ตอนที่ 434
แย่งผู้หญิงกับจอมมาร?
“อย่าโมโห”
ในขณะที่อารมณ์ของซือมั่วกำลังปะทุใกล้ถึงขีดสุด มู่ชิงเกอก็คว้ามือของเขาเอาไว้ได้ทัน ใช้น้ำเสียงสงบนิ่งพูดกับเขา
ในเมื่อเผ่าชงเหยียนนี้ไม่น่าคบหา เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องราวให้แย่ลงไปอีก
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอมืดทึบลง เก็บความเย็นยะเยือกกลับไป
ที่นางอดทนก็เพราะกำลังของนางทำอะไรไม่ได้ในเหวหนอนโบราณและก็เป็นเพราะนางไม่อยากให้ซือมั่วลำบากเพื่อนางจนกระทบกระเทือนบาดแผล
นี่ถึงตายได้เชียวนะ!
เทียบกับชีวิตของซือมั่วแล้ว นางยอมอดทนได้ทุกอย่าง!
ซือมั่วมองนาง นัยน์ตาสีอำพันฉายแววไม่เข้าใจ ดู เหมือนกำลังถามว่า เหตุใดต้องยอมด้วย?
มู่ชิงเกอยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยปลอบเบาๆ ว่า “จะฆ่าคนก็ ต้องดูว่าคุ้มค่าที่จะฆ่าหรือไม่”
ซือมั่วมองนางและก็เข้าใจความหมายในดวงตาของนาง
ความรู้สึกห่วงใยทำให้หัวใจของเขาเกิดความอบอุ่นขึ้นมา หัวใจที่ถูกโอบคลุมด้วยนํ้าแข็งโดดเดี่ยวมานับหมื่นปี ในที่สุดก็ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นอันลํ้าค่า
เขามองกู่เย่พร้อมส่งสัญญาณไปให้
กู่เย่เข้าใจความหมายของเขา จึงก้าวออกมาพูดกับคนของเผ่าชงเหยียนว่า “องค์ราชาและพระชายาของข้าอยู่ที่นี่ คนของเผ่าชงเหยียนอย่าเสียมารยาท”
ซือมั่วให้เขาประกาศสถานะออกไปก็เพราะเขายอมทำตามทางเลือกของมู่ชิงเกอ แก้ไขเรื่องนี้อย่างสงบ สิ่งนี้ทำให้มู่ชิงเกอซาบซึ้งใจมาก นางจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าทุกสิ่งที่ซือมั่วทำก็เพื่อนาง? แม้ว่าเขาจะจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้แล้วจะเป็นอย่างไร? ความรู้สึกที่เขามีต่อนางก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ซือมั่วพูดถูกว่าอาคมปิดผนึกอันชั่วร้ายสามารถปิดผนึกสิ่งที่มีค่าที่สุดในจิตใจของเขาได้แต่ไม่สามารถปิดผนึกหัวใจของเขาได้
หัวใจของเขาถูกมู่ชิงเกอครอบครอง แม้จำไม่ได้แล้วจะเป็นอะไรไป?
เขายังคงรักนางอย่างลึกซึ้ง!
“ราชาของเผ่ามาร?” หลังจากได้ยินกู่เย่พูดแล้ว คนของเผ่าชงเหยียนก็ชะงักไป ใบหน้าผุดความลังเลวูบหนึ่ง แต่ผู้นำคนนั้นกลับแค่นเสียงดูแคลนออกมา เหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจสถานะของซือมั่วเลย และก็ไม่ได้สนใจว่าหากเขายังทำตัวรนหาที่ตายเช่นนี้ต่อไปจะเกิดผลอะไรขึ้นกับเขาและเผ่าของเขาบ้าง หรืออาจเป็นเพราะเขามั่นใจว่าเพียงแค่ตนเองไม่ออกไปจากเหวหนอนโบราณ ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องใหญ่ขนาดไหน ล่วงเกินใครก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเขามั่นใจในตนเองจนดวงตามืดบอด คิดว่าตนเองเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของหัวหน้าเผ่าชงเหยียน เป็นแก้วตาดวงใจของเขา!
อีกทั้งเขายังมีพรสวรรค์ในการควบคุมแมลงเป็นอันดับหนึ่งในเผ่า!
