ่มาก สีสันสดใสแพรวพราว ท้องฟ้าสีฟ้า เหมือนผลึกแก้วใส

ไม่เหมือนกับที่อยู่ของซือมั่วที่นางคิดเอาไว้เลย!

นางคิดมาตลอดว่าแดนมารจะมืดๆ เทาๆ เต็มไปด้วยหมอกสีดำและกลิ่นคาวเลือด

แต่ภาพบรรยากาศตรงหน้ากลับมีสีสันสดใสดุจดั่งความฝัน

“คุณชาย ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ของวังหลังและก็เป็นเขตหวงห้ามของพระราชวัง คนธรรมดาจะไม่สามารถมาที่นี่ได้” คำพูดของกู่เย่ดังขึ้นข้างหูของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเก็บความคิดกลับและค่อยๆ พยักหน้า

กู่หยาพูดว่า “คุณชาย พวกเราจะพาท่านไปยังพระราชวังก่อน พี่น้องคนอื่นๆ กำลังรอพบท่านอยู่”

หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว กู่หยาก็เรียกมู่ชิงเกออย่างเคารพขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

มู่ชิงเกอหันไปมองเขา ไม่เข้าใจความหมายในคำพูด

“พี่น้องคนอื่นๆ?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นมา

กู่เย่อธิบายว่า “กู่หยาหมายถึงคนที่เหมือนกับพวกเรา เป็นองครักษ์คนสนิทขององค์ราชา มีทั้งหมดพันคน ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาที่คุณชายอยู่ที่แดนมารรกร้าง พวกเราทั้งพันคนสาบานว่าจะปกป้องท่านด้วยชีวิต”

“ตอนนี้มีสองร้อยคนที่ตามหาองค์ราชาอยู่ภายในเหวหนอนโบราณต่อ ดังนั้นตอนนี้ที่อยู่ในแดนมารรกร้าง จึงมีเพียงแค่แปดร้อยคน ยังมีทหารในวังที่ขึ้นตรงต่อองค์ราชาอีก แต่คุณชายไม่จำเป็นต้องพบพวกเขา พวกเขาก็จะคุ้มครองคุณชายเป็นอย่างดี” กู่หยาพูดเสริม

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว

และก็หมายความว่าที่ตอนนี้นางต้องไปพบนั้นก็คือลูกน้องคนสนิทของซือมั่ว

“ยังมีขุนนางใหญ่อีกสี่คนที่คุณชายก็ต้องพบพวกเขา ล้วนแต่เป็นคนที่จงรักภักดีต่อองค์ราชา รอขึ้นท้องพระโรงในวันพรุ่งนี้เมื่อมีพวกเขาคอยสนับสนุนให้คุณชายขึ้นตำแหน่งแทนองค์ราชาชั่วคราว คนที่เหลือก็จะไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว” กู่เย่เอ่ย

มู่ชิงเกอมองพวกเขาทั้งสองคนแล้วก็พูดขึ้นว่า “ดูแล้วพวกเจ้าได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว”

ประโยคนี้ดูเรียบสงบ แต่ก็ทำให้คนเดาไม่ออกว่ามู่ชิงเกอพูดไปอย่างนั้น หรือว่ามีความคิดจะตำหนิกันแน่ กู่เย่และกู่หยานิ่งเงียบลงไม่รู้ว่าจะต่อคำอย่างไร

เห็นทั้งสองคนเงียบลงไปอย่างกะทันหันทำให้มู่ชิงเกอหันกลับมา ชั่วขณะนั้นก็เข้าใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

มุมปากของนางกระตุกขึ้น พูดไปหนึ่งประโยคว่า “พวกเจ้าทำได้ไม่เลว”

กู่หยาและกู่เย่คำนับและก็เข้าประจำที่คุ้มครองมู่ชิงเกอซ้ายขวา

ภายใต้การนำของกู่หยาและกู่เย่ มู่ชิงเกอเดินออกจากป่าก็มองไปเห็นกลุ่มตำหนักขนาดใหญ่ ตำหนักของที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ดูโอ่อ่าดุดันมากกว่า กระเบื้อง เคลือบสีเขียวเข้ม ตัวอาคารสีดำ ประดับตกแต่งด้วยสีม่วงและสีทอง ดูลึกลับแต่เคร่งขรึม สูงส่งแต่เย็นชา

แม้แต่เมฆที่ลอยอยู่เหนือพระราชวังก็มีสีม่วงดูสูงสง่า ทั้งยังมีหมอกสีดำล้อมอยู่ไกลๆ

“คุณชาย ที่นั่นก็คือพระราชวังไท่ฮวง เป็นสถานที่พำนักของเจ้าแห่งแดนมารมาช้านาน ส่วนตำหนักบรรทมขององคราชาก็คือตำหนักจื่อเฉิน” กู่หยาชี้ไปยังกลุ่มอาคารจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วก็แนะนำให้มู่ชิงเกอฟัง ภายในตำหนักจื่อเฉิน องครักษ์ทั้งแปดร้อยนายยืนตรงรออย่างเงียบสงบ

ตรงหน้าของพวกเขามีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันยืนอยู่สี่คน พวกเขาสวมชุดออกรบ ใบหน้ามีอารมณ์ที่แตกต่างกันไปไม่รู้ว่ากำลังคิด อะไรอยู่

สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือ ภายใต้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของพวกเขาล้วนแต่มีความงามอันแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ทั้งหว่างคิ้วก็ยังมีความหยิ่งผยองบ้าคลั่งอยู่เล็ก น้อย

มารฝึกปรือฝีมือตามใจและนิสัยของตนเอง ฟ้าจะแยกหรือแผ่นดินจะแตกก็นับถือเพียงตนเอง

ดังนั้น ความบ้าคลั่งจึงแทบจะเป็นลักษณะนิสัยพิเศษที่คนเผ่ามารทุกคนล้วนมี!

“ไม่รู้ว่าคนในใจขององคราชาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้สงบลงได้หรือไม่” หนึ่งในนั้นที่มีใบหน้างดงามราวกับปีศาจหรี่ดวงตาเรียวยาวลงแล้วพูดออกมา

อีกคนหนึ่งเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วก็หลับตาลง ดูเหมือนว่ากำลังพักสายตา รูปโฉมของเขาดูสุขุมนุ่มลึก เฉียบคมดั่งใบมีด ภายในความหล่อเหลาแฝงไว้ด้วย ความกล้าหาญ

คนที่เหลืออีกสองคนดูเหมือนกันไม่มีผิด เป็นฝาแฝดคู่หนึ่ง!

เพียงแต่ว่าหนึ่งคนในนั้นมีไฝอยู่ที่ใต้ตา ทำให้ดูมีเสน่ห์มาก แต่ดวงตาของเขากลับดูแข็งกร้าวดุดัน ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

กลับกันอีกคนที่รูปร่างเหมือนกันกับเขากลับดูเป็นมิตร ง่ายที่คนจะเข้าหามากกว่า

สี่คนนี้เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อซือมั่วที่กู่หยาและกู่เย่พูดถึงนี้นเอง

“จะเป็นผู้หญิงขององค์ราชา หากไม่มีความสามารถเลยก็ควรไสหัวไปเสีย” ชายที่มีไฝใต้ตาคนนั้นพูดเสียดสีออกมาอย่างเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!