สถานะทำให้เขามั่นใจ
พรสวรรค์ทำให้เขาหยิ่งทะนง
ดังนั้นเขาถึงไม่กลัวเกรงอะไรเช่นนี้
“ราชาแห่งเผ่ามารแล้วจะเป็นอย่างไร? ที่นี่คือเหวหนอนโบราณไม่ใช่แดนมาร” เขาพูดอย่างดูแคลน ไม่ได้ปิดบังความเย่อหยิ่งของตนเลยแม้แต่น้อย
คำตอบนี้ทำให้กู่หยาและกู่เย่รวมถึงพวกองครักษ์มารขมวดคิ้วแน่นขึ้น และยิ่งทำให้นัยน์ตาของซือมั่วปรากฎไอสังหารขึ้นอีกครั้ง
‘รนหาที่ตายจริงๆ’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมอกของซือมั่ว หันไปมองเจ้าบ้ารนหาที่ตายคนนั้น
และในตอนที่ใบหน้าอันงดงามเกินบรรยายของนางปรากฎออกมาต่อหน้าคนผู้นั้นเอง นัยน์ตาของเขาก็ยิ่งเปล่งประกายยินดีและตกตะลึงออกมา ไม่อาจละลาย ตาไปจากมู่ชิงเกอได้เลย
และเขาเองก็ไม่อยากจะละสายตาไปด้วย…
“งดงาม! งดงามจริงๆ! งดงามเกินไปแล้ว! ในโลกนี้ยังมีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ!” เขาพึมพำออกมา ราวกับว่าตอนนี้สายตาของเขามีเพียงแค่เงาร่างของมู่ชิงเกอเท่า ไม่เพียงแต่เขาที่เป็นเช่นนั้น คนอีกหกคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ตกตะลึงกับรูปโฉมของมู่ชิงเกอเช่นเดียวกัน สาวงามภายในเหวหนอนโบราณนั้นพวกเขาเห็นจนเบื่อแล้ว ส่วนสาวงามเผ่าเทพและมารที่มาจากด้านนอกนั้น ก็เทียบไม่ได้เลยกับผู้หญิงตรงหน้า การคงอยู่ของนางราวกับว่าทำให้เหวหนอนโบราณที่อึมครึมสว่างไสวขึ้นมาในพริบตา
‘ข้าต้องได้ตัวนาง! ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องได้นางมา!’ คนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นคิดอย่างหลงใหลในใจ
ความปรารถนาเผยออกมาจากดวงตาของเขาโดยไม่คิดปิดบังเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังเปล่งประกายความมุ่งมั่นออกมา
สายตาของเขาทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ
ส่วนผู้ชายที่โอบนางเข้าไปในอ้อมกอดแน่นไม่ยอมคลาย ก็ยิ่งรัดตัวนางแน่นเข้าไปอีก จนแทบจะบดนางเข้าไปในร่างเพื่อไม่ให้ใครได้พบเห็นอีก
นางสัมผัสได้ว่าลมหายใจของซือมั่วเย็นยะเยือกขึ้น
“ชิ!” เสียงสบถเสียงหนึ่งดังออกมาจากจมูกของซือมั่ว
ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังอยู่เหนือหัวทุกคน
และก็ทำให้คนของเผ่าชงเหยียนตกใจ
คนที่เป็นหัวหน้าได้สติขึ้นมาแต่ในดวงตาของเขาก็ยังคงมีความหลงใหลอยู่ เขาเปลี่ยนท่าทีส่งยิ้มให้มู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “ข้าชื่อว่าอินเถิง เป็นหลานชายหัวหน้าเผ่าชงเหยียน เป็นผู้นำคนต่อไปของเผ่าชงเหยียน สาวงามเจ้ากลับไปกับข้าเป็นอย่างไร?”
สีหน้าของซือมั่วดำทะมึน
เจ้าบ้าไม่รู้จักที่ตายคนนี้กล้าเกี้ยวพระชายาของเขาต่อหน้าเขา!
“บังอาจ! พระชายาของพวกเรา เจ้าสามารถลบหลู่ได้งั้นหรือ?” กู่เย่ตะคอกเสียงเหี้ยมใส่อินเถิง
รอยยิ้มบนใบหน้าของอินเถิงแข็งค้าง พูดอย่างดูแคลนว่า “ชิ เผ่ามารแล้วจะอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นพระชายา หรือว่าองค์หญิงเผ่ามาร วันนี้อย่างไรก็ต้องอยู่ต่อ!”
“รนหาที่ตาย!”
กู่หยาและกู่เย่รวมถึงองครักษ์มารทั้งห้าร้อยคนชูอาวุธในมือขึ้นพร้อมกันทันที
เมื่อคนของเผ่าชงเหยียนเห็นฉากนี้เข้าก็ควบคุมค่ายกล แมลงให้เตรียมพร้อมเข้าโจมตีในทันที
“ข้าว่าพวกเจ้าดูสถานการณ์ให้ดีก่อนดีกว่า อย่าขยับโดยพลการ ที่นี่คือเหวหนอนโบราณ มีแมลงนับไม่ถ้วนให้ข้าควบคุม พวกเจ้ามีคนเพียงเท่านี้ไม่ติดซอกฟัน บรรดาลูกรักของข้าหรอก” อินเถิงพูดอย่างหยิ่งผยอง
พูดแล้วเขาก็เปลี่ยนสีหน้าหันไปพูดกับมู่ชิงเกอว่า “สาวงาม ไปกับข้าเถอะ ในเผ่าชงเหยียนของข้าฐานะของเจ้าไม่มีทางตํ่าด้อยไปกว่าพระชายาเผ่ามารแน่นอน”
สีหน้าของมู่ชิงเกอดูเคร่งขรึม รวบรวมพลังจิตเอาไว้ในมือ
“มีวิธีอะไรที่สามารถฆ่าแมลงพวกนี้ได้บ้าง?” นางเอ่ยถามเสียงเบา นอกจากซือมั่วลงมือแล้ว นางก็หวังว่าจะมีวิธีอื่นที่จะทำลายทางตันนี้
เพียงแค่ฆ่าแมลงเหล่านี้และทำลายค่ายกลแมลงได้ คนเจ็ดคนตรงหน้าก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร
เกรงว่าสุ่มองครักษ์มารออกมาสักคนก็สามารถจัดการได้แล้ว
ปัญหาของมู่ชิงเกอทำให้กู่หยาและกู่เย่ขมวดคิ้วครุ่นคิด เวลานี้พวกเขาก็ลืมสนใจความเงียบของซือมั่ว องค์ราชาของพวกเขาดูเงียบจนเกินไป แม้แต่มู่ชิงเกอที่กำลังตั้งใจคิดหาวิธีอื่นเพื่อทำลายศัตรู อยู่ก็ไม่ได้สังเกตถึงสถานการณ์ของซือมั่วเช่นกัน
“แมลงเหล่านี้ถูกเพาะเลี้ยงมาเป็นพิเศษทั้งยังเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในเหวหนอนโบราณทำให้ร้ายกาจมาก…” กู่เย่พูดเสียงเข้ม ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา พูดอย่างยินดีว่า “ไฟ!”
“ไฟธรรมดาจะฆ่าพวกมันได้อย่างไร?” กู่หยาส่ายหน้า แต่กู่เย่ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “แต่พระชายามีเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุดและสามารถกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งมวลได้โดย เฉพาะอย่างพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิด!”
คำพูดของเขาทำให้ดวงตาของกู่หยาและมู่ชิงเกอเปล่งประกายขึ้นพร้อมกัน
ในเวลานี้เอง ซือมั่วก็กลับพุ่งออกไปอย่างกะทันกัน
มู่ชิงเกอรู้สึกเพียงแค่ว่ามือที่เอวคลายออก ผมของตนเองถูกลมพัดจนปลิวไสว เมื่อหันมองไปก็เห็นว่าซือมั่วได้พุ่งไปยังค่ายกลแมลงแล้ว
ฉากนี้ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไป กลั้นลมหายใจ
“เร็ว! ฆ่าเขาซะ!” อินเถิงสั่งการ
แมลงที่สงบนิ่ง เริ่มบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปใส่ซือมั่ว ดุจดั่งสายน้ำหลาก
แต่ซือมั่วก็ไม่สนใจจะมอง จุดมุ่งหมายของเขาก็คืออินเถิง
แมลงเหล่านี้ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ซือมั่วก็ถูกไอพลังที่แผ่ออกมารอบกายของเขาทำลายจนเป็นผง ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้เลย
กู่หยาและกู่เย่สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
“เหลือองครักษ์มารสามร้อยคนไว้คุ้มครองพระชายา ที่เหลือตามข้าไปสมทบกับองค์ราชา!” กู่เย่ตะโกนเสียงดัง นำกำลังคนพร้อมกับกู่หยาพุ่งตัวไปทางด้านที่ซือมั่วพุ่งไป
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว มู่ชิงเกอก็เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าไม่ต้องการการคุ้มครอง”
นางสะบัดมือ พญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดก็ลุกโชนขึ้นมาในมือของนางราวกับดอกบัวเพลิง แสงสว่างเจิดจ้าจากเปลวไฟขับไล่หมอกควันสีเหลืองในเหวหนอนโบราณให้กระจายหายไป
พญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดในมือของนางค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น หลังจากลอยขึ้นไปถึงกลางฟ้าก็พลันระเบิดออกกลายเป็นเปลวไฟนับไม่ถ้วนพุ่งลอยไปยังส่วนต่างๆ ของคลื่นแมลง
จี่ จี่!
เสียงของของแมลงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นเหม็นฉุนลอยออกมาผสมเข้ากับอากาศรอบๆ
บริเวณทะเลทรายเปลวไฟลุกโหมเต็มท้องฟ้า
ฉากนี้ทำใหอินเถิงตกตะลึง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวร้องออกไปว่า “ลูกรักของข้า!”
แมลงเหล่านี้เขาเพาะเลี้ยงขึ้นมาเป็นอย่างดี แต่มาตอนนี้กลับถูกคนใช้ใฟเผา?
เขายังไม่ทันได้สติขึ้นมาจากความเสียใจก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าเข้าที่คอ ยกเขาขึ้นมาจากพื้น
“อัก!”
คอของอินเถิงเกิดเสียงไม่น่าฟังออกมา
ลูกน้องทั้งหกของเขาก็ถูกองครักษ์มารที่ตามมาทันจับเอาไว้ เมื่อไม่มีแมลงคนพวกนี้ก็ไม่อยู่ในสายตาขององครักษ์มารเลย
“ฆ่า” ซือมั่วมองอินเถิงที่กำลังหวาดกลัวแล้วก็ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
เมื่อเสียงของเขาหลุดออกไป คนหกคนก็ถูกองครักษ์มารยกดาบขึ้นฟันศีรษะจนหลุดกลิ้งไปกับพื้น
เรื่องเช่นนี้พวกเขาเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
เมื่อคนหายไปหกคนก็ทำให้แมลงที่กำลังพุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ ค่อยๆ แยกกระจายออก ส่วนอินเถิงที่ถูกซือมั่วจับเอาไว้ในมือก็ไม่สามารถควบคุมแมลงได้อีก
ค่ายกลแมลงถูกทำลายแล้ว!
สามารถพูดได้ว่าถูกทำลายเพราะซือมั่วและมู่ชิงเกอร่วมมือกัน
พญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดกลับเข้าสู่ร่างกายของมู่ชิงเกอ บนพื้นและกลางอากาศมีซากแมลงที่ถูกเผาไหม้ตกลงมา เพียงแค่เหยียบเบาๆ พวกมันก็กลายเป็นผงไป
สีหน้าของมู่ชิงเกอซีดขาว หน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
การไช้พญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารนั้นสิ้นเปลืองพลังจิตมาก ดูเหมือนจะเป็นสิบเท่าของโลกแห่งยุคกลาง นางใช้พญาเพลิงอัคคีแรก กำเนิดเพียงแค่ครู่เดียวก็เกือบทำให้พลังจิตที่นางสะสมไว้หมดลง
‘บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าระดับพลังของข้าในขอบเขตนี้ต่ำเกินไป’ มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมลมหายใจ
หลังจากฟื้นฟูดีแล้วนางก็มองไปยังซือมั่ว
ส่วนซือมั่วก็ยังคงกุมคอของอินเถิง ไม่ว่าอินเถิงจะใช้สองมือทุบตีหรือดึงอย่างไรก็หลุดออกมาไม่ได้
“ตอนนี้ข้าจะจัดการเจ้าอย่างไรดี? ผู้ชายที่กล้าแย่งผู้หญิงของข้า” นํ้าเสียงเย็นชาของซือมั่วค่อยๆ ดังขึ้น เหมือนเสียงของปีศาจจากนรกมาทวงวิญญาณ ทั้งยังดู เหมือนเทพสวรรค์ที่กำลังพิโรธ